- ปัจจุบันต้องร่วมมือกับคนอื่น
- เมอร์เซเดสต้องการเป็นเจ้าของทุกส่วนของรถอีวี
- ยังไม่ยกเลิกความร่วมมือกับใคร
- ตามรอยเท้า Tesla?
การเปิดตัวรถต้นแบบ Mercedes-Benz VISION EQXX (เมอร์เซเดส-เบนซ์ วิชั่น อีคิวเอ็กซ์เอ็กซ์) แสดงถึงความตั้งใจของ Mercedes-Benz ในการทำรถยนต์ไฟฟ้า
และยังเป็นการดันเพดานมาตรฐานของรถยนต์ไฟฟ้าให้สูงขึ้น ทั้งในด้านสมรรถนะและระยะทาง แต่การจะไปถึงเป้าหมายในการเป็นเลิศในตลาดพรีเมียมอีวีนั้น เมอเซเดส จะพัฒนารถในค่ายด้วยตัวเองทั้งหมด โดยไม่ร่วมมือกับใครเลย
ปัจจุบันต้องร่วมมือกับคนอื่น
ในไลน์อัพของ Mercedes EQ ที่เปิดตัวกันมาก่อนหน้านี้ เป็นความผสมผสานระหว่างวิศวกรรมและความรุ้ด้านการสร้างรถของเมอร์เซเดส กับความเชี่ยวชาญในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าจากบริษัทอื่น
ในด้านของแบตเตอรี่ เมอร์เซเดสได้ทำงานร่วมกันกับ CATL สำหรับแบตเตอรี่ของ EQS ในประเทศจีน และเพิ่งจะเผยแผนการร่วมมือกับ Stellantis และ Total Energies ในการเป็นพาร์ทเนอร์ใน Automotive Cells Company (ACC) สำหรับการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ของรถอีวีในยุโรป
และในด้านของมอเตอร์ไฟฟ้าของรถซีรี่ส์ EQ เมอเซเดสก็ใช้มอเตอร์จาก ZF สำหรับ EQC และใช้มอเตอร์ของ Valeo Siemens สำหรับมอเตอร์ที่ทรงพลังกว่าใน EQS
เมอร์เซเดสต้องการเป็นเจ้าของทุกส่วนของรถอีวีของแบรนด์
วิกฤตทางด้านซัพพลายเชนและการขาดแคลนชิปนั้นเกี่ยวข้องกันกับโรคระบาด COVID-19 เป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว และรถไฟฟ้ากำลังอยู่ในช่วงที่กำลังเป็นที่นิยมและเป็นที่พูดถึงแก่คนทั่วไป จึงอาจทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ต้องการที่จะเป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับรถอีวีทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ Markus Schäfer หัวหน้าฝ่ายพัฒนาของ Daimler กล่าวกับ Automobilwoche (สื่อรถยนต์จากเยอรมัน) ว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะพัฒนาระบบขับเคลื่อนทั้งหมดด้วยตัวเองทั้งหมด กับแพลทฟอร์มที่เคยนำเสนอไปอย่าง MMA และ MB.EA โดยจะเปิดตัวในปี 2024
และเขากล่าวเสริมว่า “เราต้องการที่จะควบคุมระบบทั้งหมดของมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่นเดียวกับที่เคยทำกับเครื่องยนต์สันดาป”
ตอนนี้ยังไม่ยกเลิกความร่วมมือกับใคร
สิ่งที่เมอร์เซเดสทำนั้นมีความน่าสนใจ แต่ในขณะเดียวที่ เมอร์เซเดสกำลังวางแผนพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าด้วยตัวเองนั้น ยังไม่มีการกล่าวถึงการยกเลิกความร่วมมือที่เคยทำแบตเตอรี่ร่วมกันหรือเคยแม้กระทั่งการสร้าง “giga factories” หรือ “โรงงานขนาดใหญ่” ถึงแปดที่ในยุโรปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ในความจริงแล้ว การร่วมมือของเมอร์เซเดสกับพาร์ทเนอร์ด้านรถอีวีอาจเกี่ยวข้องกับการนำความรู้มาพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองก็ได้
เช่นเดียวกับที่เมอร์เซเดส, Hyundai และ Stellantis ร่วมมือกับ Factorial Energy ที่เป็นเอกอุด้านแบตเตอรี่โซลิตสเตท อาจเพราะค่ายรถทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเดียวกันก็เป็นได้
ตามรอยเท้า Tesla?
ค่ายรถยนต์ใหญ่ ๆ ต่างต้องการปรับตัวให้เข้ากับการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า ยิ่งมีคู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง Tesla (เทสล่า) ซึ่งอาจจะรับมือได้ยากเพราะไม่ได้มีวิธีคิดแบบค่ายรถยนต์ และกลายเป็นที่นิยมแก่คนทั่วไปด้วยยอดขายที่ถล่มทลาย
วิธีคิดและมาตรฐานของเทสล่าจึงเป็นเป้าหมายที่ค่ายรถต้องการไปถึง หนึ่งในวิธีของเทสล่าคือการที่บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีเองทุกอย่าง (แต่บางอย่างไม่ได้พัฒนาเอง เช่น แบตเตอรี่ที่ร่วมมือกับพานาโซนิค)
ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์อาจไม่ต้องทำตามเทสล่าไปหมดทุกอย่าง เพราะเป้าหมายของค่ายรถแต่และแบรนด์นั้นย่อมแตกต่างกัน
หรืออาจแค่ต้องการทำเองทั้งหมดเหมือนที่เคยทำมาตลอดก็ได้
อ่านเพิ่มเติม : รถอีวีในอนาคตของ Mercedes-Benz จะมี “โซล่ารูฟ” ให้เลือก ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป