- รุ่นย่อยครบทุกความต้องการ
- ข้อดีที่ควรคบหา: เครื่องแรง เกียร์ล้ำ ความปลอดภัยถึง
- ข้อสังเกตที่ควรรู้ไว้
- ราคาพอ ๆ กับเจ้าตลาด
สำหรับรถกระบะจาก Nissan (นิสสัน) นั้นถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เนื่องด้วยความทนทานที่ไม่ต่างจากเจ้าตลาด แต่มีข้อดีบางอย่างที่เหนือกว่าอีกด้วย
Nissan Navara D40 ถือเป็นรุ่นแรกในไทยที่ทำตลาดชื่อรุ่น Navara หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะชื่อว่า Frontier ซึ่งต่างจากตลาดประเทศอื่นที่ใช้ชื่อรุ่นเดิมต่อไป
Navara รหัสตัวถัง D40 เริ่มทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2007 - 2014 นอกจากชื่อแล้ว ตัวรถก็เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งคันเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่ทำให้กระบะ Nissan ล้ำสมัยกว่าและแตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยคุณสมบัติดังนี้
เครื่องยนต์ที่แรงกว่าใครในตลาด
รถคันนี้มาพร้อมขุมพลังในแนวคิด Eco Power 2 ทางเลือก ได้แก่ รหัส YD-174 เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบขนาด 2.5 ลิตร VN Turbo ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิด 402 นิวตันเมตร พร้อมใช้ระบบเพลงถ่วงสมดุล Balancer Shaft System ช่วยลดการสั่นสะเทือน รวมถึงเสียงของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์อีกบล็อกคือรหัส YD-144 เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบขนาด 2.5 ลิตร VN Turbo ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิด 353 นิวตันเมตร
ทำให้ Navara D40 เป็นรถที่มีแรงม้าสูงที่สุดในตลาดในขณะนั้น เพราะไม่มีเครื่องยนต์ของรุ่นไหนของคู่แข่งที่มีแรงม้าทะลุ 170 ตัว
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ครั้งแรกในกระบะเมืองไทย
เครื่องยนต์ทั้งสองตัวจะมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ปิ๊คอัพในไทยมาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีดที่สามารถตอบสนองการขับขี่ที่หลากหลายด้วยอัตราเร่งแซงที่ทันใจ แต่ยังให้ความประหยัดและนุ่มนวลมากขึ้น
สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ 4x4 จะมาพร้อมสวิตช์แบบหมุน (All Mode Switch) ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนโหมดการขับขี่จาก 2 เป็น 4 ล้อได้อย่างง่ายดาย
ระบบความปลอดภัยที่ให้มาครบ
ระบบความปลอดภัยของ Navara D40 เริ่มต้นด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ABS EBD ที่กระจายแรงเบรกด้วยไฟฟ้าอิสระทั้ง 4 ล้อ ในรุ่นท็อปจะมาพร้อมระบบกุญแจรถแบบ immobilizer ป้องการการโจรกรรมพร้อมระบบกันขโมย
โครงสร้างของตัวรถในทุกรุ่นเป็นโครงสร้างตัวถังเพื่อความปลอดภัย Zone Body ปกป้องการกระแทกได้รอบทิศทาง โดยแบ่งโซนห้องโดยสารเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Crushable Zone ที่ดูดซับแรงกระแทกจากด้านหน้าตามมาตรฐาน UN SINCAP ของสหรัฐฯ
และ Safety Zone เสริมโครงสร้างเพิ่มความปลอดภัย โดยรุ่น King Cab มีคานเหล็กด้านข้างถึง 6 จุดซึ่งเหนือกว่าคู่แข่ง
ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด
Navara D40 มีดีไซน์ด้านหน้ามาพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโครเมียมสไตล์ Angle Strut ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ แต่ในรุ่นท็อปขับเคลื่อน 4 ล้อจะเป็น Bi-Xenon พร้อมปรับระดับสูง-ต่ำได้ 4 ระดับ
ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้ายที่ใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ฝาท้ายแบบ One touch ดีไซน์แบบ V-Shape เพิ่มการตกแต่งสีดำทำให้ดูดุดันยิ่งขึ้น ด้านข้างเราจะเห็นล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 255/70 R16 ในรุ่น 4x4 และ 205 R16 ในรุ่น 4x2 พร้อมโป่งล้อขึ้นรูปเนื้อเดียวกับตัวถัง และในรุ่น 4x4 โป่งล้อจะใหญ่เป็นพิเศษ
Chassis รับน้ำหนักได้ดี
Navara D40 มาพร้อมแชสซี NGT Platform (Nissan Global Technology Platform) ผลิตจากเหล็กกล้าขึ้นรูป 2 ชั้น ทนแรงบิดและดูดซับแรงกระแทก รองรับการบรรทุกหนัก
ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระคอยล์สปริง ปีกนก 2 ชั้น และทอร์ชั่นบาร์ ด้านหลังแบบแหนบ ลีฟ-สปริง พร้อมโช้คอัพไขว้
รุ่นย่อยครบทุกความต้องการ
Navara D40 เริ่มต้นด้วยรุ่นขับ 2 ตัวเตี้ยหรือ 4x2 มาพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่ King Cab SE ที่มีให้เลือกเป็นเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ
รุ่น Calibre เป็นรุ่นขับ 2 ยกสูงซึ่งซอยแบ่งออกมาถึง 10 รุ่นย่อยและ รุ่น 4x4 ขับเคลื่อน 4 ล้อที่มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ King Cab เกียร์ธรรมดา และรุ่น Double Cab 4 ประตูที่มีเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติให้เลือก
นอกจากนี้ในปี 2013 ยังออกรุ่น Navara CNG ที่สามารถรองรับพลังงานทางเลือก ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น แต่จำหน่ายในรุ่นหัวเดี่ยวและ King Cab 4x2 เท่านั้น ซึ่งจะมาในเครื่องยนต์เบนซินรหัส QR25DE ความจุ 2.5 ลิตร 154 แรงม้า พร้อมแรงบิด 242 นิวตันเมตร
ข้อสังเกตที่ควรรู้ไว้
ข้อสังเกตที่ควรรู้ของรถรุ่นนี้ ได้แก่ ข้อแรกคือ วงเลี้ยวที่กว้างกว่าคู่แข่ง ข้อต่อมาคือเครื่องยนต์แม้จะมีขนาดความจุน้อยกว่ารุ่นอื่น แต่ด้วยกำลังแรงม้าที่สูงทำให้มีเสียงของผู้ใช้งานพบว่ารถคันนี้กินน้ำมันกว่ารุ่นอื่นอยู่บ้าง
ข้อสุดท้ายนั้นอาจเป็นปัญหาสำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งรถ เพราะ Navara D40 คือรุ่นที่บุกเบิกการใช้น็อตล้อ PCD 6 รู 114.3 มม. ซึ่งต่างจากยี่ห้ออื่นในตลาดที่เป็น 6 รู 139.7 มม. อาจทำให้การหาล้อแต่งทำได้ยากกว่า แต่หากต้องการใช้รถเดิม ๆ ก็คงไม่เป็นปัญหานัก
นอกจากนี้ จะเป็นรายละเอียดปลีกย่อย เช่น พวงมาลัยที่มีระยะฟรีมาก คลัตช์แข็ง(รุ่นเกียร์ธรรมดา) หรือแค็บด้านหลังที่แคบเกินไป เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม : ซื้อรถมือสอง ต้องลองขับด้วย จับผิดหลายจุดที่คนพลาด ก่อนจ่ายตังค์
ราคาพอ ๆ กับเจ้าตลาด
ด้วยราคามือสองของ Nissan Navara D40 จากเว็บไซต์ต่าง ๆ อยู่ที่ 2 แสนปลาย - 3 แสนกลาง ๆ ขึ้นอยู่กับภาพ ทำให้รถคันนี้มีราคาที่พอ ๆ กับกระบะเข้าตลาดในปีเดียวกันอย่าง Isuzu D-Max และ Toyota Vigo
หากใครชื่นชอบในข้อดี และสามารถยอมรับข้อเสียของ Nissan Navara D40 ได้ ก็สามารถหามาจับจองกันได้เลย
อ่านเพิ่มเติม : รวม 5 รถมือสองอายุ 20 ปีที่มาก่อนกาล มีออพชั่นล้ำสุด นำเทรนด์หลายอย่าง ยังมีใช้จนถึงปัจจุบัน