2021 Isuzu MU-X (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์) วันนี้เราได้มาลองขับทั้งรุ่น 1.9 และ 3.0 ตัวท็อปทั้งคู่ เพื่อค้นหาว่าจำเป็นมั้ยที่จะต้องเพิ่มเงินให้ตัวแรง หรือมีอะไรแตกต่างมากกว่านั้น พร้อมกับเทียบคู่แข่งให้อ่านกันในตอนท้ายเช่นเคย
2021 Isuzu MU-X เป็นรถพีพีวีเจเนอเรชั่นที่ 3 ของอีซูซุ ซึ่งเป็นการแบของดีออกมาให้แบบหมดหน้าตัก เพื่อต้องการถีบตัวเองจากยอดขายอันดับ 3 ขึ้นมาโค่นแชมป์เก่าอย่าง Toyota Fortuner ให้ได้ ซึ่งการมีเป้าหมายก้าวกระโดดอย่างนี้ นั่นหมายความว่า อีซูซุ ต้องถือไพ่ดี ๆ อยู่ในมือแน่นอน ถึงได้มั่นใจขนาดนี้ เรามาค้นหากันว่ามันดีพอหรือไม่ ในรุ่นท็อปของทั้ง 2 เครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อดูราคาแล้วพบว่าห่างกันไม่น้อย
ราคา 2021 Isuzu MU-X
|
1.9 Active A/T
|
1,109,000 บาท
|
1.9 Luxury M/T
|
1,254,000 บาท
|
1.9 Luxury A/T
|
1,304,000 บาท
|
1.9 Elegance A/T
|
1,349,000 บาท
|
1.9 Ultimate A/T
|
1,434,000 บาท
|
3.0 Ultimate A/T
|
1,479,000 บาท
|
3.0 Ultimate A/T 4WD
|
1,579,000 บาท
|
ดีไซน์สวยหรู และอ่อนวัยขึ้น
ภายนอกออกแบบใหม่หมด เน้นความหรูด้วยกระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ คาดด้วยแถบโครเมียมแนวนอน มีการเล่นพื้นผิวนูนต่ำให้เกิดมิติแตกต่างกันไป มีกรอบกระจกหน้าต่างที่ต่อเนื่องกัน กับเส้นเอวข้างที่ยกสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัดส่วนแบบที่นิยมใช้ในรถเอสยูวีราคาแพง โดยรวมแล้วนับว่าไม่เหลือเค้าเดิม จนทำให้รุ่นเก่าดูล้าสมัยไปทันที
เมื่อดูรายละเอียดการออกแบบ ก็นับว่ากล้าให้ของแพงมาครบ ตั้งแต่เส้นไฟ LED ทรงลูกศร กับไฟหน้า Bi-LED พร้อมโปรเจคเตอร์ ในทุกรุ่นย่อย ส่วนล้อแม็กซ์ในรุ่น Ultimate ก็กล้าให้ล้อปัดเงาขนาดใหญ่สุดถึง 20 นิ้วเป็นครั้งแรกของอีซูซุ ทำให้รถดูมีพลัง ลายใบพัดอย่างนี้ ยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งดูเด่นมากบนท้องถนน
จุดที่อยากจะติในส่วนภายนอกมีนิดเดียว นั่นคือการตกแต่งด้านหลังที่ในรุ่น 3.0 แทบไม่ต่างจากรุ่น 1.9 สักเท่าไหร่ เช่น ใส่เส้นโครเมียมที่ขอบกระจกหลัง เปลี่ยนการ์ดกันชนล่างให้หนาและเว้าหลบท่อให้ชัดเจน หรือมีสปอยเลอร์หลังใหญ่ขึ้น เพื่อให้ถูกสังเกตได้ง่ายว่า รถคันนี้มีกำลังแรงต่างจากรุ่น 1.9 มากกว่าเดิมที่มีแค่อักษร 4WD ติดฝาท้ายเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม : เทียบหน้าตา 2021 Nissan Terra - Mitsubishi Pajero Sport – Ford Everest พีพีวีมวยรอง
มิติตัวถัง 2021 Isuzu MU-X
|
ความยาว (มม.)
|
4,850
|
ความกว้าง (มม.)
|
1,870
|
ความสูง (มม.)
|
1,875
|
ระยะฐานล้อ (มม.)
|
2,855
|
ระยะความสูงจากพื้น (มม.)
|
235
|
ภายในให้หนังนวมนิ่มไม่มีกั๊ก
เข้ามาภายในแล้วประทับใจกับวัสดุหนังใส่มาให้ทั้งคัน ที่คอนโซลด้านบนหุ้มหนังสังเคราะห์เต็มผืน นวมข้างคอนโซลก็ยังมีมาให้ และยังมีนวมประตูเยอะพอสมควร แถมตกแต่งคอนโซลด้วยแถบสีน้ำตาลทอง กับเส้นโครเมียมล้อมกรอบต่าง ๆ จึงปฎิเสธไม่ได้เลยว่ารุ่นนี้ให้ความหรูแตกต่างจากคู่แข่งชัดเจน
ความหรูเหล่านี้กลับดูไม่แก่หรือโบราณ เพราะมีดีไซน์ดูมีราคา ด้วยปุ่มกดแอร์ดิจิตอล เป็นแบบแป้นเปียโน เข้ากับพื้นสีดำ Piano black ส่วนปุ่มไฟฉุกเฉินออกแบบเรียบไปกับคอนโซลด้านบน ทำให้ไม่เกะกะสายตาและยังใช้งานง่าย พร้อมให้ฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่ทันสมัย เช่น ไฟแอมเบี้ยนตรงคิ้วประตู เบรคมือไฟฟ้าพร้อม Auto hold และที่สำคัญคือ หน้าจอขนาด 9 นิ้วฝังอย่างแนบสนิทในกรอบสีดำเงา
จุดติของการออกแบบคงไม่มี แต่อยากให้เพิ่มอุปกรณ์สร้างความหรูให้รุ่น Ultimate อีกนิด เช่น ใส่เครื่องเสียงยี่ห้อดัง หรือเพิ่มหลังคาซันรูฟ จะช่วยคนจ่ายเงินซื้อรุ่นท็อปได้ความรู้สึกหรูหราสมราคาที่จ่ายเพิ่ม
ออพชั่นตัวท็อปรุ่น 1.9 และ 3.0 เท่ากัน
ด้วยการสำรวจทั้งสเปคโบรชัวร์ และการเดินสำรวจรอบคันของจริง ก็พบว่าออพชั่นและการตกแต่งทั้งหมดของตัวท็อปทั้งแบบ 1.9 และ 3.0 มีความเท่ากันทุกประการ เหลือเพียงแค่เครื่องยนต์เท่านั้น จะสร้างความแตกต่างเพียงใด เรามาลองขับจริงทั้ง 2 รุ่นในวันเดียวกัน
ลองขับรุ่น 1.9 อย่าหวังจะแซงใคร
การลองขับครั้งนี้ ทีมงานใช้ถนนจริงตั้งแต่ในกรุงเทพจนถึงออกต่างจังหวัด กดแบบไม่เกรงใจค่าน้ำมัน พร้อมมีผู้โดยสารและสัมภาระเหมือนคนท่องเที่ยวจริง พบว่ามีความแรงแบบไม่กระชาก กดคันเร่งจมแล้วไม่หวือหวาอะไร พอแซงรถบรรทุกได้ คิดว่าถ้านั่งครบ 7 คนพร้อมสัมภาระเต็มคัน อาจจะแซงได้ในทางเรียบ แต่อย่าคิดแซงบนเนิน เพราะต้องเผื่อระยะแซงเยอะมาก ซึ่งไม่ได้มีให้แซงบ่อย ๆ คุณอาจจะต้องลุ้นเอาเอง
ข้อมูลทางเทคนิค 2021 Isuzu MU-X
|
เครื่องยนต์
|
ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ
|
ความจุ
|
1.9 ลิตร
|
3.0 ลิตร
|
กำลัง (แรงม้า/รอบต่อนาที)
|
150 / 3,600
|
190 / 3,600 |
แรงบิด (นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที)
|
350 / 1,800-2,600
|
450 / 1,800-2,600 |
เกียร์
|
อัตโนมัติ 6 สปีด
|
ช่วงล่างหน้า
|
อิสระปีกนกคู่ คอยสปริง และกันโคลง
|
ช่วงล่างหลัง
|
คอยสปริง 5 ลิ้งค์ และกันโคลง
|
ล้อและยาง
|
265/50 R20 |
ลองขับรุ่น 3.0 หวือหวาจนอาม่าเหวอ
แน่นอนว่าความแรงของเครื่อง 3.0 ลิตร 190 แรงม้า มีความทันใจตามเท้าขวา กระทืบแล้วยังให้แรงดึงดี(แต่ไม่ถึงขั้นกระชาก) เหมาะมากที่จะเอาไว้บรรทุกเต็มพิกัดขึ้นเนินชัน แล้วยังมีแรงเหลือไปแซงรถอื่นได้ง่าย ๆ ด้วยความแตกต่างชัดเจนระหว่าง 2 เครื่องนี้ ทำให้ขึ้นอยู่กับไลฟสไตล์คนใช้งานแล้วว่า จะขับให้อาม่านั่งหลับสบาย หรือขับซิ่งให้อาม่าเหวอ (หรือจะเป็นอากงก็คงได้ผลเหมือนกัน)
ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นได้ลองเพียงแค่การไต่เนินชันบนทางกรวด ซึ่งก็มีร่องน้ำทำเอาล้อไม่แตะพื้นบ้าง แต่ด้วยระบบล็อกเฟืองท้าย บิดเบา ๆ พร้อมแตะคันเร่งนิดเดียว รถก็คร่อมผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ช่วงล่างหนึบเกินคาด
ช่วงล่างลองบนความเร็วสูง พบว่ามีลักษณะเซ็ตมาหนึบ คือไม่ใช่รถนิ่ม และไม่แข็งสุดโต่ง แต่เลือกที่จะไปทางหนึบ มีการยืดแล้วหน่วงไม่เด้งเป็นลอน สังเกตจากการลองรูดคอสะพานทางตรง หรือโค้งลงทางด่วนที่ความเร็ว 90 กม./ชม. รถก็ยังดูดซับแรงสะเทือน พร้อมต้านแรงเหวี่ยง ลดความย้วยได้ดี ทั้งโช้ค สปริง กันโคลง รวมถึงยางหน้ากว้างซีรี่ย์ต่ำ ทำงานเข้าขากันมาก
นอกจากระบบช่วงล่างแล้ว การบังคับควบคุมก็เลี้ยวไปตามแรงมืออย่างว่องไว ลองหาช่วงถนนว่าง ๆ แล้วขับเปลี่ยนเลนกะทันหัน จำลองเหตุการณ์รถตัดหน้า ก็ยังพบว่ามีความแม่นยำ น้ำหนักดี(ผู้เขียนติดนิสัยชอบพวงมาลัยหนักมากกว่าเบา) โดยรวมแล้ว เรื่องแฮนด์ลิ่งดีกว่ารุ่นเดิม จนเจ้าของรุ่นเก่าอาจจะอิจฉาก็เป็นได้
ระบบความปลอดภัย นิ่มและไวมาก
การลองระบบความปลอดภัยนั้น สิ่งที่ประทับใจคือ สามารถชะลอความเร็วได้จนหยุดสนิท เรียกว่าใช้งานในเมืองก็ได้ นอกเมืองก็ดี มีการเร่งเครื่องให้อย่างนิ่มนวล แต่ชะลอตามคันหน้าอย่างไม่หัวทิ่ม เว้นแต่เราจงใจขับใกล้คันหน้ามาก ในระยะประมาณ 2 เมตร ระบบก็จะเตือน และถ้าใกล้ขึ้นไปอีกนิด ระบบเบรคอัตโนมัติจะจับเบรคให้ทันที เป็นระบบที่ดัดนิสัยพวกชอบขับรถจี้ตูดได้ดีมาก
ใครที่เคยบอกว่าชอบซื้อรถเพราะเทคโนโลยีสูงส่งและเคยมองข้ามแบรนด์อีซูซุไป อาจจะต้องคิดกันใหม่ เพราะ 2021 Isuzu MU-X โฉมนี้ จัดเต็มระบบทุกอย่างมาให้อย่างเต็มที่ และยังไม่ทิ้งความดีงามเดิม ๆ เรื่องความทนทาน ประหยัดน้ำมันที่ขับจริงแล้วได้ 12 กม./ล.ตามมาตรวัด
สรุปแล้วว่าระหว่างรุ่น 1.9 กับ 3.0 ที่ขับมาครบแล้ว ทีมงานเราชอบรุ่น 3.0 มากกว่า เพราะได้ทั้งความแรง และออพชั่นหรู ที่สำคัญคือ สำหรับใครที่ไม่ใช้ระบบขับ 4 ล้อก็มีรุ่น 3.0 ขับเคลื่อน 2 ล้อที่มีราคาเพิ่มจากรุ่น 1.9 ท็อปสุดไม่กี่หมื่นบาทให้เลือกด้วย ส่วนผู้อ่านจะชอบแบบเราหรือไม่ ต้องไปลองขับด้วยตัวเองครับ
อ่านเพิ่มเติม : ต้องดู 2021 Nissan Terra หน้าใหม่สวยใสใช้เครื่องเดิม เทียบตัวเก่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
คู่แข่งที่น่ากลัว Toyota Fortuner
สำหรับที่ชอบพีพีวีทรงสปอร์ต ต้องมอง 2020 Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) รุ่นย่อย 2.8 Legender 4WD ราคา 1,839,000 บาท มีความสวยเปรี้ยวกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าใหม่ ให้ความแตกต่างจากรุ่นล่างชัดเจน แถมได้เครื่องยนต์ที่ปรับปรุงใหม่ ได้กำลัง 204 แรงม้า ข้อเสียคือยังขาดระบบความปลอดภัยก่อนการชน และระบบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่างได้จนถึงหยุดนิ่ง
คู่แข่งสายแข็ง Ford Everest
สำหรับคนชอบความแรงให้ไปลอง 2021 Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ถ้าเล่นรุ่นท็อปสุด 2.0 Titanium+ 4x4 ราคา 1,799,000 บาท จะได้เครื่อง Bi-turbo 213 แรงม้า แรงสุดในระดับนี้ ได้ช่วงล่างนุ่มและเกาะถนนดี ความปลอดภัยพอกัน แถมด้วยมีซันรูฟที่ไม่เหมือนใคร ข้อเสียคือราคาเนี่ยแหละ จะเอื้อมไหวมั้ย
คู่แข่งสายหรู 2020 Mitsubishi Pajero Sport
ทางเลือกสำหรับสายหรูกับ Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) ในรุ่นย่อย GT-Premium 4WD Elite Edition ราคา 1,629,000 บาท ได้ออพชั่นหรูหราสุดขีด ตั้งแต่การตกแต่งด้วยสเกิร์ตและสปอยเลอร์รอบคัน เบาะหนังสะท้อนความร้อน มีเบรคมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold เบาะหลังได้จอพับได้ฝังเพดาน ส่วนความปลอดภัยก็มีครบเหมือนกัน ในราคาเพิ่มจาก Mu-X เล็กน้อย ถ้ายอมรับข้อเสียเรื่องพละกำลังไม่แรงทันใจได้ล่ะก็ ต้องไม่พลาดรุ่นนี้
อย่าลืมไปลอง 2020 Nissan Terra
คุ้มเกินคาดขนาดนี้ จะมองข้ามไปได้ยังไงกับ Nissan Terra (นิสสัน เทอร์รา) ได้รุ่นท็อป 2.3 VL 4WD 7AT ราคาเพียง 1,459,000 เท่านั้น ให้ออพชั่นครบเครื่องตั้งแต่ เบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมดันหลังไฟฟ้า เบาะแถวสองพับได้ด้วยไฟฟ้า มีหน้าจอฝังเพดานตอนกลาง ให้กระจกมองหลังแสดงผลจากกล้องโดยตรง ได้ระบบเตือนจุดบอดรอบคัน ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน แต่ยังขาดระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ