Isuzu (อีซูซุ) ผู้นำตลาดรถปิกอัพในประเทศไทย มองตลาดเติบโตเกินคาดดันยอดขายรถยนต์รวมทะลุ 7.57 แสนคันปีนี้ จากความต้องการรถปิกอัพที่เพิ่มสูง คาดปีหน้าตลาดขยายตัวเล็กน้อยที่ 8 แสนคัน ตั้งความหวังค้นพบวัคซีนโควิด-19 ดันท่องเที่ยว-ส่งออกฟื้นตัว ส่วนการเมืองเป็นเรื่องระยะสั้นไม่ส่งผลยาวต่อเนื่อง มั่นใจ Isuzu MU-X (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์) ใหม่ วิ่งฉลุย 2,000 คันต่อเดือนหลังเปิดตัว
โทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน อีซูซุได้ทำการปรับประเมินเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้ เพิ่มเป็น 7.57 แสนคัน หดตัว 25% จากการคาดการณ์ในช่วงต้นปีที่ 6 แสนคัน หรือหดตัว 40% เป็นผลมาจากการที่ตลาดนั้นฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 เร็วกว่าที่คิด
"เราเคยประเมินว่าผลกระทบของโควิด-19 จะทำให้คนมีรายได้น้อย และต้องพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นหลักจากการตกงาน แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น คือพอคนตกงานกลับไปภูมิลำเนาเดิม ก็ต้องเริ่มอาชีพใหม่หรือมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างไปจากเดิม ทำให้มีความต้องการที่จะต้องใช้รถปิกอัพมากขึ้นไปด้วย รวมไปถึงธุรกิจอี-คอมเมิร์ซและการขนส่งสินค้าที่เติบโต ทำให้ต้องปรับเป้าหมาย"
นำโด่งตลาดปิกอัพ เสริมทัพด้วยพีพีวี
อีซูซุนั้นประสบความสำเร็จในตลาดปิกอัพในปี 2563 ที่มียอดจำหน่าย Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) ไปทั้งสิ้น 110,158 คัน หรือมีส่วนแบ่งตลาด 44.6% จากยอดจำหน่ายรวมทั้งหมดที่ทำได้ 123,526 คัน ทำให้อีซูซุรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถปิกอัพในประเทศไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ และหากสามารถรักษายอดขายเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะเป็นผู้นำในตลาดรถปิกอัพปีนี้
และล่าสุด อีซูซุได้ส่ง 2021 Isuzu MU-X (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์) รถเอนกประสงค์ดัดแปลงบนพื้นฐานของอีซูซุ ดีแมคซ์ ลงตลาด ซึ่งแม้จะเปิดตัวในช่วงที่ยากลำบากและเศรษฐกิจไม่อำนวย แต่ก็คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถชาวไทย โดยคาดว่าจะมียอดขาย 2,000 คันต่อเดือนใน 6 เดือนแรก จากนี้น ก็จะมียอดขายต่อเนื่องเดือนละไม่น้อยกว่า 1,500 คัน ก็ถือว่าน่าพอใจ
"กลยุทธ์สำหรับอีซูซุมิว-เอ็กซ์ คือต้องการให้ลูกค้าได้เห็นรถ และสัมผัสรถด้วยการทดสอบรถให้มากที่สุด เราเลยจัดสัปดาห์พิเศษชื่อ “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์ สเปเชียล วีค” เริ่มวันที่ 12 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม โดยมีการเสนอราคาพิเศษในช่วงแนะนำ และให้ทดลองขับที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ซึ่งรุ่นก่อนหน้านี้มียอดขายเดือนละประมาณ 1,000 คัน และจำหน่ายไปหมดแล้ว"
ทั้งนี้ อีซูซุได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการเปิดตัวอีซูซุ ดีแมคซ์ในช่วงปลายปี 2562 ตามมาด้วยการเปิดตัวดีแมคซ์รุ่นเกียร์ออโต้ในรุ่นมาตรฐานในเดือนสิงหาคม และการเปิดตัวอีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ ในเดือนกันยายน และตามมาด้วยมิว-เอ็กซ์ ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีความสมบูรณ์แบบเหนือคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดยังคงยากลำบากเหมือนเดิม เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่หายไป รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกก็ยังไม่ดี ทำให้เศรษฐกิจไทยมีปัญหาเช่นเดียวกัน เห็นได้จากตลาดรถพีพีวีที่หดตัวมาก ยอดขายตกเยอะทุกยี่ห้อ โดย 9 เดือนแรกขายได้รวมกัน 27,619 คัน ลดลงจาก 9 เดือนแรกของปีที่แล้วเมื่อเปรียบเทียบกันถึง 41.1%
ประเมินปีหน้าตลาด 8 แสนคัน การเมืองระยะสั้นไม่กระทบ
มาเอคาวะกล่าวถึงตลาดรถยนต์ในปี 2564 ว่ายังประเมินได้ยากอยู่ เนื่องจากประเทศไทยนั้นต้องพึ่งพาอุตสากรรมท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจนั้นผันแปรไปตามอุตสาหกรรมทั้ง 2 อย่างนี้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ วัคซีนสำหรับป้องกันโควิด-19 จะสามารถนำมาใช้จริงได้เมื่อไร หากใช้ได้ปีหน้า และเศรษฐกิจดีขึ้น ตลาดก็อาจจะพื้นตัว
ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง อีซูซุคาดว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2564 น่าจะฟื้นตัวได้เล็กน้อย หรือมียอดจำหน่ายรวมที่ 8 แสนคัน ซึ่งต้องดูการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก โดยมีการประเมินว่าตลาดจะกลับสู่ภาวะปกติในปี 2024 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า โดยจะต้องดูปัจจัยเรื่องของการแพร่ระบาดรอบ 2-3 ในต่างประเทศด้วย
"ที่ผ่านมาในช่วงของการแพร่ระบาด เราประสบความสำเร็จด้วยการใช้การตลาดออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งเรามีการพัฒนาระบบไอทีของตรีเพชรและผู้จำหน่ายอีซูซุมาก่อนหน้า พอเกิดปัญหาขึ้นมาก็เลยเน้นการจัดกิจกรรมออนไลน์ ซึ่งหากมีการระบาดอีก เราก็คงจะหันไปเน้นการตลาดออนไลน์เต็มที่ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นในอนาคต"
ทั้งนี้ อีซูซุมีโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 330 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ และจะยังไม่มีการเพิ่มจำนวนโชว์รูมใหม่ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้วถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากโชว์รูมและศูนย์บริการที่มีอยู่เพียงพอที่จะให้บริการทั้งก่อนและหลังการขายอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับทั้งปัจจุบันและในอนาคตหากตลาดขยายตัว ก็ยังพร้อมที่จะรองรับได้เต็มที่
กรรมการผู้จัดการกล่าวถึงผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ว่าการประเมินนั้นจะต้องขึ้นกับมุมมองของนักลงทุนว่ามาจากที่ไหน แต่หากพูดในนามของประเทศญี่ปุ่น นักลงทุนญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กับไทยมายาวนาน และรู้ดีว่าประเทศไทยในระยะยาวจะไม่เป็นแบบนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น เรายังเชื่อมั่นในประเทศไทยอยู่ ในระยะยาวคงจะมั่นคงเหมือนเดิม