Mitsubishi Motors Corporation (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น) ประกาศแผนธุรกิจระยะกลางด้วยการผลักดันภูมิภาคอาเซียนเป็นตลาดหลักในด้านการพัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ เพิ่มศักยภาพโรงงานและตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาค โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 11.4% ภายใน 3 ปีจากนี้
รายงานตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรกของปีธุรกิจ 2563 ของมิตซูบิชิ ระบุถึงแผนการปรับตัวที่น่าสนใจของค่ายรถนี้หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดแนะนำสินค้าใหม่ในตลาดยุโรป การปรับโครงสร้างการผลิตและการจำหน่ายในญี่ปุ่น รวมไปถึงการเติบโตในตลาดจีนด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร
แต่ไฮไลท์สำคัญก็คือการที่มิตซูบิชิประกาศให้อาเซียนเป็นภูมิภาคหลักที่จะเป็นศูนย์กลางในการเติบโตในช่วงแผนธุรกิจระยะกลาง รวมถึงจะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจในโอเชียเนีย เอเชียใต้ อเมริกาใต้ รวมไปถึงตะวันออกกลางและแอฟริก ด้วยการขยายขีดความสามารถของสินค้าที่ผลิตในอาเซียน
ความสำคัญของตลาดอาเซียน
อาเซียนกลายเป็นตลาดที่สร้างยอดจำหน่าย ส่วนแบ่งตลาดและผลกำไรในการการปฏิบัติการให้กับมิตซูบิชิมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการก็เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ โดยในปีธุรกิจ 2562 จะเป็นปีที่ผลกำไรในการปฏิบัติการของอาเซียนจะกลับไปเหนือกว่าในตลาดโลกอีกครั้งในรอบ 3 ปี
ทางด้านยอดจำหน่ายนั้น มิตซูบิชิระบุว่าในปีงบประมาณ 2562 อาเซียนจะมียอดจำหน่าย 291,000 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 10.6% ขณะเดียวกัน พวกเขาก็มั่นใจว่าภายในปีงบประมาณ 2565 ยอดขายในอาเซียนของพวกเขาจะทำได้ 375,000 คันหรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 11.4% เลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งของการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของมิตซูบิชิมาจากการผนึกกำลังของฐานการผลิตที่มีความหลากหลาย โดยฐานการผลิตหลักของบริษัทนั้นตั้งอยู่ในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และล่าสุดในประเทศเวียดนาม ที่พวกเขามีแผนงานที่จะขยายฐานการผลิตไปอีกมากในอนาคต
4 ตลาดหลักอาเซียนของมิตซูบิชิ
อินโดนีเซียคือประเทศที่มียอดจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิมากที่สุด โดยพวกเขามียอดจำหน่ายในปีงบประมาณที่ผ่านมา 107,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 10.7% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 133,000 คันหรือส่วนแบ่ง 11.4% ใน 3 ปีข้างหน้า และยังเป็นฐานการผลิตมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร ขนาดใหญ่
ประเทศไทยนั้นเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกขนาดใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิในภูมิภาค และมียอดจำหน่ายเป็นอันดับ 2 โดยมียอดจำหน่าย 81,000 คันในปีงบประมาณล่าสุด คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 8.6% และมิตซูบิชิตั้งเป้าว่าจะมียอดขาย 98,000 คันในอีก 3 ปีข้างหน้า คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 9.3%
ขณะที่ตลาดฟิลิปปินส์นั้นมียอดขายปีที่ผ่านมา 61,000 คัน คิดเป็นสัดส่วน 16% และมีแผนที่จะเพิ่มยอดขายเป็น 80,000 คันหรือส่วนแบ่งตลาด 17.8% ใน 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ตลาดใหม่อย่างเวียดนาม มียอดจำหน่าย 30,000 คัน คิดเป็น 9.8% ในปีที่ผ่านมา และตั้งเป้า 43,000 คันหรือ 10% ใน 3 ปีข้างหน้า
แผนงานหลักเพื่อการเติบโตในอนาคต
การปรับเพิ่มในเรื่องเครือข่ายการจำหน่ายและการให้บริการคือแผนงานหลักของค่ายมิตซูบิชิ ที่สำคัญไม่แพ้การพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับความต้องการของผู้บริโภค โดยมิตซูบิชิได้วางแผนสำหรับการพัฒนาตลาดหลักทั้ง 4 แห่งในอาเซียนเอาไว้อย่างชัดเจนและรัดกุมเพื่อรับมือกับคู่แข่ง
สำหรับในประเทศไทย จะมีการเปิดโชว์รูมใหม่เพื่อทดแทน รวมถึงการพัฒนาโชว์รูมรูปแบบใหม่ ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและหัวเมืองหลัก รวมไปถึงการเดินสายการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดอย่าง มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ซึ่งเป็นข่าวมาสักระยะว่าจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณนี้
ตลาดอินโดนีเซีย จะยังคงเน้นการจำหน่าย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ในระยะยาว พร้อมปรับความแข็งแกร่งของยตัวแทนจำหน่าย ในฟิลิปปินส์ จะเริ่มทำการผลิตและส่งออกรถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดเล็กสู่ตลาดอาเซียน ส่วนเวียดนามนั้น ก็จะเริ่มการผลิตเอ็กซ์แพนเดอร์ รวมถึงการเตรียมเปิดโรงงานใหม่ในอนาคต
พัฒนาสินค้าใหม่ลุยตลาดอาเซียน
ไม่ใช่แค่เรื่องของโรงงานหรือการพัฒนาตัวแทนจำหน่ายใหม่เท่านั้น มิตซูบิชิเองยังเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่สำหรับตลาดอาเซียนในอนาคตเช่นเดียวกัน เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างยอดจำหน่ายใหม่ ๆ ให้เติบโตขึ้นในอนาคต ตามแผนงานที่บริษัทวางเอาไว้ว่าจะมีส่วนแบ่ง 11.4% ในภูมิภาคนี้ใน 3 ปี
ที่ผ่านมา พวกเขาได้เปิดตัวรถยนต์และรถเชิงพาณิชย์ไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมิตซูบิชิ ไทรทัน, มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส รวมไปถึงแผนงานที่จะเปิดตัวปลั๊กอินไฮบริดคันแรกอย่างมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่ประเทศไทยเป็นที่แรกในภูมิภาค
มิตซูบิชิยังมีแผนที่จะเปิดตัวมิตซูบิ ไทรทัน ใหม่ ในปีงบประมาณ 2565 จากนั้นนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 เป็นต้นไป พวกเขาก็มีแผนที่จะเปิดตัวมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ไฮบริด ที่จะมาพร้อมเอ็กซ์แพนเดอร์โฉมใหม่ ที่คาดว่าจะต้องเปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกัน และเป็นสินค้าที่สำคัญของภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ พวกเขายังมีแผนงานที่จะเปิดตัวมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต ใหม่ ตามการเปิดตัวของรถกระบะ และที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นก็คือ มิตซูบิชิมีแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีก 2 รุ่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งดูจากภาพเงาที่ให้มาในรายงานแล้ว ก็คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเอสยูวีหรือพีพีวี แต่ยังไม่มีรายละเอียดในเรื่องนี้
มิตซูบิชิยังระบุว่า จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ของพวกเขา ไม่ว่จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาสมรรถนะให้ดียิ่งขึ้น การโปรโมตเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามาร่วมขับเคลื่อนรุ่นใหม่ ๆ รวมถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมากมายที่จะนำมาใช้เช่นกัน