Isuzu (อีซูซุ) เจ้าพ่อรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทย ที่เป็นผู้นำในตลาดรถปิกอัพ 1 ตันด้วย Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) และพยายามไล่จี้ผู้นำในตลาดพีพีวีด้วย Isuzu MU-X (อีซูซู มิว-เอ็กซ์) ในประเทศไทย รวมถึงตลาดส่งออกอื่น ๆ ที่มีอยู่ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของพวกเขาก็คือ เครื่องยนต์ 1.9 ลิตรและ 3.0 ลิตรที่ทำตลาดอยู่ในทุกตลาดนั้น ไม่สามารถรีดเค้นสมรรถนะออกมาได้ดีนักเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แม้ว่าอีซูซุจะมีการเพิ่มอุปกรณ์ด้านอื่น ๆ เข้าไปจนเรียกได้ว่ามีความเท่าเทียมกันแล้วก็ตาม
ล่าสุดในการเปิดตัวมิว-เอ็กซ์ในประเทศออสเตรเลีย แน่นอนว่ามีคำถามเกี่ยวกับเครื่องยนต์ในอนาคตของค่ายจากสื่อมวลชน และก็น่าสนใจอย่างมาก เมื่อผู้บริหารของพวกเขาระบุว่า อีซูซุมีการพัฒนาเครื่องยนต์หลายรูปแบบสำหรับรถกระบะขนาดเล็ก
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
มีแน่นอนทั้งไฟฟ้าและไฮบริดบางรูปแบบ
"พวกเราคงไม่สามารถระบุเกี่ยวกับโมเดลใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามาในอนาคตได้ แต่โดยพื้นฐานแล้ว เราสามารถบอกได้เลยว่า อีซูซุนั้นมีการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถกระบะขนาดเล็ก ทั้งในรูปแบบของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดบางประเภท"
นี่คือคำกล่าวของโคอิชิโระ โยชิดะ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดอีซูซุ ออสเตรเลียในช่วงเวลาของการแถลงข่าวเปิดตัว โดยเขาระบุเพิ่มเติมว่า สิ่งที่สำคัญก็คือการมองหาความต้องการของตลาดออสเตรเลียเกี่ยวกับโมเดลใหม่ ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด
นอกจากนี้ ยังต้องมีการพิจารณาอีกว่าจะเป็นเครื่องยนต์ไฮบริดหรือไม่ ซึ่งทุกอย่างต้องขึ้นกับดีมานต์เป็นหลัก โดยอีซูซุเองจะต้องทำการศึกษาก่อนที่จะเปิดตัวหรือแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ทุกคร้ั้ง ซึ่งขณะนี้ ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงโมเดลอื่นในอนาคต
การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือคู่แข่งรายใหม่
ผู้บริหารของอีซูซุระบุว่าพวกเขายังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยรายละเอียดของสินค้ารุ่นใหม่ ๆ แต่ก็ยอมรับว่ามีการศึกษาวิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์พลังงานทางเลือกอื่น ๆ เพื่อเตรียมการเอาไว้สำหรับอนาคต แม้เครื่องยนต์ในปัจจุบันจะเพียงพออยู่แล้วก็ตาม
เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรของอีซูซุนั้น ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ซึ่งเทียบไม่ได้กับเครื่องยนต์ของคู่แข่งในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ไบ-เทอร์โบของ Ford (ฟอร์ด) ที่ให้กำลัง 213 แรงม้าและ 500 นิวตันเมตร
ฟอร์ดใช้เครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวในรุ่นท็อปของทั้ง Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) และ Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) ขณะที่คู่แข่งหลักอย่าง Toyota (โตโยต้า) ก็มีสมรรถนะที่แตกต่างกันไม่มากนัก
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมมาแล้วว่า ฟอร์ดจะทำการพัฒนาขุมกำลังปลั๊กอินไฮบริดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อที่จะติดตั้งในเจนเนอเรชั่นถัดไปของรถทั้ง 3 รุ่น ซึ่งเครื่องยนต์พีเอชอีวีรุ่นใหม่จะให้กำลังสูงถึง 360 แรงม้า พร้อมแรงบิดระดับ 680 นิวตันเมตร
โตโยต้าเองก็มีข่าวว่าจะพัฒนาเวอร์ชั่นไฮบริดสำหรับ Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) และ Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) เช่นเดียวกัน ซึ่งนอกเหนือจากสมรรถนะจะดุดันแล้ว เครื่องยนต์พีเอชอีวีจะให้การประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้น
มีการคาดการณ์ว่าหากมีการติดตั้งเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดกับเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้งานในรถยนต์ปิกอัพหรือพีพีวีจริง ก็อาจจะทำให้ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของรถปิกอัพและพีพีวี พุ่งขึ้นไปมากกว่าระดับ 30 กิโลเมตรต่อลิตรกันเลยทีเดียว
นั่นอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อีซูซุในฐานะผู้นำตลาดปิกอัพที่ชูจุดขายเรื่องการประหยัดน้ำมันมาตลอดไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป และพวกเขาจะต้องกระโดดลงมาสู่สมรภูมิปิกอัพ-พีพีวี ลูกครึ่งหัวใจไฟฟ้าด้วยอย่างแน่นอนเมื่อวันนั้นมาถึง
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });