2021 Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC (เมอร์เซเดส-มายบัค จีแอลเอส 600 4เมติก) เอสยูวีหรูระดับเรือธงลำใหม่จากค่ายรถยนต์ตราดาว Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) เตรียมเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้
เอสยูวีระดับใหญ่ที่มาพร้อมความหรูหราที่เหนือใคร พร้อมด้วยสมรรถนะที่โดดเด่น เตรียมเปิดตัวที่ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งทั้ง 4 แห่งในประเทศไทย พร้อมทำตลาดด้วยการเชิญลูกค้าเป้าหมายมาสัมผัสและทดสอบรถยนต์คันนี้อย่างใกล้ชิด
สิ่งที่น่าจับตามองก็คือ ราคาจำหน่ายของรถรุ่นนี้ที่สรุปแล้วว่า จะเริ่มต้นที่ 18 ล้านบาท และลูกค้าสามารถเลือกออพชั่นเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเบาะที่นั่งตอนหลังแบบแยกอิสระ ล้ออัลลอยขนาด 23 นิ้ว และอุปกรณ์อื่น ๆ ทั่วทั้งคันรถ
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่ต้องการจับจองเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ จะต้องได้รับการเชิญอย่างเป็นทางการจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น และเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องรอคิวการผลิต โดยรถยนต์คันแรกน่าจะส่งมอบได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565
ทั้งนี้ รถรุ่นนี้จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-มายบัค ในการกลับเข้ามาทำตลาดประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง และจะเป็นการปูทางไปสู่สินค้ารุ่นถัดไป ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Maybach S-Class หรือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นของแบรนด์ในอนาคต
ความหรูหราที่มาพร้อมสมรรถนะเหนือใคร
เมอร์เซเดส-มายบัค จีแอลเอส มาพร้อมตัวถังที่ใกล้เคียงกับจีแอลเอส แต่เน้นการเล่นสีสันและปรับรูปลักษณ์ให้พรีเมียม กว้าง 2,030 มิลลิเมตร ยาว 5,205 มิลลิเมตร สูง 1,838 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 3,135 มิลลิเมตร ซ่อนบันไดข้างเอาไว้อย่างเนี๊ยบ
การตกแต่งภายนอกนั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ฝากระโปรง พร้อมหลังคาสีเดียวกับตัวรถ สีดำหรือสีเงิน แร็คหลังคาติดตั้งมาเพื่อพร้อมใช้งาน ประตูบานหลังเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมกับชุดไฟรอบคันแบบแอลอีดีที่ให้ระยะส่องสว่างไกล
ทีมงานได้ออกแบบให้รถคันนี้เป็นรถยนต์นั่งระดับพรีเมียมสำหรับผู้โดยสาร 4 คน โดยถอดเบาะแถว 3 ออก และจัดที่นั่งตอนหลังเสียใหม่ ลูกค้าสามารถเลือกเบาะที่นั่งแบบกัปตันซีทแบบปรับเอนนอนได้พร้อมที่วางขา พร้อมอุปกรณ์ที่ให้มาครบครัน
ยกระบบความปลอดภัยและระบบความบันเทิงไปจากรุ่นมาตรฐาน หน้าจอ 12.3 นิ้ว 2 จอวางต่อกันเพื่อแสดงผลในภาพรวม หน้าจอกลางแบบสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ พร้อมด้วยสีภายในที่เลือกได้เอง
เครื่องยนต์เบนซิน วี8 ขนาด 3,982 ซีซี. เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 558 แรงม้าที่ 6,000–6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตรที่ 2,500–5,000 รอบต่อนาที พร้อม EQ Boost ช่วยเพิ่มกำลังมาให้อีก 22 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอีก 250 นิวตันเมตร
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC ลงสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ วิ่งจาก 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.9 วินาทีเท่านั้น และความเร็วสูงสุดก็ถูกล็อคเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเลือกออพชั่นช่วงล่างได้ตามความต้องการในการใช้งาน
แน่นอนว่าเมื่อเป็นรถยนต์ที่มีความพิเศษสูงสุด ค่ายรถยนต์ตราดาวเองก็พยายามที่จะนำเสนอรถรุ่นนี้ให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความพิเศษเป็นหลักเท่านั้น ซึ่งด้วยสนนราคาค่าตัวที่เริ่มต้นที่ 18 ล้านบาท น่าจับตามากว่าใครจะเป็นกลุ่มลูกค้าของรถคันนี้บ้าง