สรุปแล้ว เรายังต้องทำการกดปุ่ม Push Start แบบ 3 สเต็ปกันอยู่อีกหรือไม่? พร้อมวิธีใช้ให้ถูกต้อง

ไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร สำหรับคำกล่าวที่ค่อนข้างกว้างขวางของวิธีการใช้ปุ่ม Push start ที่บางคนกล่าวว่า "ก่อนจะเหยียบเบรกสตาร์ท ต้องกดปุ่มนี้เรียงกัน 3 ครั้งก่อน" 

เพราะเชื่อกันว่า จะช่วยให้กระแสไฟฟ้าวิ่งเข้าไปเลี้ยงระบบต่าง ๆ ก่อนเพื่อยืดอายุ แล้วมันจริงหรือ?

ปุ่ม Push Start คืออะไร?

สำหรับ ปุ่ม Push Start ปกติจะอยู่ที่บริเวณพวงมาลัยรถยนต์ คือปุ่มที่ทำหน้าที่เหมือนกับกุญแจรถ ใช้เปิดระบบภายในรถยนต์ และสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยที่ไม่ต้องใช้กุญแจเสียบเพื่อบิดสตาร์ท แต่ยังคงต้องเหยียบเบรกอยู่

ทำงานควบคู่กับกุญแจ Smart Key หรือ Keyless โดยผู้ใช้งานจะต้องมี Smart Key อยู่ในรถ หรืออยู่ในระยะด้วยถึงจะสามารถใช้งานฟังค์ชั่น และสตาร์ทรถได้

อ่านเพิ่มเติม เอาโช็ค Toyota มายิงด้วย AK47 จะเป็นอย่างไร

วิธีการใช้งาน

การใช้งาน สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่คุณมีกุญแจ Smart Key อยู่กับตัว สำหรับวิธีการใช้งานของปุ่มจะมีอยู่ 2 แบบ คือ

1. การเปิดทีละระบบ เป็นการไล่เปิดระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ของรถยนต์ เหมือนการหมุนกุญแจ

• กด Push Start ครั้งที่ 1 เหมือนการหมุนกุญแจไปที่ปุ่ม ACC ผู้ขับขี่สามารถ เปิดเครื่องเล่นวิทยุได้โดยที่เครื่องยนต์จะยังไม่ทำงาน
• ครั้งที่ 2 คือหมุนกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON ทำให้ระบบไฟฟ้าภายในรถเปิดการทำงานขึ้น สามารถที่จะเปิดใช้งานระบบเซ็นทรัลล็อก เปิด-ปิดกระจกด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงแอร์ได้
• ครั้งที่ 3 แบบยังไม่เหยียบเบรกจะเป็นการดับรถ

2. การเปิดด้วยการเหยียบเบรกแล้วกดสตาร์ททันที จะทำให้ระบบทำงานพร้อมกันทั้งหมดรวมถึงเครื่องยนต์ด้วย

กด Push Start 3 สเต็ป จำเป็นหรือไม่?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ว่ามีคนเชื่อว่าหากกดปุ่มนี้ 2-3 ครั้งก่อนสตาร์ทจะช่วยถนอมรถได้ เพื่อเช็คเครื่องยนต์ และช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานก่อน

ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่จำเป็นครับ เพราะว่าเทคโนโลยีนี้ มีมาเพื่อให้ความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน ระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองได้ทันท่วงทีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องให้ไฟสัญญาณขึ้นให้หมดก่อน

มือไปโดนปุ่ม Push Start ขณะขับรถ?

หลายคนยังสงสัยว่า หากมือไปโดนเจ้าปุ่มนี้ขณะขับรถ รถจะดับหรือไม่? ก็ต้องขอบอกเลยว่า แล้วแต่คันครับ เพราะระบบของรถบางรุ่นมีการป้องกันให้อยู่แล้ว ต่างจากการบิดกุญแจที่บิดแล้วจะดับเลย

หากเป็นการไปโดนเพียงเป็นเวลาสั้น ๆ รถก็จะไม่ดับ แต่หากเป็นการกดค้าง รถก็จะดับได้ทันที แก้ไขด้วยการเข้าเกียร์ N แล้วค่อย ๆ ชะลอรถจนถึงจุดหยุดนิ่ง แล้วค่อยสตาร์ทใหม่

อย่าลืมดูแบตกุญแจ

อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ก็ยังต้องพึ่งตัวกุญแจ Smart Keys ที่มีแบตเตอรี่อยู่ข้างใน แต่หากหมดขึ้นมา ก็ยังสามารถใช้กุญแจสำรองที่มีมาให้ใช้ไขประตูก่อนได้

ส่วนวิธีการสตาร์ทรถ ให้เอากุญแจไปทาบกับปุ่ม Push Start แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกสตาร์ทรถปกติ และนำแบตกุญแจไปเปลี่ยนได้ที่ศูนย์หรือร้านรับเปลี่ยนถ่านนาฬิกาภายนอกก็ได้ครับ