ฮอนด้า ผู้นำตลาดรถยนต์นั่งในประเทศไทย นำเสนอ 2019 ฮอนด้า แจ๊ส ทั้งหมด 6 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น S MT ราคา 5.55 แสนบาท รุ่น S CVT ราคา 5.94 แสนบาท รุ่น V ราคา 6.54 แสนบาท รุ่น V+ ราคา 6.94 แสนบาท รุ่น RS ราคา 7.39 แสนบาทและรุ่น RS+ ราคา 7.54 แสนบาท ทุกรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลัง 117 แรงม้า แรงบิด 146 นิวตันเมตร
2019 ฮอนด้า แจ๊ส เป็นรถยนต์ในกลุ่มซับคอมแพ็กต์ ผลิตโดยฮอนด้า ในประเทศไทย ออกทำตลาดรถยนต์กลุ่มบีเซกเมนท์ และได้รับการปรับโฉมล่าสุดในปี 2561 เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรรุ่นนี้รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 และมีความประหยัดน้ำมันประมาณ 15 กม.ต่อลิตร
Honda Jazz คือหนึ่งในรถเก๋งขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วนทั้งรูปลักษณ์สวยงาม ขับขี่คล่องแคล่ว และห้องโดยสารกว้างขวางรองรับทุกการใช้งาน
ถึงแม้จะออกทำตลาดมานานเกือบ 6 ปีแล้ว แต่ Jazz เจนเนอเรชั่นปัจจุบันรหัสตัวถัง GK ก็ยังคงเป็นรถแฮทช์แบ็กขวัญใจผู้บริโภคชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นในตลาดรถมือหนึ่งป้ายแดงหรือตลาดมือสองมีการผลัดเปลี่ยนมือเจ้าของกันอย่างคึกคัก
Jazz รุ่นปัจจุบันได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ในปี 2018 และเตรียมที่จะสิ้นสุดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ในปี 2020 นี้เอง โดยจะถูกแทนที่ด้วย Honda City Hatchback แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นเรามาชมรายละเอียดของตัวรถ Jazz กันได้เลย
Honda Jazz มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ราคาจำหน่ายดังนี้ |
รุ่น S MT |
ราคา 555,000 แสนบาท |
รุ่น S CVT |
ราคา 594,000 แสนบาท |
รุ่น V |
ราคา 654,000 แสนบาท |
รุ่น V+ |
ราคา 694,000 แสนบาท |
รุ่น RS |
ราคา 739,000 แสนบาท |
รุ่น RS+ |
ราคา 754,000 แสนบาท |
มิติตัวถัง
ความยาว |
4,035 มม. |
ความกว้าง |
1,695 มม. |
ความสูง |
1,525 มม. |
ระยะฐานล้อ |
2,530 มม. |
ระยะต่ำสุดจากพื้น |
135 มม. |
น้ำหนักรถ |
1,086 กก. |
ไฮไลท์
การปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ Honda Jazz ในปี 2018 มีการปรับเปลี่ยนรุ่นย่อยใหม่ RS+ มีความสปอร์ตยิ่งขึ้นทั้งภายนอกและภายใน พร้อมกับเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างหน้าจอมัลติมีเดีย รองรับแอปเปิลคาร์เพลย์ เพื่อชีวิตที่มีการเชื่อมต่อตามสมัยนิยม
การออกแบบภายนอก
หน้าตาภายนอกของ Jazz เจนเนอเรชั่นนี้ถือว่าสวยที่สุดเท่าที่ Honda เคยสร้างมาก็ว่าได้ ลงตัวทั้งความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และน่ารักเอาใจคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ไฟหน้า LED มีเดย์ไลท์และไฟท้าย LED พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า กระจังหน้าสีดำเงาพร้อมคิ้วโครเมียมและสัญลักษณ์ RS มีสเกิร์ตข้างและสปอยเลอร์หลัง คิ้วฝากระโปงท้ายประดับโครเมียม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับและพับไฟฟ้า เสาอากาศแบบสั้น และใช้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วในรุ่นท็อป หุ้มด้วยยาง 185/55 R16
Jazz รุ่นท็อปและรองท็อปมีรูปลักษณ์ที่สะดุดตามากกว่า แต่รุ่น V และ V+ รองลงมานั้นก็ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่แต่อย่างใด เลือกใช้ได้ตามกำลังทรัพย์ที่มีได้เลย
การออกแบบภายใน
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำเป็นหลัก วัสดุหุ้มเบาะรุ่นท็อปเป็นผ่าแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีส้ม วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบเปียโนแบล็ก เบาะด้านหลังแบบอัลตราซีท พับแยก 60:40 และพับให้แบนราบได้ พื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารของ Jazz คือจุดเด่นมาตั้งแต่เจนเนอเรชั่นแรก จำนวนที่วางแก้วมีให้ 7 ช่องในรุ่นท็อปและ 9 ช่องในรุ่นรองลงมา
การออกแบบห้องโดยสารมีความสวยงามไปในทิศทางเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอก มีความทันสมัยและตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี คุณภาพการประกอบและวัสดุที่ใช้ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานบีเซกเมนท์ และยืนอยู่แถวหน้าในรถระดับเดียวกัน
ระบบความปลอดภัย
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง
- ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ
- ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ
- เบาะนั่งด้านหลังแบบอัลตรา ซีท แยกพับ 60:40
- พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- มาตรวัดเรืองแสง สีฟ้า พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
- ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ECO Coaching
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch
- รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน รองรับแอปเปิลคาร์เพลย์ / WebLink
- รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth
- สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
- ช่องเชื่อมต่อ USB 2
- จำนวนลำโพง 6 ตำแหน่ง
ระบบขับเคลื่อน
เครื่องยนต์ |
4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC |
ความจุ |
1.5 ลิตร 1,497 ซีซี |
อัตราส่วนกำลังอัด |
10.3 : 1 |
พละกำลังสูงสุด |
117 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที |
แรงบิดสูงสุด |
146 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที |
ระบบส่งกำลัง |
เกียร์อัตโนมัติ CVT |
รัศมีวงเลี้ยว |
5.1 เมตร |
สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบาย
ตามที่ระบุไว้ข้างต้น Honda Jazz คือรถแฮทช์แบ็กที่รองรับการใช้งานในเมืองได้ดี นอกเมืองก็ได้ มีสมรรถนะการขับขี่ที่ขับสนุกในการฟันฝ่าการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ ระบบเกียร์ CVT มีการทำงานที่ไหลลื่นและนุ่มนวล ถ่ายทอดพละกำลังได้อย่างพอเหมาะ แม้จะไม่แรงเร้าใจแต่ก็ตอบสนองต่ออัตราเร่งได้พอสมควร
ระบบเบรกที่เปลี่ยนจากดิสก์เบรก 4 ล้อในรุ่นก่อนหน้ามาเป็นดิสก์เบรกหน้าและดรัมเบรกหลังไม่ใช่จุดด้อยในการใช้งาน ยังคงตอบสนองต่อการชะลอและหยุดของตัวรถได้ดีถ้าขับขี่แบบปกติ ช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้า พร้อมเหล็กกันโคลง และทอร์ชั่นบีมแบบ H-Shape ที่ด้านหลังมีอาการสะเทือนเล็กน้อยตามแบบฉบับของรถแฮทช์แบ็ก
พวงมาลัยผ่อนแรงไฟฟ้ามีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบ สบาย ๆ สำหรับการขับขี่ซอกแซกไปตามซอกซอยคับแคบหรือต้องถอยจอดในที่แออัดก็ทำได้ยากไม่ยากเย็น
อัตราความประหยัดน้ำมัน
Honda Jazz รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรซึ่งรองรับเชื้อเพลิงได้สูงสุด E85 มีอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยในเมืองและนอกเมืองอยู่ที่ 15 กม. ต่อลิตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานทั่วไป
สรุป
ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนยกย่องว่า Jazz ตัวถัง GK คือ Jazz ที่ดีที่สุดเท่าที่ Honda เคยสร้างมา เพราะครบครันคุณสมบัติการเป็นรถยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่โดดเด่น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน และสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัว ขับสนุก ตอบโจทย์ทุกเส้นทาง
แต่น่าเสียดายที่ Honda จะไม่ทำตลาด Jazz ในบ้านเราอีกต่อไป ถึงแม้ 2020 Jazz / Fit รุ่นใหม่จะเพิ่งเปิดตัวออกจำหน่ายในยุโรปและญี่ปุ่นพร้อมได้เสียงตอบรับอย่างท่วมท้น แต่คนไทยจะได้ใช้ City Hatchback แทนซึ่งมีรูปร่างหน้าตาสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากกว่า
อย่างไรก็ตาม City Hatchback จะสร้างความสำเร็จได้ทัดเทียมกับ Jazz รุ่นปัจจุบันนี้ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในรถที่ขายดีที่สุดไปแล้วได้หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป