Mazda (มาสด้า) นั้นเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่ของพวกเขาอย่าง 2021 Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) ที่ทำการพัฒนาร่วมกับรถยนต์เจ้าตลาดอีกยี่ห้อหนึ่ง แต่ที่ผ่านมา กลับมียอดจำหน่ายที่ไม่ค่อยดีนักในตลาดประเทศไทย ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้เราพอสมควร
เพราะทั้งรูปลักษณ์ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ยิ่งได้ระบบต่าง ๆ เครื่องยนต์ที่มีลูกค้าอยู่แล้วเหนียวแน่น แม้แต่มาสด้าเองก็เคยประเมินว่าตัวเองน่าจะมียอดจำหน่ายในระดับที่สูงกว่านี้อย่างมากเหมือนกัน เพราะพวกเขาเคยตั้งเป้าหมายการขายถึงปีละ 1.5 หมื่นคันเลยทีเดียว
ล่าสุด มาสด้าได้ออกบทความ 10 เหตุผลที่ควรเลือกซื้อบีที-50 ไว้ครอบครอง เพื่อเป็นรถปิกอัพคู่ใจ พร้อมใช้งานในระยะยาว เรามาดูเหตุผลของพวกเขาทีละข้อ และมาคอมเมนต์กันแบบ AutoFun Thailand ดีกว่า ว่าแต่ละปัจจัยควรเป็นเหตุที่ทำให้เราเลือกซื้อปิกอัพคันนี้ได้จริงหรือไม่
1.ดีไซน์สง่างามสไตล์รถเอสยูวี
มาสด้าระบุว่าความสง่างามและความโดดเด่นด้านการออกแบบรถของมาสด้าแล้ว ต้องยกให้กับแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ จิตวิญญานแห่งการเคลื่อนไหว เรียบง่ายแต่งดงาม ปิกอัพมาสด้า บีที-50 ถูกออกแบบตามแนวคิดนี้เช่นเดียวกับรถยนต์มาสด้ารุ่นอื่น ๆ แต่ผสมผสานกับรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของรถปิกอัพ จึงทำให้รถรุ่นนี้กลายเป็นปิกอัพที่โดดเด่นที่สุดในทุกมุมมอง แตกต่างด้วยการเป็นปิกอัพสไตล์เอสยูวี
AutoFun: อันนี้เห็นด้วยกับมาสด้า ว่าการออกแบบปิกอัพของพวกเขานั้นโดดเด่น สวยงาม และมีรูปลักษณ์ที่แปลกตาไปจากรถปิกอัพทั่วไป ให้ความรู้สึกของรถยนต์นั่งหรือเอสยูวีมากกว่า แถมเอาไปแต่งต่อก็น่าจะสวยงาม ดูสปอร์ตกว่าหลาย ๆ คันอีกด้วย
2.ภายในเรียบหรู สะดวกสบาย คัดสรรด้วยวัสดุเกรดพรีเมี่ยม
ภายในห้องโดยสารเน้นความประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด เลือกใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูง ออกแบบโดยเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง มาพร้อมพวงมาลัยปรับได้มากถึง 4 ทิศทาง เบาะนั่งคนขับไฟฟ้าปรับ 8 ทิศทางและระบบดันหลัง ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ลำโพงมากถึง 8 ตำแหน่ง ที่พักแขนพร้อมที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง ช่องเสียบ USB ช่องเก็บของสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
AutoFun: ออพชั่นทั้งหมดที่ว่ามาจะพบได้ในรุ่นสูง ๆ ของปิกอัพเท่านั้น และมาสด้าก็ให้ของมาอย่างครบครันในรุ่นท็อป และค่อย ๆ ลดหลั่นกันลงไปตามแต่ละรุ่นย่อย ซึ่งก็เรียกได้ว่ามีมาให้ครบตามความต้องการในการใช้งานของลูกค้าแต่ละกลุ่มจริง ๆ
3.เครื่องยนต์ทรงพลัง ทนทาน แรงและประหยัดน้ำมัน
มาสด้า บีที-50 มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบหัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง 250 MPa ให้ละอองน้ำมันละเอียดและการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ประหยัดน้ำมันได้ถึง 14.1 กิโลเมตร/ลิตร นอกจากนี้ อีกหนึ่งทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 16.1 กิโลเมตร/ลิตร ดีที่สุดในคลาส
AutoFun: เครื่องยนต์ดีเซลตัวเล็กให้อัตราการประหยัดที่ยอดเยี่ยม แต่ในรุ่นท็อปก็ต้องว่ากันตามตรงว่าในท้องตลาดยังมีเครื่องยนต์ปิกอัพที่เน้นความแรงมากกว่าอยู่อีกหลายรุ่น ที่เตรียมไว้เอาใจลูกค้าเท้าหนักที่อยากเร่งเครื่องไวไวบนท้องถนนประเทศไทย
4.ตัวถังแข็งแกร่ง เสถียรภาพการขับขี่ดีเยี่ยม รองรับการบรรทุกของได้อย่างเหลือล้น
โครงสร้างตัวถังผลิตขึ้นจากเหล็กกล้าที่ทนต่อแรงดึงสูง ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนจากภายนอก ให้เสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น กับคอยล์สปริงที่ช่วยเพิ่มความนุ่มสบาย พร้อมเหล็กกันโคลงหน้าช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว ชุดแหนบด้านหลังที่ยาวถึง 1,370 มม. เพิ่มความสามารถในการบรรทุก ทำให้ง่ายต่อการขนถ่ายสัมภาระและบรรทุกได้มากขึ้น
AutoFun: บีที-50 ถือเป็นรถปิกอัพที่มีการเก็บเสียงที่ค่อนข้างดีและมีการลดการสั่นสะเทือนบนท้องถนนที่ความเร็วต่ำถึงปานกลางที่ดี ส่วนของที่บรรทุกสัมภาระมีขนาดใหญ่ไม่แพ้คู่แข่ง เรียกว่าถ้าซื้อไปใช้ขนของก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรให้หนักใจ
5.ตอบรับวิถีคนรุ่นใหม่ เชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดด้วยระบบ infotainment ครบครัน
ตอบโจทย์รูปแบบการเชื่อมต่อการสื่อสารในยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัวกับระบบ Infotainment ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว หรือ 9 นิ้ว รวมถึงรองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ ใช้งาน Miracast แบบไร้สาย รองรับการเชื่อมต่อแบบ MirrorLink ระบบนำทางที่ติดตั้งมากับรุ่นหน้าจอขนาด 9 นิ้ว ใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง
AutoFun: เราชอบระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ติดตั้งมากับหน้าจอ 9 นิ้วมากกว่า และรู้สึกว่ารุ่นหน้าจอ 7 นิ้วดูโล้น ๆ ไปนิด ในตรงนี้ก็มีคู่แข่งหลายรายในท้องตลาดที่ทำได้ดีกว่า ถ้ามาสด้าเลือกดีไซน์ตรงนี้ด้วยตัวเองได้แบบรถรุ่นอื่น ๆ ก็จะดีขึ้นมากเลยล่ะ
6.สองทางเลือกกับระบบขับเคลื่อนที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างทรหด
ระบบขับเคลื่อน 2 รูปแบบ คือ ระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ซึ่งในรุ่นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ใช้เพลาขับที่ทำจากอลูมิเนียม ทำให้รถเบาขึ้นและสามารถสลับโหมดการขับเคลื่อนและการทำงาน 4H/4L ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบ Electronic Diff-Lock ที่เฟืองท้าย ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดและพร้อมรับมือได้ทุกสภาพถนนที่ยากต่อการขับขี่
AutoFun: จากที่เคยเอาไปทดลองขับมาทั้งบนบทางหลวงและทางฝุ่น การตอบสนองของช่วงล่างและระบบต่าง ๆ ถือว่าทำได้ดี แม้จะออกแนวนุ่ม ๆ ไปสักเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าผ่านอุปสรรคต่าง ๆ นานาได้แบบหายห่วง ไม่ต้องลุ้นอะไรเยอะแยะ
7.ระบบปลอดภัยเป็นเลิศอุ่นใจกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง
เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงได้ถูกติดตั้งมาพร้อมกับตัวรถเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน เซ็นเซอร์กะระยะทั้งด้านหน้าและด้านหลังรวม 8 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยรวมสูงสุดถึง 6 ตำแหน่ง
AutoFun: มาสด้าเองขึ้นชื่อเรื่องระบบความปลอดภัยในรถยนต์และรถเอนกประสงค์ที่ตัวเองทำตลาดอยู่ แต่พอมาอยู่ในกระบะก็เรียกว่าหายไปเยอะ แต่ที่มีอยู่ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว และเชื่อว่าในอนาคต น่าจะมีการเพิ่มระบบใหม่ ๆ เข้ามาอีกอย่างแน่นอน
8.ตอบโจทย์การใช้งานทุกสถานการณ์
ปิกอัพรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่ได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งในเมืองและออฟโรด จึงสามารถขับบนถนนขรุขระได้อย่างดีเยี่ยม มาพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS) ช่วยควบคุมกำลังขับที่เหมาะสม ให้ความคล่องแคล่วและการควบคุมที่แม่นยำ ในรุ่นยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ (Hi-Racer) และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังขับลุยน้ำได้ถึง 800 มิลลิเมตร และรถรุ่นนี้ยังใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องแคล่วและง่ายดาย
AutoFun: ตอนที่เอามาทดสอบ ก็ถือว่าเป็นรถปิกอัพที่มีความคล่องตัวสูงในเมือง โดยเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ขณะที่เมื่อเข้าทางฝุ่น ก็สามารถบุกตะลุยไปได้แบบไม่มีปัญหา แต่ต้องมีทักษะการขับเคลื่อนสี่ล้อบ้างนะ
9. คุ้มค่ามากที่สุดกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ
มาสด้า บีที-50 มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กม. เริ่มต้นเพียง 20,985 บาท เท่านั้น มาพร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. ช่วยลดภาระค่าบำรุงรักษาและยังใช้อะไหล่และของเหลวคุณภาพสูงในราคาเป็นมิตร เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดเหมาะที่จะเป็นปิกอัพคู่ใจลูกค้าไปตลอดอายุการใช้งาน
AutoFun: เรื่องนี้มาสด้าเคยแสดงให้เห็นว่ามีการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับคู่แข่งทุกราย และพบว่าค่าบำรุงรักษาและแคมเปญต่าง ๆ ของพวกเขานั้น ดีที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการปิกอัพรายอื่น ๆ ในประเทศไทยเลยทีเดียว
10.การสื่อสารชัดเจนปิกอัพสำหรับคนรุ่นใหม่พร้อมทุกสถานการณ์
การวางตำแหน่งทางการตลาดภายใต้สโลแกน: พร้อม...กับทุกด้านของชีวิต สะท้อนภาพลักษณ์ของคนยุคใหม่ มีแนวทางการใช้ชีวิตที่ชัดเจน ไม่เหมือนใคร เต็มที่กับทุกด้านได้ในแบบที่ต้องการ โดยสื่อสารให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของปิกอัพมากยิ่งขึ้น ใช้อาชีพที่เป็นตัวแทนของกลุ่มเป้าหมาย ให้คุณพร้อมไปกับทุกภารกิจ ไม่ว่าเค้าจะทำอาชีพอะไร Mazda BT-50 ก็ตอบโจทย์ทุกอาชีพ ทั้งธุรกิจ ครอบครัวและชีวิตส่วนตัว
AutoFun: แม้การเปิดตัวมาสด้า บีที-50 จะมีมากถึง 14 รุ่นย่อยในท้องตลาด แต่หลาย ๆ คนก็บอกว่ามาสด้ายังต้องเติมสินค้าตัวเองอีกบางกลุ่มเพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทั้งหมด แต่เอาจริง ๆ ที่เปิดมาก็น่าจะสัก 80-90% ของตลาดปิกอัพในไทยแล้วนะ
AutoFun สรุปให้อีกรอบ
จริงอยู่ที่ Mazda BT-50 น่าจะเป็นรถปิกอัพที่ดีตามมาตรฐานของรถปิกอัพสักคันควรจะเป็นในตลาดประเทศไทย แต่อย่างที่เราเคยวิเคราะห์กันว่า ปัญหาของพวกเขาก็คือการที่ภาพลักษณ์ของรถไม่สามารถฉีกออกจากฝาแฝดใหม่ที่เป็นผู้นำตลาดอย่างชัดเจน
แน่นอนว่า การทำตลาดของมาสด้าเองยังต้องอาศัยเวลาอีกมาก เพื่อที่จะตอบคำถามของลูกค้า ว่ามาสด้า บีที-50 นั้น มีดีมากกว่าการเป็นฝาแฝดของอีกแบรนด์ที่หน้าตาดีกว่า แต่ตัวของสินค้านั้น ก็ต้องมีความดีงามมากพอที่จะเอาใจผู้บริโภคในประเทศไทยให้ได้
ย้ำอีกครั้งว่าคงจะเป็นการเร็วไปที่จะบอกว่ามาสด้าจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถกระบะรุ่นใหม่ของพวกเขา และเราก็เฝ้าเอาใจช่วยให้พวกเขาไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ ว่าจะกลับมาทวงบัลลังค์อันดับ 3 ปิกอัพในประเทศไทยให้ได้ในสักวัน!!!