Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) เจ้าพ่อรถหรูตราดาว เปิดตัว Mercedes-Benz GLS (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส) รุ่นประกอบในประเทศไทย ด้วยราคาจำหน่าย 6.499 ล้านบาท ถูกกว่ารุ่นนำเข้าที่เคยทำตลาดที่ 8.859 ล้านบาทลงไปถึง 2.36 ล้านบาท
ไม่ใช่แค่การลดราคาจำหน่ายลงไปเท่านั้น แต่รถยนต์เอสยูวีพรีเมียมแบบ 7 ที่นั่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นนี้ ยังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานใหม่เข้ามามากมาย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระดับหรูหราสูงสุดได้อย่างเต็มที่
โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าการเปิดตัวรถคันนี้ นอกจากจะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย
“ยนตรกรรมอเนกประสงค์พรีเมียมแบบ 7 ที่นั่ง ที่ไม่ประนีประนอมทั้งในเรื่องของความหรูหราเหนือระดับ และการสร้างสรรค์รถยนต์สายพันธุ์เอสยูวีที่มีความอเนกประสงค์และแข็งแกร่ง พรั่งพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยขั้น ในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น”
เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส รุ่นประกอบในประเทศ เปิดตัวเพียงรุ่นเดียวกับ Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium วางราคาจำหน่ายที่ 6.499 ล้านบาท พร้อมที่จะทำตลาดและส่งมอบให้กับลูกค้าชาวไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่บัดนี้
ราคาจำหน่าย Mercedes-Benz GLS
ราคาจำหน่าย Mercedes-Benz GLS |
Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium |
6.499 ล้านบาท |
Highlight 2021 Mercedes-Benz GLS CKD
- รถยนต์เอนกประสงค์ขนาดใหญ่แบบ 7 ที่นั่ง
- ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2,925 ซีซี
- กำลังสูงสุด 286 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลา 4MATIC
- ราคาจำหน่ายถูกกว่ารุ่นนำเข้า 2.36 ล้านบาท
การออกแบบภายนอก 2021 Mercedes-Benz GLS ที่แข็งแกร่งบึกบึน
การออกแบบภายนอกของรถคันนี้มาพร้อมความแข็งแกร่งบึกบึนในแบบของรถยนต์เอนกประสงค์ ผสานกับความหรูหราในแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เสริมด้วยเทคโนโลยีมากมายที่ติดตั้งเจ้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเอสยูวีระดับพรีเมียม
เทคโนโลยีไฟหน้าแบบมัลติบีม แอลอีดี พร้อมระบบไฟสูงแบบส่องสว่างทางไกล ที่สามารถปรับความเข้มของแสงและความยาวของลำแสงได้อิสระจากกัน โดยมีระบบตรวจจับวัตถุที่คำนวณความสว่างอัตโนมัติ มาพร้อมระบบไฟท้ายแบบแอลอีดี
ติดตั้งล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาดีไซน์สปอร์ตจากเอเอ็มจีแบบ 5 ก้านคู่ 21 นิ้ว มาพร้อมกับหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ฝากระโปรงด้านท้ายมาพร้อมกับระบบเปิดและปิดด้วยระบบไฟฟ้า ให้ความสะดวกสบายในการใช้งานรถอย่างครบครัน
มิติตัวถัง Mercedes-Benz GLS |
กว้าง |
2,030 มิลลิเมตร |
ยาว |
5,207 มิลลิเมตร |
สูง |
1,823 มิลลิเมตร |
ที่เก็บสัมภาระ |
355-2,400 ลิตร* |
ถังน้ำมัน |
90 ลิตร |
*ขึ้นอยู่กับวิธีการพับเบาะโดยสาร
ห้องโดยสาร 2021 Mercedes-Benz GLS หรูหราครบครันแบบ 7 ที่นั่ง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ท่าน ออกแบบให้มีความกว้างขวางและสะดวกสบายมาตรฐานเดียวกับ Mercede-Benz S-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส) ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 60 มิลลิเมตร ทำให้กว้างและโปร่งสบาย
เบาะที่นั่งแถว 2 ที่สามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมบันทึกตำแหน่งที่นั่งได้ สามารถปรับเลื่อนเบาะถอยหลังได้ถึง 10 เซนติเมตร พนักพิงสามารถปรับเอนได้มากกว่าเดิม ส่วนแถวที่ 3 เป็นเบาะแบบเต็มตัว รองรับผู้โดยสารที่มีส่วนสูง 194 เซนติเมตรได้สบาย
ตัวรถได้รับการออกแบบให้เบาะและพนักพิงของที่นั่งแถว 2 สามารถพับขึ้นด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อให้เข้าสู่ที่นั่งแถว 3 ทั้งนี้ เบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 สามารถพับได้อย่างอิสระ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงการเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ถึง 2,400 ลิตร
เพิ่มสุนทรียภาพด้วยระบบไฟส่องสว่างเพื่อสร้างบรรยากาศที่มีให้เลือกถึง 64 สี มาพร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากมาย โดยเฉพาะ Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ทำงานร่วมกับระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่ช่วยมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ พร้อมหน้าจอสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 เพื่อความบันเทิงจำนวน 2 จอ ขนาด 11.6 นิ้ว ที่มาพร้อมหูฟังไร้สายคุณภาพสูง
หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่กลางตัวรถ พร้อมให้เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay™ หรือ Android Auto™ และเลือกปรับแต่งรูปแบบของการแสดงผลได้หลากหลาย แผงควบคุมระบบสัมผัสบริเวณพวงมาลัยดีไซน์สปอร์ต ที่ให้ควบคุมทุกอย่างได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้ว
ตัวรถนั้นยังมาพร้อมกับระบบ Vehicle Monitoring ที่ช่วยให้คุณมองเห็นสถานะของรถยนต์ผ่านแอพพลิเคชันโดยระบบสื่อสารต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามา จะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารถสามารถใช้งานรถคันนี้ได้อย่างง่ายดายและครบครันมากยิ่งขึ้น
2021 Mercedes-Benz GLS เครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง พร้อมระบบขับขี่มากมาย
Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2,925 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 286 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตรที่รอบต่ำตั้งแต่ 1,200-3,200 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 7 วินาที
ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 9G-TRONIC ถูกติดตั้งมาเพื่อให้้หมาะสมกับเครื่องยนต์ ให้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้รวดเร็วและนุ่มนวล พร้อมประหยัดเชื้อเพลิงกว่า 6.5% ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ 4MATIC
ระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถและการทรงตัวบนถนนที่เปียกลื่น รวมถึงการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด ให้ความนุ่มนวลด้วยระบบช่วงล่างแบบแอร์เมติก พร้อมระบบเตรียมรถเข้าสู่เครื่องล้างอัตโนมัติ ด้วยการสั่งงานผ่านหน้าจอ
การขับขี่ปลอดภัยด้วยระบบแสดงภาพผ่านกล้อง 360 องศา ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยไม่ว่าจะเป็นภาพมุมสูงและภาพมุมด้านข้างล้อหน้า และยังมาพร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัย เช่น ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าด้วยสัญญานเรดาร์
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา ที่ทำงานตั้งแต่ความเร็วของรถที่ 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบ Active Lane Keeping Assist ที่ช่วยดึงรถกลับเข้าช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติหากตรวจพบความเสี่ยงในการชน ฯลฯ
รายละเอียดทางเทคนิค Mercedes-Benz GLS |
เครื่องยนต์ |
ดีเซลเทอร์โบ |
ความจุ |
2,929 ซีซี. |
กำลังสูงสุด |
286 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด |
600 นิวตันเมตร |
ระบบส่งกำลัง |
อัตโนมัติ 9 สปีด |
0-100 กม./ชม. |
7 วินาที |
ความเร็วสูงสุด |
227 กม./ชม. |
BMW X7 คู่แข่งสายตรง ค่าตัว 8.959 ล้านบาท
ค่ายใบพัดฟ้าขาว BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ก็มีรถยนต์พรีเมียมเอสยูวี 7 ที่นั่งทำตลาดอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือ BMW X7 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์7) ที่มาพร้อมค่าตัว 8.999 ล้านบาท เรียกว่าแพงกว่าเวอร์ชั่นนำเข้าของคู่แข่งอยู่นิดหน่อยด้วยซ้ำ
ตัวรถมีขนาดเหลือเฟือต่อการใช้งานด้วยความกว้าง 2,000 มิลลิเมตร ยาว 5,151 มิลลิเมตน สูง 1,805 มิลลิเมตร พร้อมด้วยระยะฐานล้อยาว 3,105 มิลลิเมตร ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายตั้งแต่ 326-2,120 ลิตร แล้วแต่การพับเบาะ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.33
เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 3.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 400 แรงม้าที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตรที่ 2,000 – 3,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเอ็กซ์ไดร์ฟ ติดตั้งอยู่ในรถเอสยูวีรุ่นใหญ่คันนี้
ถือเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกันอยู่ในเชิงของเทคนิค...