Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์-วี) นั้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกของตลาดมินิ เอ็มพีวี 7 ที่นั่งสไตล์สปอร์ต แบบยกสูงเล็กน้อยในประเทศไทย ก่อนที่ตลาดนี้จะแข่งขันกันอย่างสนุกสนานในปัจจุบัน เพราะพวกเขานั้นเปิดตัวในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2019 หรือ 4 ปีก่อนหน้านี้ และทำการปรับไมเนอร์เชนจ์ไปแล้วช่วงกลางปี 2019 ที่ผ่านมา
รถรุ่นนี้ นอกจากจะมีความโดดเด่นมากมาย ทั้งทางเลือกของห้องโดยสารที่หลากหลาย เครื่องยนต์สมรรถนะสูงที่ยังไว้ใจได้แม้จะผ่านมานาน รวมถึงการตั้งราคาที่ลูกค้ายังสามารถเอื้อมถึงได้ เพราะแม้แต่รุ่นบนของพวกเขาที่มีราคาจำหน่าย 8.35 แสนบาท ก็ยังติดอยู่ในลิสต์ 7 รถยนต์ 7 ที่นั่งที่มีราคาจำหน่ายถูกที่สุดในประเทศไทย ไปกับเขาด้วย
แม้คู่แข่งจะทยอยเปิดตัวรถยนต์รูปแบบเดียวกันมามากขึ้น ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและโฉบเฉี่ยว ไม่ว่าจะเป็น Mitsubishi Xpaner Cross (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส) รถยนต์ในเซกเมนต์ที่แพงที่สุดด้วยราคา 8.99 แสนบาท หรือน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) เจ้าของค่าตัว 7.79 แสนบาท ถูกที่สุดเมื่อเทียบกันเอง
หลังจากที่ไม่ได้สัมผัสกับรถคันนี้มาสักพักใหญ่ ๆ แต่ก็ได้ลองขับขี่คู่แข่งของเขาทั้ง 2 รุ่นในช่วงที่ผ่านมา สบจังหวะที่ฮอนด้าชวนมาร่วมทริปกิจกรรมทำความดี ด้วยการมามอบสิ่งของที่จำเป็นให้กับโรงเรียนและโรงพยาบาลในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผมก็เลยได้มีโอกาสลองเจ้าบีอาร์-วี กันอีกรอบ ทั้งแบบขนสัมภาระเต็มคัน และนั่งหลายคน
เอาจริง ๆ ก็เลยเข้าใจว่าการทำยอดขายโดยเฉลี่ยที่ประมาณเดือนละ 200 คันต่อเดือน หรือมียอดขายสะสมรวม 1,379 คันในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ของ ฮอนด้า บีอาร์-วี เอง ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะตัวรถนั้นมีดีที่พอที่จะแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างสบาย และแน่นอนว่าลูกค้าก็ไม่ได้มีแต่กลุ่มที่ต้องการความคุ้มค่าในการใช้งานเพียงอย่างเดียว
ความเนียนของเครื่องยนต์ที่เหนือใคร
แม้จะเปิดตัวมาก่อนคู่แข่งค่อนข้างนาน แต่กลายเป็นว่าคู่แข่งของพวกเขากลับมีแนวคิดมินิมอลลิสต์ที่ไม่แตกต่างกันมาก ทำให้หันไปเลือกใช้เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่เรียกได้ว่าอืดกว่าบีอาร์-วีตั้งแต่เห็นตัวเลข และแน่นอนว่าเมื่อมาทดลองขับกันจริง ๆ ความรู้สึกในการใช้งานรถคันนี้ก็หวือหวาและจี๊ดจ๊าดกว่าบนท้องถนนแบบสัมผัสได้ชัดเจน
ฮอนด้าเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส L15Z1 แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1,496 ซีซี. มาพร้อมหัวฉีดอีเลกทรอนิกส์ พีจีเอ็ม-เอฟไอ และระบบแปรผันวาล์วไอ-วีเทค ที่ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติซีวีที เพื่อขับเคลื่อนเอ็มพีวีน้ำหนักตัว 1.2 ตัน
เครื่องยนต์นี้นอกจากจะให้การตอบสนองที่ดีแล้ว ยังมีตัวเลขของสมรรถนะที่เหนือกว่าคู่แข่งทั้ง 2 ราย อีกทั้งการเลือกจูนเกียร์ซีวีทีของฮอนด้าก็ออกมาเพื่อตอบสนองการขับขี่แบบดุดัน จึงไม่ต้องแปลกใจหากรถจะลากรอบสูงอย่างต่อเนื่องเมื่อขับขี่ แต่ก็แลกมาด้วยการตอบสนองที่สนุกสนานกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกันเกียร์ต่อเกียร์
ขนาดที่แทบจะไม่แตกต่างเมื่อใช้งานจริง
หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าบีอาร์-วีนั้น มีขนาดของตัวถังที่เล็กกว่าคู่แข่ง และน่าจะมีขีดความสามารถในการใช้งานสมบุกสมบันที่น้อยกว่าคู่แข่งลงไปด้วย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สัดส่วนของตัวถังของมัน ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากคู่แข่งที่เปิดตัวตามมาที่หลังสักเท่าไร จะเป็นรองกันจริง ๆ ก็เพียงแค่ความกว้างและความสูงของตัวรถที่เห็นอย่างชัดเจน
บีอาร์วีมาพร้อมขนาดตัวถังกว้าง 1,735 มิลลิเมตร ทำให้แคบกว่าเอ็กซ์แอล-7 อยู่ 40 มิลลิเมตรและแคบกว่าเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอสอยู่ 65 มิลลิเมตร ขณะที่ความยาว 4,455 มิลลิเมตรนั้น ยาวกว่าเอ็กซ์แอล7 อยู่ 5 มิลลิเมตร แต่สั้นกว่าเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ที่มีขนาดตัวถังใหญ่โตที่สุดในกลุ่มอยู่ 45 มิลลิเมตร อันนี้ถือว่าชัดเจน
ขณะที่ความสูงของตัวรถนั้น ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยที่ทำให้โดนมองว่ารถเล็กกว่าคู่แข่งมาก เพราะความสูงของบีอาร์-วีที่ 1,650 มิลลิเมตรนั้น แพ้เอ็กซ์แอล7 ไปถึง 60 มิลลิเมตร และเตี้ยกว่าเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ถึง 100 มิลลิเมตร ซึ่งส่งผลถึงความสะดวกสบายของห้องโดยสารในการใช้งานและเข้าออกพอสมควรเลยทีเดียว
และแม้จะมีขนาดที่เตี้ยกว่า แต่พวกเขามีระยะต่ำสุดจนถึงพื้นที่เหนือกว่าเอ็กซ์แอล7 อยู่ 1 มิลลิเมตร ที่ 201 มิลลิเมตร แต่ยังเตี้ยกว่าเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอสอยู่ถึง 24 มิลลิเมตร เรียกว่าในเรื่องของขีดความสามารถในการลุยนั้น ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเพื่อน ๆ เลยแม้แต่น้อย ถ้าเอาอีกสองคันไปลุยที่ไหนได้ บีอาร์-วีก็ไม่น่าจะติดขัดอะไรเหมือนกัน
ข้อดีของขนาดของตัวรถก็คือลักษณะของรถที่ดูเหมือนรถยนต์นั่งมากกว่า ดูเหมาะสมกับการใช้งานในเมืองมากขึ้น ขณะที่ต้องแลกมาด้วยการจัดการห้องโดยสารที่อาจจะดูแคบกว่านิดหน่อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอีก 2 คัน ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งานห้องโดยสารอย่างเต็มพิกัดอยู่แล้ว งานนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบกันไป
ห้องโดยสารภายในถือว่าไม่ขี้เหร่
ถ้าคุณคิดว่าห้องโดยสารของเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส นั้นควรได้รับการปรับปรุงอีกเล็กน้อย ขณะที่ห้องโดยสารของเอ็กซ์แอล7 ก็อาจจะของเล่นเยอะแล้ว แต่ยังไม่หรูหราเพียงพอ ฮอนด้าได้รวบรวมความรู้สึกของห้องโดยสารที่มีทั้งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและการใช้งานที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ในเวอร์ชั่นปรับโฉมล่าสุดของบีอาร์-วี เพื่อท้าชนกับคู่แข่ง
ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณคู่แข่งทั้ง 2 รายเองด้วย ที่ยังไม่ได้พัฒนารถของตัวเองจนหนีไปไกลมาก ห้องโดยสารแนวล้ำสมัยที่ติดตัวบีอาร์-วีมาตั้งแต่ต้นก็เลยยังมีความน่าใช้งานอยู่ ผิวสัมผัสของวัสดุนั้นทำได้ดี เบาะหนังที่ยังไม่มีระบบปรับไฟฟ้า ก็ไม่ได้น้อยหน้าคู่แข่งที่ไหน แถมระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ก็แอบดีกว่าเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการจัดการพื้นที่ที่ดีขนาดไหน แต่เบาะที่นั่งแถว 3 ที่เมื่อพับแล้วลอยโดดโดด ก็ยังเกะกะห้องโดยสารบางส่วน การเข้า-ออกเบาะแถว 3 ทำได้ยากสุดเนื่องจากความเตี้ยของรถ และยูเอสบีที่ติดมากับเครื่องเสียงก็ปล่อยกระแสไฟน้อยจนชาร์จไฟไม่ได้ และไม่มีตำแหน่งอื่นให้ใช้ด้วย เป็นสิ่งที่ควรปรับปรุงต่อไปในอนาคต
ระบบความปลอดภัยครือครือกันไม่ได้โดดเด่น
ผมเคยแซวผู้บริหารหลายค่ายเกี่ยวกับการพัฒนารถยนต์กลุ่มนี้ว่า แม้จะเป็นรถยนต์เพื่อครอบครัวในการใช้งานเป็นหลัก แต่ดูเหมือนระบบความปลอดภัยที่ให้มาในรถนั้นมีกันน้อยเหลือเกิน เพราะต้องยอมรับกันว่ารถที่เกิดจากตลาดอินโดนีเซียเป็นหลัก ก็ไม่ได้เน้นเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แถมอาจจะทำให้ทำราคาจำหน่ายที่เหมาะสมได้ยากขึ้นไปอีก
และแม้จะไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าคู่แข่ง แต่ฮอนด้า บีอาร์-วี ก็มาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบพอเพียงคล้าย ๆ กับคู่แข่ง ด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดให้กับทุกตำแหน่งที่นั่ง พร้อมด้วยไฟและเสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า มาพร้อมระบบกุญแจอิมโมบิไลเซอร์และสัญญาณกันขโมยเรียบร้อย
ระบบล็อคประตูอัตโนมัติและกล้องมองภาพขณะถอยจอด ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบแอลอีดี และจุดยึดเบาะที่นั่งสำหรับเด็ก ติดตั้งระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ ที่มีมาให้แค่ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ระบบกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เรียกว่าเป็นระบบความปลอดภัยแบบพอเพียงนั่นล่ะ
ในภาพรวมถือว่ายังไม่เป็นรองใครหน้าไหน
ถ้าคุณต้องการซื้อรถยนต์มินิ เอ็มพีวี แบบ 7 ที่นั่งสักคันหนึ่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อการใช้งานในเมืองหลวง โดยอยากได้รถที่มีความปราดเปรียว คล่องตัว ห้องโดยสารรองรับได้ 5 หรือ 7 ที่นั่ง มาพร้อมห้องโดยสารแบบเอนกประสงค์ที่ใช้งานได้อย่างดี แน่นอนว่า Honda BR-V ก็ยังเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณอยู่แน่นอน
รูปร่างหน้าตาการออกแบบที่ยังสวยงามเข้ากับยุคสมัย การออกแบบภายในที่เรียกว่าไม่เป็นรองใครทั้งสิ้น และการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ต้องเรียกว่าดีที่สุดในเซกเมนต์เดียวกัน แม้จะมีราคาอยู่ในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เหลือ แถมยังแพงกว่าตัวเตี้ยรุ่นธรรมดาอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ฮอนด้าก็อัดแคมเปญให้กับรถคันนี้เต็มที่
หากคุณซื้อฮอนด้า บีอาร์-วีในวันนี้ และเลือกวางเงินดาวน์ 25% พร้อมผ่อนชำระนาน 12-48 เดือน คุณก็จะได้รับโปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ย 0.59% พร้อมรับฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 5 ปีหรือ 1 แสนกิโลเมตร เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ซึ่งแม้แต่โปรโมชั่นนี้ก็ถือว่าเร้าใจที่สุดเช่นกัน
คู่แข่งที่น่าจับตา - Mitsubishi Xpander Cross
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เวอร์ชั่นยกสูงพร้อมชุดแต่งรอบคันที่พัฒนามาจาก Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) มาพร้อมราคาจำหน่ายที่สูงที่สุดในตลาด ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาอันแข็งแกร่งดุดันเอาใจสายโหด แต่หลายคนอาจจะไม่โปรดปรานกับห้องโดยสารที่ไม่ได้ให้ระบบแอร์ดิจิตอลและแอปเปิล คาร์เพลย์มาให้
ขนาดตัวถังอันใหญ่โตที่สุด พร้อมด้วยระยะต่ำสุดจากพื้นรถที่เหนือใคร คือจุดขายหลักของรถรุ่นนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์รุ่นมาตรฐานแบบเบนซิน 1.5 ลิตร ที่ให้ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
โดดเด่นด้วยล้ออัลลอย 17 นิ้วเพียงรุ่นเดียวในเซกเมนต์ มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเสริมแรงเบรก ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน และถุงลมนิรภัย 2 จุดด้านหน้า
คู่แข่งที่น่าจับตา - Suzuki XL7
เวอร์ชั่นยกสูงที่พัฒนามาจากต้นทางอย่าง Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ทิก้า) และทำมาเหนือกว่าด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนภายนอกของตัวถังครึ่งหน้าเกือบทั้งหมด เพื่อให้ได้ภาพลักษณ์ของรถที่เปลี่ยนไปจากเดิม หากโจทย์คือการสร้างความแตกต่างให้กับรถ ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7 ก็คงเป็นรถที่ทำคะแนนด้านนี้ได้เกือบเต็มเลยทีเดียว
การออกแบบภายในที่โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้วที่ใช้งานได้ดีเยี่ยม พร้อมระบบแอร์แบบดิจิตอลคือสิ่งที่ลูกค้ามองหา มากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิด 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด อย่างแน่นอน
ระบบความปลอดภัยไม่ได้แตกต่างอะไร ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกระทันหัน ระบบกระจายแรงเบรกแบบอีเลกทรอนิกส์ เสริมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน มาพร้อมจุดยึดเบาะสำหรับเด็ก พร้อมกล้องมองภาพและเซนเซอร์กะระยะในขณะถอยหลัง