Honda Civic โฉมปัจจุบันตัวถัง FC เปิดตัวออกทำตลาดตั้งแต่ปี 2016 แต่ยังคงครองความนิยมจากลูกค้าในเมืองไทยอย่างไม่สร่างซาด้วยคุณสมบัติที่ครบครันทั้งรูปลักษณ์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และสมรรถนะการขับขี่
การมีขุมพลังให้เลือก 2 รุ่น คือเบนซิน 1.8 ลิตร และเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตรทำให้ Civic ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นพ่อบ้านทั่วไปที่ต้องการรถคันแรกและคันเดียวของครอบครัวสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบที่สามารถเลือกรุ่น 1.8 ลิตร หรือพ่อบ้านเท้าขวาหนักกว่าปกติก็จะได้สัมผัสการขับขี่ที่เร้าอารมณ์ไปกับรุ่นเทอร์โบ 1.5 ลิตร
เรามาชมสเปกของ Civic โฉมซีดานที่มีให้เลือก 4 รุ่นย่อยและการรีวิวคุณสมบัติต่าง ๆ เพื่อหาคำตอบว่าทำไมรถคอมแพ็กต์รุ่นนี้ถึงครองใจลูกค้าได้ยาวนาน
Honda Civic มีราคาจำหน่ายดังนี้
รุ่นซีดาน 1.8 E ราคา 874,000 บาท
รุ่นซีดาน 1.8 EL ราคา 964,000 บาท
รุ่นซีดาน 1.5 Turbo ราคา 1,104,000 บาท
รุ่นซีดาน 1.5 Turbo RS ราคา 1,219,000 บาท
(รุ่นแฮทช์แบ็ก 1.5 Turbo RS ราคา 1,229,000 บาท)
มิติตัวถัง
ขนาดตัวถังของ Civic รุ่นซีดานมีความยาว 4,648 มม. กว้าง 1,799 มม. สูง 1,416 มม. ระยะฐานล้อ 2,698 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 125 มม. และน้ำหนักรถ 1,306 กก. (รุ่น RS)
ความยาว |
4,648 มม. |
ความกว้าง |
1,799 มม. |
ความสูง |
1,416 มม. |
ระยะฐานล้อ |
2,698 มม. |
ระยะต่ำสุดจากพื้น |
125 มม. |
น้ำหนักรถ |
1,306 กก. |
ไฮไลท์
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Honda ได้เพิ่มสีตัวถังใหม่ สีแดง Ignite Red สำหรับรุ่นท็อป Civic เทอร์โบ RS ซึ่งสีแดงโทนนี้ถูกใช้กับ City Turbo RS ตัวท็อปด้วยเช่นกัน และความน่าสนใจของสีแดงใหม่นี้อยู่ที่การเป็นสีมาตรฐานและไม่มีการเพิ่มราคาจำหน่ายแต่อย่างใด
การออกแบบภายนอก
ภายนอกของ Civic ตัวถัง FC รุ่นนี้ว่ากันว่าสวยที่สุดรุ่นหนึ่งนับตั้งแต่ Honda ทำตลาดรถคอมแพ็กต์
รุ่นนี้มาในประเทศไทย รูปลักษณ์ภายนอกมาพร้อมไฟหน้า LED ในรุ่นท็อป ไฟเดย์ไลท์ LED ไฟท้าย LED มีระบบเปิด-ปิดไฟฟน้าอัตโนมัติและระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED มือจับเปิดประตูด้านนอกแบบโครเมียมรมดำ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวมีฟังก์ชั่นปรับและพับไฟฟ้า ท่อไอเสียแบบคู่ กันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วในรุ่นท็อปและรองท็อป
ฟังก์ชั่นภายนอกถือว่าครบครันน่าใช้งานอย่างยิ่ง ไม่เพียงรุ่น RS ที่น่าสนใจ ใครที่มีงบประมาณไม่สูงมากนักก็สามารถเลือกรุ่น Turbo ตัวรองลงมาได้หรือแม้กระทั่งรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ก็ยังคงเค้าความหล่อเหลาน่าใช้ไม่แพ้กันเลยทีเดียว
การออกแบบภายใน
ภายในตกแต่งด้วยสีดำสำหรับรุ่น Turbo วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังแท้และหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยหุ้มหนัง วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบเปียโนแบล็ก
ดีไซน์ภายในห้องโดยสารเป็นสไตล์ Honda ขนานแท้ คือมีความหวือหวาพอสมควรแต่ก็กลมกลืนด้วยดีไซน์แบบอนุรักษ์นิยม เน้นรูปทรงเหลี่ยมที่ให้ภาพลักษณ์ความสง่างาม พื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย มีช่องวางแก้วและช่องเก็บของพอสมควร
การออกแบบในค็อกพิทของ Civic อาจจะสู้คู่แข่งอย่าง Mazda 3 ไม่ได้ในเรื่องความพรีเมียมและความเรียบหรู แต่ก็น่าจะโดนใจลูกค้าที่ต้องการความโอ่อ่าในสไตล์ Honda
ระบบความปลอดภัย
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้
- เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
- ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD)
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
- ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock
- ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda Sensing มีดังนี้
- ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ
- ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิ แยกอิสระซ้าย/ขวา
- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
- ระบบนำทางเนวิเกเตอร์
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับแอปเปิลคาร์เพลย์
- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
- รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน
- รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
- ช่องเชื่อมต่อ USB ตำแหน่ง
- ช่องเชื่อมต่อ HDMI
- จำนวนลำโพง 8 ตัว
ระบบขับเคลื่อน
Civic รุ่น 1.8 CVT วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1.8 ลิตร พละกำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 174 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมันสูงสุด E85
ขณะที่รุ่นท็อปและรองท็อป 1.5 Turbo CVT มาพรอมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1.5 ลิจน พ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ พละกำลังกำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมันสูงสุด E20
สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบาย
นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ตและหล่อเหลาแล้ว Civic 1.5 เทอร์โบ RS ยังมีสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองการเดินทางทั้งในเมืองและนอกเมืองได้อย่างเหลือเฟือ
ระบบเกียร์ CVT มีการทำงานที่นุ่มนวลในการขับขี่ท่ามกลางจราจรที่ติดขัด แต่ขณะเดียวกันยังสามารถไล่รอบเพื่อเค้นอัตราเร่งบนถนนหลวงทางไกลได้อย่างไม่ติดขัด
อีกหนึ่งคุณสมบัติด้านการขับขี่ที่น่าประทับใจคือช่วงล่างที่ถูกเซ็ทอัพได้ดีที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของเซกเมนท์นี้ ส่วนพวงมาลัยก็มีน้ำหนักกำลังพอเหมาะ มอบความคล่องแคล่วในการขับขี่ในเมืองถึงแม้มิติตัวถังจะมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ตามเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
อัตราความประหยัดน้ำมัน
Honda Civic รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร มีอัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 10 – 11 กม.ต่อลิตร ส่วนรุ่นท็อป 1.5 ลิตร เทอร์โบ มีตัวเลขสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 13 – 14 กม.ต่อลิตร
สรุป
ถึงแม้จะออกทำตลาดมานานหลายปี แต่ Honda Civic ก็ยังถือเป็นรถคอมแพ็กต์ซีเซกเมนท์ที่น่าเป็นเจ้าของมากที่สุดในเวลานี้ คำถามสำคัญคือควรจะเลือกรุ่นไหนดี?
ถ้ามีงบประมาณสูงหน่อยก็สามารถจัดเต็มซีดานตัวท็อป RS ไปเลยเพื่อไม่ให้เกิดอาการผิดหวังในภายหลังด้วยการมีระบบความปลอดภัย Honda Sensing และชุดแต่งรอบคันแบบ RS ที่ทำให้ตัวรถดูหล่อเหลาเอาการ
แต่ถ้าต้องการใช้งานตามปกติ มีอ็อปชั่นครบ ๆ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเท่าใดนัก รุ่นเทอร์โบตัวรองท็อปก็เป็นทางเลือกที่ดีและทำให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกเป็นหลักแสน นำเงินส่วนต่างไปเติมน้ำมันได้นานหลายเดือนเลยทีเดียว
ส่วนรุ่น 1.8 ลิตรก็ไม่ได้ขี้เหร่แต่ประการใด แต่สมรรถนะการขับขี่ก็จะลดน้อยลงแถมยังกินน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยด้วย