**บทความนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเจ้าของรถ 2020 Haval H6 และมาจากเว็บไซต์ประเทศจีน ไม่จำเป็นต้องสะท้อนถึงมุมมองของ AutoFun
ช่วงปลายปีที่แล้วผมออกรถคันแรกในชีวิตเป็น Haval H6 (ฮาวาล เอช6) เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งใช้มาได้ 3 เดือนกว่าแล้ว เมื่อก่อนผมต้องนั่งรถเมล์ไปทำงานทุกวัน แต่หลังจากซื้อรถแล้ว ผมใช้เวลาเดินทางแค่ 20 นาที และยังได้เวลานอนเพิ่มขึ้นอีกครึ่งชั่วโมง และในโอกาสช่วงวันหยุดวันตรุษจีนนี้ ผมก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์การใช้รถ Haval H6 ของผมให้เพื่อนๆทุกคน
ตอนผมเห็นรถ Haval H6 ครั้งแรก มันดึงดูดให้ผมอยากรู้จักมันมากขึ้น กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมเข้ากันกับไฟหน้าทรงเรียวยาว เส้นสายต่างๆ รอบคันดูทันสมัยผสานกับดีไซน์หน้ารถที่โดดเด่นซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัว
ไฟหน้า LED มาพร้อมฟังก์ชั่นปรับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ นอกจากจะดูสวยแล้วก็ยังใช้งานได้จริง ผมชอบฟังก์ชั่นนี้มากเพราะไม่ต้องกังวลว่าจะลืมปรับไฟสูง มันช่วยทำให้การขับรถตอนกลางคืนปลอดภัยขึ้น รอบคันรถมีสัญญาณเตือน 14 ตัวรอบคัน มันสามารถส่งสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อขับไปเจอสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ
หากเปิดฝารอบเครื่องยนต์ก็จะเห็นฉนวนกันเสียงและกันความร้อน ซึ่งสามารถลดเสียงรบกวน และช่วยกันความร้อนจากเครื่องยนต์ ทำให้การขับขี่สบายขึ้น
เมื่อเทียบเครื่องยนต์ 1.5t ที่มีเทคโนโลยีระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นแบบฉีดตรงต่อเนื่อง พบว่าเครื่องยนต์ 1.5gdit จะแรงกว่า แม้ถนนที่รถติดก็ขับคล่อง ส่วนการเร่งความเร็วบนถนนนอกเมืองก็ไม่มีปัญหา สามารถเปลี่ยนเลนได้สบาย อาจมีเสียงลมเข้าในรถบ้าง แต่ผมก็รับได้ เพราะ Haval H6 ยังคงเงียบมากเมื่อขับขี่ในชีวิตประจำวัน
กระจกมองข้างสามารถปรับและพับด้วยไฟฟ้า มีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับเมื่อมีรถเข้ามาใกล้ และยังมีระบบไฟเลี้ยวที่แจ้งเตือนเมื่อต้องการแซงหรือเปลี่ยนเลน
ระบบ Smart Keyless Entry กุญแจอัจฉริยะที่ปลดล็อกรถด้วยการกดปุ่ม ทั้งยังสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ ควบคุมระบบปรับอากาศ ระบบทำความร้อนบนเบาะ ฯลฯ โดยการสั่งงานผ่านแอปโทรศัพท์มือถือได้จากระยะไกล ซึ่งผมมักจะใช้มือถือเปิดแอร์ก่อนขึ้นรถ ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมาก
การขับขี่โดยรวมของ SUV คันนี้ให้ความรู้สึกค่อนข้างดี ส่วนด้านอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันผมว่ามันมีขึ้นกับนิสัยการขับขี่มากกว่า
ด้านหลังที่เป็นสไตล์ fast-back ค่อนข้างดีซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ท้ายรถ ส่วนประตูท้ายเป็นระบบไฟฟ้า ที่สามารถเปิดและปิดได้อย่างง่าย
ดีไซน์ภายในของ Haval H6 ดูพรีเมียม เบาะหุ้มด้วยหนังสีแดงเป็นหลัก มีความนุ่ม นั่งสบาย และสามารถปรับไฟฟ้าได้หลายทิศทาง พวงมาลัยหนังแบบมัลติฟังก์ชั่นก็มาพร้อมปุ่มควบคุมที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย
จอแสดงข้อมูลเป็นแบบ HUD head up display ที่สามารถแคสท์ข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้าได้ โดยไม่ต้องละสายตาจากหน้าจอ ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัย และจะเชื่อมต่อข้อมูลกับแผงหน้าปัดได้ด้วย ส่วนหน้าจอคอนโซลกลางมีขนาด 12.3 นิ้ว มีความละเอียดสูงและตอบสนองไว และยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงอีกด้วย แต่มันมีข้อเสียอย่างเดียวก็คือหน้าจอเป็นรอยนิ้วมือง่ายเหมือนกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
รอบคันรถติดตั้งกล้องความละเอียดสูงถึง 6 ตำแหน่งที่แสดงภาพแบบพาโนรามา 360 องศา ช่วยในการเข้าซองถอยจอด ทำให้มือใหม่สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งผมถูกใจกับฟีเจอร์นี้มาก
มีโหมดการขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ โหมดสปอร์ต โหมดมาตรฐาน โหมด Eco และโหมดหิมะ ซึ่งสามารถเลือกได้ตามสภาพถนน ผมมักใช้โหมด Eco เวลาที่รถติดเพื่อประหยัดน้ำมัน
พื้นที่ด้านหลังค่อนข้างกว้าง และนั่งเต็ม 3 คนก็ไม่รู้สึกอึดอัด แต่มีข้อเสียอย่างเดียวคือพื้นที่วางขาของเบาะหลังน้อยไปหน่อย คนที่ขายาวอาจรู้สึกนั่งไม่สบาย
แม้ว่าผมจะใช้ Haval H6 เจนเนอเรชั่นที่ 3 นี้ได้ไม่นาน แต่ก็รู้สึกเหมือนเพื่อนสนิทกันที่รู้จักกันมานานหลายปี ที่เข้าใจความชอบของผม และรู้ถึงความต้องการของผม ซึ่งไม่เพียงแก้ปัญหาการเดินทางในชีวิตประจำวันของผม แต่ยังช่วยให้ผมมีเวลาการพักผ่อนทำอย่างอื่นมากขึ้น