ฮอนด้า ผู้นำตลาดรถยนต์นั่งเมืองไทย นำเสนอ 2019 ฮอนด้า แจ๊ส ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่รุ่น S MT ราคา 5.55 แสนบาท และรุ่นสูงสุด RS+ ราคา 7.54 แสนบาท ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลัง 117 แรงม้า แรงบิด 146 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT
2019 ฮอนด้า แจ๊ส เป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กที่ผลิตโดย ฮอนด้า ในประเทศไทย ทำตลาดรถยนต์นั่งบีเซกเมนต์ เปิดตัวโฉมล่าสุดในปี 2018 เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 15 กม.ต่อลิตร น้ำหนักตัวรถ 1,086 กก.
ฮอนด้า (Honda) ถือเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดบี-เซกเมนต์ แฮชท์แบ็ค ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยรถยนต์รุ่นยอดนิยมอย่างฮอนด้า แจ็ซ (Honda Jazz) ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ ทำยอดขายไปอย่างมากมายในการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ถึง 2 รุ่น ที่ทำตลาดมานับ 10 ปี
เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของฮอนด้า แจ๊ซ เปิดตัวในประเทศไทยในปี 2014 ก่อนที่จะได้รับการปรับโฉมอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งในอีก 3 ปีถัดมา New 2017 Honda Jazz มาพร้อมการใส่รายละเอียดต่าง ๆ ลงในเพิ่มในตัวรถ การรักษาราคาจำหน่ายเอาไว้เพื่อแข่งขันกับตลาดอีโคคาร์ที่เติบโตขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
แต่แจ๊ซก็ยังเป็นแจ๊ซที่มีกลุ่มลูกค้าเดิมอย่างเหนียวแน่น ด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลายรูปแบบ เครื่องยนต์ที่สมรรถนะดี และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มีมาให้แบบครบครัน
แม้จะมีอายุอานามใกล้เคียงต่อการเปลี่ยนโฉมที่น่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ แต่เชื่อว่าฮอนด้า แจ๊ซ ก็ยังเป็นหนึ่งในรถที่มีคนถามหากันมากที่สุดเมื่อต้องการรถยนต์นั่ง 5 ประตูขนาดเล็กสักคัน เพราะราคาของรถรุ่นนี้ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากบรรดาอีโคคาร์รุ่นใหม่ ๆ สักเท่าไร
รีวิววันนี้จะขอพาไปลองแฮชท์แบ็คที่เคยครองความเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ 5 ประตูในประเทศไทยอย่างเหนียวแน่น และเป็นหนึ่งในไอคอนแห่งยุคที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายราย ต้องหันมาทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้ในประเทศไทยในที่สุด
ตารางราคาจำหน่าย New 2017 Honda Jazz |
Honda Jazz S MT |
5.55 แสนบาท |
Honda Jazz S CVT |
5.94 แสนบาท |
Honda Jazz V |
6.54 แสนบาท |
Honda Jazz V+ |
6.94 แสนบาท |
Honda Jazz RS |
7.39 แสนบาท |
Honda Jazz RS+ |
7.54 แสนบาท |
ตารางรายละเอียดทางเทคนิค New 2017 Honda Jazz RS+ |
มิติตัวถัง (กว้างxยาวxสูง) (มิลลิเมตร) |
1,695x4,035x1,525 |
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) |
2,530 |
ความสูงใต้ท้องรถ (มิลลิเมตร) |
135 |
เครื่องยนต์ |
SOHC i-VTEC |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี.) |
1,497 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) |
117/6,000 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) |
146/4,700 |
ระบบส่งกำลัง |
อัตโนมัติซีวีที |
ระบบขับเคลื่อน |
ขับเคลื่อนล้อหน้า |
ระบบบังคับเลี้ยว |
แร็คแอนด์พีเนียน อีพีเอส |
ช่วงล่างด้านหน้า |
อิสระ แมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง |
ช่วงล่างด้านหลัง |
ทอร์ชั่นบีม เอช-เชพ |
ระบบเบรกด้านหน้า |
ดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน |
ระบบเบรกด้านหลัง |
ดรัมเบรก |
ขนาดล้ออัลลอย (นิ้ว) |
16 |
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) |
40 |
รองรับเชื้อเพลิงสูงสุด |
แก๊สโซฮอล์ อี85 |
ตัวถังแนวสปอร์ต อัดอุปกรณ์เต็มที่
การออกแบบฮอนด้า แจ๊ซโฉมนี้ เรียกว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าการออกแบบรถยนต์ฮอนด้ารุ่นเก่าไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยภาพลักษณ์แนวอวกาศนิด ๆ ตัวถังที่ตีโป่งออกมาจากรุ่นเดิม เพิ่มความยาวของตัวรถและระยะฐานล้อออกมาให้สะดวกสบายสูงสุด
ในรุ่นอาร์เอสพลัสที่เราจะพูดถึงในรีวิวนี้เป็นหลัก กับค่าตัว 7.54 แสนบาท มาพร้อมระบบไฟหน้าแบบแอลอีดี ไฟเดย์ไทม์แบบแอลอีดี ไฟท้ายแบบแอลอีดี และไฟตัดหมอกคู่หน้า กระจังหน้าสีดำมัน พร้อมคิ้วโครเมียม และสัญลักษณ์ RS เพิ่มความดุดัน
สเกิร์ตข้างและสปอยเลอร์หลังติดตั้งมาให้เรียบร้อย กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับและพับด้วยไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง มาพร้อมระบบไล่ฝ้ารอบคันรถ ในรุ่นท็อปมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางแก้มเตี้ย เพื่อภาพลักษณ์ที่ดูสปอร์ตดุดันขึ้น
ห้องโดยสารเน้นขรึม ของเล่นเพียบ
ทีมออกแบบของฮอนด้าเลือกใช้โทนสีดำเป็นโทนมาตรฐานของการออกแบบห้องโดยสารของแจ๊ซ แตกต่างกันไปที่วัสดุที่เลือกใช้ในแต่ละรุ่น ในรุ่นท๊อปจะมาพร้อมเบาะผ้าแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยสีส้ม วัสดุบนแผงคอนโซลหน้าเป็นแบบเปียโนแบล็ก ระบบปรับอากาศอัตโนมัติควบคุมด้วยระบบสัมผัส
กุญแจสมาร์ทคีย์พร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่มกด เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้และพับได้แบบ 60:40 ในรุ่นท็อปมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ที่ใช้สวิตช์การควบคุมบนพวงมาลัย พร้อมด้วยแพดเดิชชิฟท์แบบ 7 สปีดที่พวงมาลัยเช่นกัน
มาตรวัดเรืองแสงสีฟ้า พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด อำนวยความสะดวกด้วยพนักเท้าแขนด้านหน้าพร้อมช่องเก็บแทบเล็ต มีที่วางแก้วน้ำ 7 ตำแหน่ง ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระด้านท้าย และระบบเตือนให้คาดเข็มนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า
เครื่องยนต์ตอบสนองดี มีติที่เสียงดัง
ฮอนด้าเลือกใช้เครื่องยนต์ไอ-วีเทค ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1,497 ซีซี. ที่มาพร้อมหัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-Fi เพื่อความแม่นยำในการฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในทุกสภาพการขับขี่ เพื่อเน้นการตอบสนองที่ดีที่สุดสำหรับการขับขี่ในทุกย่านความเร็ว
เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาให้รองรับเชื้อเพลิงสูงสุดถึงอี85 การทำงานจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านล้อหน้าลงสู่ท้องถนน
การตอบสนองของเกียร์ซีวีทีนั้นเน้นความไหลลื่นแบบไม่ดุดันมากนัก เมื่อมาเจอกับเครื่องยนต์ที่เน้นการขับขี่แบบเรื่อย ๆ เป็นหลัก ก็เคยมีปัญหาเรื่องเสียงของเครื่องยนต์ที่ครางกระหึ่มเมื่อใช้ความเร็วสูง ซึ่งหากไม่ได้ใช้รถที่ความเร็วสูงบ่อยนักก็ไม่ได้เป็นประเด็นอะไร
รถเล็กที่ความปลอดภัยไม่ได้เล็กตาม
แม้จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กในตลาด แต่ฮอนด้าเองก็อัดอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยมาอย่างเต็มที่ในรถของพวกเขา ฮอนด้า แจ๊ซ มาพร้อมถุงลมคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุก ๆ รุ่น และในรุ่นท็อปก็มาพร้อมถุงลมด้านข้างและม่านถุงลมด้านข้าง เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
ระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ติดตั้งมาให้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันล้อล็อก ระบบกระจายแรงเบรก ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน และระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกระทันหัน
อุปกรณ์ช่วยเหลือมากมายที่ติดตั้งมา ประกอบไปด้วยกล้องส่องภาพด้านหลัง พร้อมปรับมุมมองได้ 3 ระดับ เพิ่มความสะดวกในการถอยจอด เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ 3 จุด และระบบดึงกลับอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง ให้มาครบคน ครบที่นั่ง
กุญแจแบบอิมโมบิไลเซอร์พร้อมระบบสัญญาณกันขโมยติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบล็อกประตูอัตโนมัติก็ติดตั้งมาให้ แถมยังมีจุดยึดเบาะที่นั่งสำหรับเด็กมาให้อีก เรียกว่าเพียบพร้อสำหรับการดูแลกลุ่มลูกค้าตั้งแต่วัยรุ่นไปยังวัยทำงานมีครอบครัวขนาดเล็ก
ด้านระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ก็ใช่ย่อย ในรุ่นท็อปมาพร้อมเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอระบบสัมผัส 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อของแอปเปิล คาร์เพลย์ รองรับการสั่งงานด้วยเสียงและการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ ลำโพง 6 ตัวให้เสียงกระหึ่ม พร้อมช่องต่อยูเอสบี 2 ช่อง
ยังเป็นแฮชท์แบ็คที่น่าใช้งานอยู่เหมือนเดิม
ในช่วงตอนที่ฮอนด้าเปิดตัวแจ๊ซนั้น พวกเขาทำภาพลักษณ์ของรถยกระดับไปอีกขั้น ด้วยการออกแบบทั้งภายนอกภายในที่เหนือล้ำ อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้มากมายเต็มไปหมด และการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในวงกว้างได้ทั้งการใช้งานขับขี่ทั่วไปหรือการใช้ในการประกอบอาชีพ
จนเมื่อเวลาผ่านไป ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กถูกตีตื้นขึ้นมาด้วยคู่แข่งมากหน้าหลายตา แต่แจ๊ซก็ยังคงทำยอดขายได้แบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ไม่ได้อัดโปรโมชั่นอะไรรุนแรงนัก เพราะหลาย ๆ คนก็ยังต้องการความมั่นใจสำหรับรถที่เดินทางไปต่างจังหวัดได้ดีกว่าเครื่องยนต์เล็กในอีโคคาร์
แต่หากดูทิศทางแล้ว ฮอนด้า แจ๊ซ โฉมใหม่ที่จะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ ก็คงจะหนีไม่พ้นต้องเข้าโครงการอีโคคาร์ พร้อมเปลี่ยนไปคบหาเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ แบบเดียวกันที่ฮอนด้า ซิตี้ (Honda City) เดินหน้าไปก่อนแล้วหน้านี้
ใครที่สนใจอยากได้รถยนต์ 5 ประตูที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ในราคาที่ไม่ได้แตกต่างจากอีโคคาร์เครื่องยนต์เล็กมากนัก น่าจะเป็นช่วงท้าย ๆ แล้วที่ยังสามารถเลือกซื้อรถคันนี้ได้ เพราะถ้าช้ากว่านี้ ก็จำใจต้องไปคบหาเครื่องยนต์เล็กเหมือนกัน
ถ้ายังลังเลใจอยู่ก็รีบ ๆ ตัดสินใจได้เลย