MINI (มินิ) ค่ายรถยนต์คันเล็กตัวจี๊ดในเครือ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) เตรียมตัวเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้ ด้วยการจัดแสดงรถยนต์เซฟตี้คาร์พลังงานไฟฟ้า The MINI Electric Pacesetter inspired by JCW พร้อมด้วยรถยนต์ MINI Clubman (มินิ คลับแมน) รุ่นพิเศษ จำกัดเพียง 10 คัน
MINI Electric Pacesetter (มินิ อีเลกทริค เพซเซตเตอร์) คือการผสานการขับเคลื่อนโลกอนาคตแห่งยานยนต์ไฟฟ้า เข้ากับประวัติศาสตร์ของสนามแข่งอย่างจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ และเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกของทีมออกแบบของมินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์สปอร์ต
ขณะที่ MINI Clubman Cooper S Jermyn Edition คือการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากถนนสายแฟชั่นในประเทศอังกฤษ ที่มาด้วยจำนวนจำกัดเพียง 10 คันเท่านั้น และมีเฉพาะรุ่นคูเปอร์ เอส ตัวแรง โดยยังมาพร้อมการอัพเดตระบบความบันเทิงและการสื่อสารรูปแบบใหม่อีกด้วย
พบกันในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป แต่น่าสนใจขนาดไหน มาชมกันเลย...
The MINI Electric Pacesetter inspired by JCW
เซฟตี้คาร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ขับขี่สนุกตามสไตล์มินิที่มาพร้อมความคล่องตัวแบบรถยนต์ไฟฟ้า โดยออกแบบมาเพื่อการใช้งานรถคันนี้ในสนามแข่ง และมีการลดน้ำหนักลงไป เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับรถคันนี้ในภารกิจพิเศษเมื่อปฏิบัติการจริง
ตัวรถนั้นถูกออกแบบเพื่อเน้นเป็นพิศษในการลดน้ำหนักตัวถังด้วยวัสดุน้ำหนักเบา ทำให้รถมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นมาตรฐานถึง 130 กิโลกรัม ส่งผลดีต่อสมรรถนะที่ทำให้สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 6.7 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นมาตรฐานมากพอสมควร
ภายนอกออกแบบมาเพื่อใช้ในสนามแข่งโดยเฉพาะ ตัวรถเป็นสีเงินด้านตัดด้วยสี Highspeed Orange และตกแต่งด้านท้ายเป็นสี Curbside Red คงรูปแบบมินิ คลาสสิค ทั้งไฟหน้าทรงกลมและกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม ติดตั้งงานเอกลักษณ์ของ JCW เช่น ซุ้มล้อใหม่ สเกิร์ตด้านหน้า และสปลิตเตอร์ซ้าย-ขวา
กระจังหน้าปิดทึบแบบรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อเสริมประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์ ยกเว้นบริเวณด้านล่างกระจังหน้าและชุดกันชนหน้าที่เพิ่มดีไซน์ให้คล้ายช่องดักอากาศเพื่อระบายความร้อนให้ชุดเบรก ส่วนไฟสีขาวกะพริบของรถนั้นถูกรวมเข้ากับฝากระโปรงหน้าไว้ได้อย่างกลมกลืน
ลวดลาย Bonnet Stripes ตั้งแต่หลังคายันท้ายรถ ด้านข้างมาพร้อมชุดแอโรไดนามิกส์ที่ดุดัน ติดตั้งสเกิร์ตด้านข้างทรงสปอร์ต ลวดลายด้านข้างรถและสปอยเลอร์ผลิตที่โรงงานออกซ์ฟอร์ดด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ จากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ เน้นการรีดสมรรถนะของรถ
ลวดลายสีเหลืองที่เด่นชัดและพื้นผิวของชุดแต่งแอโรไดนามิกส์ เช่น ลวดลายด้านข้างรถ สเกิร์ต และสปอยเลอร์หลัง ได้รับการออกแบบมาให้รีดลม รับกับการเป็นช่องทางผ่านของอากาศ เพิ่มความสวยงามให้กับแผ่นเบนอากาศและขอบแอโรไดนามิกส์ ล้อฟอร์จขนาด 18 นิ้วในโทนสีดำสลับสีส้มนีออน
ด้านท้ายรถเป็นสีดำและสีแดง Curbside Red metallic ตัดด้วยลายเส้นสีเหลืองที่ลากสายตาจากหน้ารถมาข้างรถ สปอยเลอร์บนหลังคาด้านหลังโดดเด่นลู่ลม ลายเส้นสีเหลืองนั้นถูกรวมเข้ากับชุดไฟสัญญาณ และผลิตขึ้นจากโรงงานในเมืองออกซ์ฟอร์ดด้วยเทคนิคเดียวกัน
ซุ้มล้อแบบกว้างเปิดเน้นให้เห็นถึงความกว้างของรถและเข้ากันได้ดีกับสเกิร์ตด้านหลังที่มีร่องตัดรอบล้อ ช่วยให้มองเห็นยางรถแข่งสุดดุดัน และระหว่างล้อมีดิฟฟิวเซอร์ โดยเมื่อมองรถจากท้ายรถ จะมองเห็นลวดลายสีเหลืองที่เด่นชัด และไม่มีท่อไอเสียเพราะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยระบบไฟฟ้า
ภายในของตัวรถนั้นติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นของรถเซฟตี้คาร์ ถอดเบาะเหลือแค่คู่หน้า โดยเบาะฝั่งคนขับมาพร้อมเข็มขัดนิรภัย 6 จุดที่ได้รับการรับรองสำหรับทั้งการแข่งรถและการใช้งานบนท้องถนน ส่วนพวงมาลัยเรียบง่าย ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ดูดซับแรงกระแทก มาพร้อมจอแสดงผลดิจิทัล
คอนโซลกลางคงเหลือแต่ด้ามเกียร์ เบรกมือ และ สวิตช์ควบคุมไฟสัญญาณเท่าที่จำเป็น โดยทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด ส่วนมือเปิดประตูใช้สายผ้าดึง และโรลเคจนิรภัยแบบเต็มลำ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ตัวซับแรงกระแทกของพวงมาลัย และแผงควบคุมผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ที่ทำมาเพื่อรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์สปอร์ต ทำการรีดน้ำหนักรถคันนี้ให้เหลือประมาณ 1,230 กิโลกรัม ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้นเป็นมาตรฐานเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้ามินิ ให้กำลังที่ 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 280 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์แบบ Single-Speed ที่ทำให้ทำความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.3 วินาที
ระบบขับเคลื่อนของรถคันนี้ จะทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งได้ 3 รูปแบบทั้งค่ารีบาวด์, ความสูง และ มุมแคมเบอร์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงประสบการณ์ Go-kart feeling แบบสูงสุด แผงควบคุมระบบช่วงล่าง ฐานล้อที่กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร เบรกสี่สูบ และล้อจาก JCW พร้อมยาง Michelin Pilot Sport ขนาด 245/40 R18
MINI Cooper S Clubman Jermyn Edition
ราคา 3.09 ล้านบาทรวม MSI จำนวนจำกัดแค่ 10 คันเท่านั้น
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน เจอร์มิน เอดิชั่น รถยนต์รุ่นพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากถนนในประเทศอังกฤษ ที่เป็นแหล่งกำเนิดของเสื้อผ้าสุภาพบุรุษมากมาย นำความหรูหรามีระดับมาสู่ท้องถนนในประเทศไทย ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 10 คันเท่านั้น ในราคาจำหน่าย 3.09 ล้านบาทในประเทศไทย
ภายนอกของรถมาพร้อมตัวถังสีดำ MINI Yours Enigmatic Black พร้อมด้วยดีคอลลายก้างปลา สีเงิน Melting Silver อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยแถบลายเส้นหนาเส้นเดียวบนฝากระโปรงหน้า ตรา S สีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของคูเปอร์ เอส ส่วนดีคอลด้านข้างอยู่ในระดับเดียวกันกับกรอบประตูด้านล่าง
สัญลักษณ์พิเศษที่เสา C ที่มีลวดลายก้างปลาประทับตรา Jermyn ส่วนแถบกาบประตูด้านหน้าก็มีการออกแบบรูปแฉกแนวตั้ง และเมื่อเปิดประตูจะฉายข้อความ 'JERMYN EDITION' ลงพื้น มาร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้วลาย Multiray Spoke พร้อมยางรันแฟลต ไฟท้าย LED ลายธงยูเนียน แจ็ค
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังลาย Leather Cross ในสีดำ Carbon Black ส่วนดีคอลที่มีชื่อ Jermyn สีเดียวกันกับสีตัวถังรถจะอยู่บนแผงหน้าปัดด้านผู้โดยสาร ระบบบันเทิงและสื่อสารของมินิ คลับแมน นั้นได้รับการปรับโฉมใหม่เป็นรุ่นล่าสุดสำหรับรถยนต์รุ่นพิเศษนี้
หน้าจอแสดงผลตัวใหม่และเพิ่มตัวเลือกของระบบควบคุมการทำงานของรถยนต์ ทั้งระบบเสียง ระบบโทรศัพท์ ระบบนำทาง และแอปพลิเคชัน รายการเมนูที่ต้องการจะแสดงเป็น "Live widgets" และสามารถเรียกขึ้นมาได้โดยการสัมผัสหน้าจอ จากนั้นจอจะแสดงผลสิ่งที่ต้องการในรูปแบบที่ขยายใหญ่ขึ้นกลางจอ
จอแสดงผลมีให้เลือก 2 สีสำหรับจอแสดงผลส่วนกลางและจอแสดงผลแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ เมื่อเลือกโหมด “Lounge” สีของเนื้อหาที่แสดงจะเป็นสีที่สบายตา เช่น สีเทอร์ควอยซ์หรือสีน้ำเงิน หากเปิดใช้งานโหมด "Sport" พื้นหลังของหน้าจอจะเป็นสีแดงและสีเทาเข้ม
รถคันนี้ยังมาพร้อมกับซิมการ์ด 4G ซึ่งใช้สำหรับการโทรฉุกเฉินที่เชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งสามารถตรวจจับตำแหน่งรถอัตโนมัติและประเมินความรุนแรงของอุบัติเหตุได้ รวมทั้งมีบริการ MINI Teleservices รองรับระบบ Apple CarPlay และการชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo พร้อมเทคโนโลยีการควบคุมการปล่อยไอเสียที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงตัวกรองอนุภาคของเครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,998 ซีซี. ให้กำลัง 192 แรงม้า สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.2 วินาทีเท่านั้น