Navara โฉมปัจจุบันออกทำตลาดมานานหลายปี โดยมีให้เลือก 3 รูปแบบตัวถังเหมือนกับคู่แข่งทั่วไป คือแบบตอนเดียว แบบ 2 ประตู และแบบ 4 ประตู โดยมีรุ่นท็อปคือ Navara 4WD VL 7AT เคาะราคาค่าตัว 1.096 ล้านบาท
เราไปชมกันว่ารถกระบะ Navara ที่ไม่โดดเด่นแต่ตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดีนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง
Nissan Navara มีราคาจำหน่ายดังนี้
ตัวถังตอนเดียว ซิงเกิลแค็บ
รุ่น SL 6MT ราคา 559,000 บาท
รุ่น SWB 6MT ราคา 769,000 บาท
รุ่น SL 6MT 4WD ราคา 655,000 บาท
ตัวถัง 2 ประตู คิงแค็บ
รุ่น S 6MT ราคา 637,000 บาท
รุ่น E 6MT ราคา 667,000 บาท
รุ่น Calibre E 6MT Black Edition ราคา 790,000 บาท
รุ่น Calibre EL 6MT ราคา 799,500 บาท
รุ่น Calibre V 7AT ราคา 872,000 บาท
ตัวถัง 4 ประตู ดับเบิลแค็บ
รุ่น S 6MT ราคา 693,000 บาท
รุ่น Calibre E 6MT Black Edition ราคา 877,000 บาท
รุ่น Calibre EL 7AT Black Edition ราคา 950,000 บาท
รุ่น Calibre E 6MT ราคา 840,500 บาท
รุ่น Calibre EL 7AT ราคา 914,500 บาท
รุ่น Calibre V 7AT ราคา 943,500 บาท
รุ่น 4WD VL 7AT ราคา 1,096,000 บาท
มิติตัวถัง
ขนาดตัวถังของ Nissan Navara รุ่น 4 ประตูดับเบิลแค็บมีความยาว 5,255 มม. กว้าง 1,850 มม. สูง 1,820 มม. ระยะฐานล้อ 3,150 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 220 มม. รัศมีวงเลี้ยว 6.3 เมตร และน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,998 กก.
ความยาว
|
5,255 มม.
|
ความกว้าง
|
1,850 มม.
|
ความสูง
|
1,820 มม.
|
ระยะฐานล้อ
|
3,150 มม.
|
ระยะต่ำสุดจากพื้น
|
220 มม.
|
น้ำหนักรถ
|
1,998 กก.
|
ไฮไลท์
ตามเทรนด์การปรับแต่งรถกระบะให้ดูดุดันยิ่งขึ้นซึ่งมีให้เห็นทุกยี่ห้อ Nissan ไม่พลาดร่วมขบวนด้วยการส่ง Navara เวอร์ชั่น Black Edition ใหม่เปิดตัวทำตลาดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์สีรมดำ กรอบไฟตัดหมอกสีดำ กระจังหน้าสีดำ กระจกมองข้างสีดำ มือเปิดประตูภายนอกสีดำ บันไดข้างสีดำ กันชนหลังสีดำ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีดำ รวมถึงสติกเกอร์รอบคันที่ใช้สีดำทั้งหมด
การออกแบบภายนอก
เนื่องจากมีอายุในตลาดนานหลายปี Nissan Navara ใหม่ค่อนข้างเสียเปรียบคู่แข่งในเรื่องความสดใหม่ แม้จะมีอุปกรณ์ค่อนข้างครบก็ตาม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และไฟหรี่แบบ ED มีเดย์ไลท์ ไฟตัดหมอกหน้า กระจกมองข้างสีโครเมียม ปรับและพับเก็บไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว LED มือจับเปิดประตูด้านนอกสีโครเมียม บันไดข้างสีเงิน กระจังหน้าโครเมียม กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถตกแต่งเสริมด้วยสีดำ คิ้วขอบหน้าต่างโครเมียม สปอยเลอร์ด้านหลัง ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 255/60 R18 และราวหลังคา
รูปลักษณ์เมื่อมองในภาพรวมอาจไม่ใช่รถที่มีความโดดเด่นหรือหวือหวาอะไรมากนัก แต่จะดูสวยงามเมื่อมองไปนาน ๆ เพราะมีความลงตัวของเส้นสายที่เฉียบคมและโค้งมนกลมกลืน แถมยังแฝงด้วยความบึกบึนแข็งแกร่งและไม่ล้ำสมัยจนเกินไป จึงน่าจะโดนใจคนที่ชอบความภูมิฐาน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าวัยกลางคน
ดีไซน์ในห้องโดยสารมีความเรียบง่ายเช่นกันแต่กระนั้นมอบความหรูหราแบบรถยนต์นั่งทั่วไป โทนสีภายในเป็นสีดำ เบาะนั่งแบบแยก วัสดุหุ้มเบาะและแผงประตูหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์สีดำ แผงควบคุมเครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศสีดำ พร้อมตกแต่งลาย Piano Black คอนโซลกลางพร้อมช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V แบบมีฝาปิด พร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 จุด มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมช่องเก็บของที่แผงประตูด้านหน้าและหลังพร้อมที่วางขวดน้ำ
เมื่อปราดตามองการออกแบบภายในก็รู้ได้ทันทีว่าเน้นความเรียบง่ายและเนียนตาแบบภายนอก ใช้สีโทนดำสลับสีเงินเมทัลลิกที่ทำให้ตัวรถดูทันสมัยได้จนถึงปัจจุบัน วัสดุที่ใช้ถือว่าค่อนข้างดี และงานประกอบก็มีคุณภาพ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า และมีช่องแอร์ด้านหลังซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัย
ความปลอดภัยครบครันทั้งแบบป้องกันอุบัติเหตุและปกป้องผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ สมราคาการเป็นรุ่นท็อประดับ 1 ล้านบาทเศษ โดยมีระบบต่าง ๆ ดังนี้
- ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA
- ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และหัวเข่าผู้ขับขี่
- ระบบลิมิเต็ดสลิป ABLS
- ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ VDC พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS
- ระบบช่วยในการขับบนทางลาดชัน (HSA, HDC)
- กระจกบังลมหน้าแบบอัดซ้อนนิรภัย (Laminated Glass)
-เข็มขัดนิรภัย เบาะนั่งด้านหน้า ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ และสัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย เบาะนั่งด้านหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง เบาะนั่งด้านหน้า ด้านผู้ขับขี่และผู้โดยสารปรับระดับได้
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX
- กุญแจรีโมทพร้อม Immobilizer และสัญญาณกันขโมย
- ระบบกุญแจอัจฉริยะ
- กล้องมองหลัง
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor)
- โครงสร้างนิรภัย Zone Body
- คานกันกระแทกด้านข้าง
- พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ เมื่อเกิดการชนด้านหน้า
- ระบบตัดวาล์วน้ำมันเชื้อเพลิงอัตโนมัติ ในกรณีรถพลิกคว่ำ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย
- คอนโซลกลางพร้อมช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V แบบมีฝาปิด พร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 จุด
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ช่องเก็บของที่แผงประตูด้านหน้าและหลังพร้อมที่วางขวดน้ำ
- ระบบ NISSAN CONNECT
- เครื่องเสียงพร้อมวิทยุ FM / AM , MP3 พร้อมจอ Touch Screen ขนาด 8 นิ้ว, ช่องต่ออุปกรณ์ USB / AUX
- ระบบนำทาง
- ลำโพง 6 ตัว
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกซ้าย-ขวา
- พวงมาลัยพาวเวอร์ปรับระดับได้ ชนิดหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง
- มาตรวัดรอบ มาตรวัดระยะทางแบบดิจิตอล มาตรวัดเรืองแสง
- มาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ 3 มิติ (3D Display)
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth
- เบาะนั่งด้านหน้าฝั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสาร ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมหมอนรองศีรษะ
- เบาะนั่งด้านหลังแบบพับได้ หมอนรองศีรษะสำหรับ 2 ที่นั่ง
- กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน และตัดแสงในเวลากลางคืนอัตโนมัติพร้อมเข็มทิศ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- ระบบ Push Start
ระบบขับเคลื่อน
Navara ตัวท็อปมาพร้อมเครื่องยนต์ YD25DDTi คอมมอนเรล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน (VGS) อินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2.5 ลิตร 2,488 ซีซี พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล
สำหรับรุ่นรองลงไปบางโมเดลจะใช้เครื่องยนต์เดียวกันแต่มีพละกำลัง 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 403 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที
สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบาย
สมรรถนะในภาพรวมของ Nissan Navara อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ได้ปราดเปรียวเหนือชั้นกว่าคู่แข่ง ขณะเดียวกัน ไม่ได้มีกำลังอ่อนด้อยจนเกินไป การออกตัวอืดเล็กน้อยตามสไตล์รถกระบะที่มีตัวถังขนาดใหญ่ แต่เมื่อลอยลำไปแล้ว อัตราเร่งและแรงบิดมีมาให้ใช้สำหรับการเร่งแซงในช่วงความเร็วปานกลางถึงสูงได้แบบสบาย ๆ
การควบคุมตัวรถทำได้ง่าย ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้อย่างนุ่มนวลและไหลลื่น ทำให้การตอบสนองต่อการเร่งแซงทำได้ดังใจ เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับการใช้งานฝ่าการจราจรในเมืองและการขับขี่ทางไกลนอกเมือง
เบาะนั่งเป็นจุดหนึ่งที่ต้องเอ่ยชมเพราะมีความนุ่มสบาย ไม่แข็งและไม่อ่อนจนเกินไป แต่เบาะนั่งตอนหลังอาจสั้นและชันไปหน่อยสำหรับคนที่มีรูปร่างสูง ช่องแอร์หลังช่วยคลายร้อนได้ดี ส่วนช่องเก็บของจุกจิกมีให้ใช้เพียบพร้อม
การเก็บเสียงถือว่าทำได้อย่างดีเยี่ยม เสียงเครื่องยนต์ในการขับขี่ปกติไม่ดังมากนักจนกระทั่งจะแผดเข้ามาเมื่อกดคิกดาวน์เร่งรอบเครื่องยนต์
อัตราความประหยัดน้ำมัน
Nissan Navara รุ่นท็อป Double Cab 4WD VL 7AT มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 13-14 กม.ต่อลิตร
สรุป
ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดี รูปลักษณ์พอไปวัดไปวาได้ ระบบความปลอดภัยพอตัว และความสะดวกสบายรองรับทุกการใช้งาน ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทำให้ Nissan Navara รุ่นท็อป Double Cab 4WD VL 7AT อาจกลายเป็นลูกคนกลางที่คนมักมองข้ามจนไม่อาจเลือกรุ่นอื่นได้แล้วนั่นล่ะถึงจะหันมามองรถกระบะที่ไม่หวือหวาคันนี้
ราคาจำหน่ายรุ่น 4 ประตูมีให้เลือกหลายระดับ ตั้งแต่ 6 แสนปลายไปจนถึง 1 ล้านบาทเศษ น่าจะถูกใจคอรถกระบะที่มองหาเพื่อนคู่ใจสักคันที่พร้อมจะไปกับคุณได้ทุกที่ ถ้าไม่ติดว่ามีอายุในตลาดนานหลายปีและมีคู่แข่งสดใหม่คอยจ้องฉกลูกค้าอยู่อีกเพียบ