ถ้าจะให้ AutoFun สรุปเกี่ยวกับรถคันนี้หลังจากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมา 5 วัน ก็ต้องบอกว่าเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีความสนุกสนานในการขับขี่ ตอบสนองความต้องการในการใช้งานด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่โอ่อ่าในทุกตำแหน่ง การควบคุมรถทำได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ยังอยากให้ปรับเรื่องฟีลลิ่งของรถในการขับขี่ที่ความเร็วสูงอยู่เหมือนกัน
พูดแบบนี้หลาย ๆ คนคงบอกว่านี่มันอีโคคาร์นะ จะมาพูดเรื่องความเร็วสูงทำไมกัน เอาจริง ๆ อย่างที่เรารู้กันนะครับ คนไทยซื้อรถหนึ่งคันใช้มันทุกโอกาส นี่คืออีโคคาร์ที่เอาไปใช้ที่ไหนก็ได้ เครื่องยนต์นั้นดีกว่ารถใหญ่รุ่นเก่า ๆ หลาย ๆ รุ่น เป็นอีโคคาร์ที่ขึ้นเขาก็น่าจะสนุก แต่คุณก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตัวรถและการควบคุมมันเหมือนกัน
ว่าแล้วก็ไปลองขับเจ้า Honda City RS รุ่นท็อปที่ไม่ได้มีดีแค่ชุดแต่ง แต่เต็มไปด้วยของเล่นและความน่าใช้งานมากมาย ในสไตล์อีโคคาร์พรีเมียมคันนี้ล่ะ
ทำไมต้องซื้อรุ่น RS
ฮอนด้า ซิตี้ นั้นวางจำหน่ายใน 4 รุ่นย่อยหลัก ๆ ที่สนนราคาห่างกันพอสมควร และพวกเขาก็เปิดตัวรุ่นท็อปอย่างอาร์เอส ในราคาระดับเกิน 7 แสนบาท และเป็นอีโคคาร์ไม่กี่รุ่นในประเทศไทยที่ระดับราคาระดับนี้ โดยที่หลาย ๆ คนบอกว่าการเปลี่ยนแปลหลัก ๆ มีแค่ชุดแต่งที่เพิ่มขึ้น แบบนี้ไปซื้อรุ่นรองอย่างเอสวี ก็มีอุปกรณ์เพียงพอแล้ว
แต่จริง ๆ แล้วนั้น ในระดับราคาที่แพงกว่ารุ่นรองท็อปมาอีก 7.4 หมื่นบาทนั้น อาร์เอสไม่ได้มีแค่ชุดแต่งที่เพิ่มขึ้นมา แต่พวกเขาเสริมระบบความปลอดภัย ระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ และแน่นอนว่าการตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงามและความสปอร์ตให้กับตัวรถ โดยไม่ต้องไปแต่งอะไรเพิ่มเติม ยกเว้นต้องการเพิ่มสมรรถนะการขับขี่อื่น ๆ
สิ่งที่คุณจะได้เพิ่มขึ้นมาก็คือม่านนิรภัยอีก 2 ตำแหน่ง ทำให้รถคันนี้มีถุงลมมากถึง 6 ตำแหน่ง ลำโพงติดรถสำหรับเครื่องเสียงเพิ่มเป็น 8 ตำแหน่ง พร้อมกับการติดตั้งระบบ Honda CONNECT ทำงานผ่านสมาร์ทโฟนในการสั่งการทำงานระบบล็อคของรถยนต์ สั่งสตาร์ทรถยนต์ เปิดสัญญาณไฟ รวมถึงการแสดงพิกัดตัวรถเพื่อค้นหารถได้
นอกจากนี้ ยังมาพร้อม ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย เปลี่ยนมาตรวัดเรืองแสงออพตริตรอนเป็นสีแดง เพิ่มความสะดวกสบายในห้องโดยสารด้วยช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกแต่งหน้าสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และที่วางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว
ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งโทนสีดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังกลับสลับผ้า เดินตะเข็บด้ายสีแดง สปอร์ตสอดรับกับภายนอกที่มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/55 R16 ไฟหน้าและไฟตัดหมอกหน้าแอลอีดี กันชนหน้าและกระจังหน้าสปอร์ตเฉพาะรุ่น กระจังหน้า สปอยเลอร์หลัง และกระจกมองข้างสีดำเงาสวยงาม
ถ้าเอาของทั้งหมดที่ว่ามาประเมินราคาที่เพิ่มขึ้นมาแล้วก็ถือว่ามีความคุ้มค่าอยู่นะ
การออกแบบภายนอกที่สปอ ร์ตแบบรถบ้านแต่งซิ่ง 2020 Honda City (2020 ฮอนด้า ซิตี้)
ผมอาจจะมีความคิดเห็นไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่ในการที่มองว่าทีมออกแบบของฮอนด้านั้น น่าจะเกิดความสับสนระหว่างการออกแบบเล็กน้อย ว่าจะออกแบบรถคันนี้ให้สปอร์ตสุด ๆ ไปเลยดี หรือว่าจะเก็บรักษากลุ่มลูกค้าเดิมที่เป็นลูกค้าครอบครัวแบบบ้าน ๆ เอาไว้จะดีกว่า พอเอาความคิดมารวมกันมันก็เลยอยู่กลาง ๆ ไปหมด
ถ้ามาไล่ดูรายละเอียดการออกแบบตัวรถแบบที่ละชิ้น กระจังหน้า กันชนหน้า ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอก ทุกชิ้นจะดูสปอร์ตมาก ๆ มีการใส่ลูกเล่น รายละเอียดของการออกแบบชัดเจนลงตัว ถือว่าเป็นการพัฒนาแบบเขย่งก้าวกระโดดเลย ไฟจะสปอยเลอร์หลังทรงเพรียวที่ทำสีดำเงา และเสาอากาศแบบครีบฉลามก็ดูสวยงาม
แต่พอเอาทุกชิ้นมาประกอบกันบนตัวถังที่ออกแบบทรงป้อม ๆ เล็กน้อย มันก็ทำให้เรารู้สึกเลยว่านี่มันเป็นรถยนต์นั่งกลุ่มครอบครัว ที่พยายามทำตัวสปอร์ตด้วยการเพิ่มลายเส้นรอบคันรถ ล้ออัลลอย 16 นิ้วที่ใส่มาก็สวยดี แต่พอยางแก้มหนาและลายก็ดูธรรมดาไปหน่อย ก็ทำให้ภาพรวมของรถอยู่กึ่ง ๆ กลาง ๆ กันไปหมดอย่างที่รู้สึกแต่แรก
คือความรู้สึกในการมองซิตี้ มันจะแตกต่างจากตอนที่มองรุ่นพี่อย่าง Honda Civic หรือ Honda Accord ที่เห็นแล้วร้องว้าวในใจเลย แต่เรื่องความสวยความงามอย่างที่เคยบอกไว้ว่าเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลนะครับ ใครที่มองแล้วชอบรถคันนี้มาก ๆ คิดว่าสปอร์ตมากแล้ว ก็ต้องขออภัยที่ความเห็นในเรื่องนี้อาจจะไม่ตรงกันสักเท่าใด
แต่อย่างที่บอกว่าถ้าไม่มองเรื่องความสวยความงามในใจแต่ละคน ฮอนด้า ซิตี้ อาร์เอส ก็เป็นรถที่มีอุปกรณ์ภายนอกมาให้อย่างครบครันแบบไม่ต้องไปสรรหาอะไรเพิ่ม ถ้าอยากเปลี่ยนให้สวยขึ้นก็น่าจะเป็นเรื่องของล้ออัลลอยและยางที่พอจะปรับปรุุงกันได้ ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ นั้น มีมาให้ครบครันแบบไม่ต้องคิดทำอะไรเพิ่มเติม
ห้องโดยสารภายในที่โอ่อ่าและครบครัน 2020 Honda City (2020 ฮอนด้า ซิตี้)
ฮอนด้านั้นขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบห้องโดยสารภายในข องรถ มาโดยตลอด และซิตี้ก็เป็นรถที่มีความสะดวกสบายและความโอ่อ่าของห้องโดยสารมาตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้ พวกเขายังใช้แนวคิดในการพัฒนาโดยสารต่อยอดมาจากรุ่นเดิม แน่นอนล่ะว่าเป็นเพราะแพลตฟอร์มยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ยังใช้ตัวที่ต่อยอดมาจากรุ่นเก่า
แต่แม้จะเป็นแพลตฟอร์มรุ่นเก่า พวกเขาก็ทำการปรับปรุงในหลาย ๆ จุด เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของห้องโดยสาร ขณะเดียวกัน ก็มีการติดตั้งวัสดุซับเสียงที่ใต้ท้องรถ เพื่อช่วยเรื่องการลดเสียงจากพื้นถนน ทำให้ปัญหาเรื่องเสียงรบกวนที่เป็นปัญหาดั้งเดิมของซิตี้ ได้รับการแก้ไขไปค่อนข้างมากแล้วในเรื่องนี้ ยกเว้นเวลาเจอถนนที่แย่มาก ๆ จริง ๆ
ห้องโดยสารภายในก็ยังคงต้องผ่านการถกเถียงกันมาพอสมควรระหว่างฝ่ายที่บอกว่าควรออกแบบให้สปอร์ตไปเลย กับฝ่ายที่กลัวลูกค้าจะใช้งานแล้วสับสน เราก็ได้พบกับห้องโดยสารกึ่ง ๆ สปอร์ต ที่เต็มไปด้วยการวางตำแหน่งอุปกรณ์ที่แตะต้องและเข้าถึงได้ง่าย บนแผงแดชบอร์ดที่ใช้วัสุดที่ไม่เอื้อต่อผิวสัมผัสสักเท่าใดนักในรถคันนี้
ข้อดีสำหรับรุ่นอาร์เอสก็คือการเดินด้ายแดงตามตำแหน่งต่าง ๆ ของตัวรถที่ทำให้รถคันนี้ดูไม่น่าเบื่อเกินไป การวางตำแหน่งของอุปกรณ์นั้นชัดเจน ใช้งานง่าย และไม่ต้องเสียเวลาในการเรียนรู้สักเท่าใดนัก ซึ่งเป็นข้อดีของรถ หน้าจอ 8 นิ้วตรงกลางใช้ทำงานกับระบบเครื่องเสียงเป็นหลัก ไม่ได้มีหน้าที่ไปวุ่นวายกับฟังชั่นส์อื่น ๆ ในตัวรถ
ช่องแอร์ขนาดใหญ่ที่ขลิบด้วยสีเงินนั้นใช้งานได้ดีมาก ลมแรงและปรับองศาการใช้งานได้อย่างง่ายดาย ระบบแอร์แบบดิจิตอลใช้งานได้ดี ถัดลงไปจะพบกับช่องเสียบยูเอสบี ที่ด้านล่างเอาไว้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ และช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์ที่เหมือนเอามาแปะไว้ให้เห็นกันจะจะ ขณะที่คันเกียร์ขนาดเหมาะมือ มาพร้อมแพดเดิลชิฟท์ที่พวงมาลัย
รุ่นอาร์เอสมาพร้อมแป้นเหยียบแบบอลูมิเนียมที่แอบหลุดง่ายเหมือนกัน พวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์ มีแป้นควบคุมระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติที่ด้านขวา ด้านซ้ายแบ่งส่วนควบคุมเป็น 2 ส่วน ด้านบนสำหรับเครื่องเสียง และด้านล่างสำหรับโทรศัพท์ เรียกว่าถ้าใช้งานจริง ๆ แทบไม่ต้องละมือไปจากพวงมาลับก็ใช้งานได้เกือบทุกคำสั่งในรถ
หน้าปัดที่เพิ่มความสปอร์ตด้วยขอบและเข็มสีแดง เอาจริง ๆ ยังเป็นรองคู่แข่งในเรื่องของลูกเล่นมากมาย แต่ก็เป็นหน้าจอที่ให้ข้อมูลครบถ้วน และยังเรียกข้อมูลทั้งหมดขึ้นมาดูได้อย่างง่ายดายไม่ต้องไปนั่งหาวิธีเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เรียกว่าใช้งานง่ายที่สุดก็คงไม่ผิด แถมตัวเลขต่าง ๆ นั้นก็ดูเห็นเด่นอย่างชัดเจนแบบไม่ต้องจิกตาซะด้วย
รายละเอียดทางเทคนิค 2020 Honda City RS |
กว้างxยาวxสูง (มิลลิเมตร) |
1,748x4,553x1,467 |
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) |
2,589 |
ระยะต่ำสุด (มิลลิเมตร) |
135 |
เครื่องยนต์ |
P10A6 |
ความจุ (ซีซี.) |
988 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า) |
122 |
แรงบิดสุงสุด (นิวตันเมตร) |
173 |
ระบบส่งกำลัง |
อัตโนมัติซีวีที |
ถังน้ำมัน (ลิตร) |
40 |
เครื่องยนต์ที่ตอบสนองจี๊ดจ๊าดเหลือเกิน 2020 Honda City (2020 ฮอนด้า ซิตี้)
ในวันที่บอกหลาย ๆ คนว่า ฮอนด้า ซิตี้ จะเปลี่ยนม าใช้เครื่องยนต์เล็กพ่วงเทอร์โบ หลาย ๆ คนที่คุยกับผมถามกลับมาทันทีว่า จะวิ่งออกไหม จะวิ่งไหวไหม เอาออกต่างจังหวัดจะเป็นไง ไหนจะเรื่องขึ้นเขาอีกว่าโอเคหรือเปล่า จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าภาพจำของเครื่องยนต์เล็กขนาด 1.2 ลิตรของอีโคคาร์เฟสแรกมันเหนียวแน่นเกินไปในใจผู้บริโภค
แต่ฮอนด้าเองก็เรียนรู้มาเช่นกันว่า แม้จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กขนาดไหนก็ตาม สิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยโหยหาเป็นอย่างมากก็คือ ความสนุกสนานในการขับขี่ และความสามารถในการใช้งานรถคันนี้ได้อย่างหลากหลายรูปแบบ เรียกว่าถ้าซื้อคันเดียวแล้วสามารถไปได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ขึ้นเขาได้ด้วย ขับทางไกลได้ไม่เหนื่อย ก็จะตอบโจทย์ที่สุด
ฮอนด้าเองตัดสินใจเดินหน้ากระแสเครื่องยนต์เทอร์โบต่อจากที่ใช้ในซีวิคมาแล้ว แต่พวกเขาทำการพัฒนาเครื่องยนต์เล็กรุ่นใหม่เข้ามาพร้อมรหัส P10A6 เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 12 วาล์ว ความจุ 988 ซีซี. หัวฉีดน้ำมันแบบตรง พร้อมระบบแปรผันวาล์ว ทั้งแบบดูอัล วีทีซีและวีเทค พ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์
เครื่องยนต์เล็กแต่จี๊ดจ๊าดของฮอนด้า ซิตี้ เรียกกำลังสูงสุดได้ถึง 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบ 2,000–4,500 รอบต่อนาที โดยเป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 99 กรัมต่อกิโลเมตร รองรับแก๊ซโซฮอล์ อี20 เพราะไม่ต้องง้อภาษีที่ลดไป 5% ถ้าทำอี85 ได้
ระบบส่งกำลัง เป็นเกียร์อัตโนมัติซีวีทีรุ่นใหม่ ล็อคอัตราทดพูลเลย์ได้ 7 จังหวะ มาพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยในรุ่นท้อป โดยฮอนด้าบอกว่ามีการปรับระบบส่งกำลังให้รองรับกับเครื่องยนต์เทอร์โบ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงแรงบิดรุนแรงกว่าเครื่องยนต์ปกติ และมีการตั้งโปรแกรมให้มีการไล่รอบคล้ายรถเกียร์อัตโนมัติปกติเมื่อกดคันเร่งเต็มที่
พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า อีพีเอส มาพร้อมระบบเบรกคู่หน้า ดิสก์เบรก คู่หลัง ดรัมเบรก ช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังทอร์ชั่น บีม พร้อมเทคโนโลยีช่วยลดแรงเสียดทานในการทำงานของช่วงล่าง เพื่อลดเสียงรบกวนจากช่วงล่างลงจากเดิม 50% และช่วยลดความสะเทือนของเครื่องยนต์ลง
การตอบสนองของเครื่องยนต์ช่วงแรก ๆ นั้นขึ้นกับพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับเป็นหลักเลย ถ้ากดคันเร่งออกตัวแบบเฉื่อย ๆ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ตัวรถก็จะมีอาการรอรอบให้เห็นบ้างกว่าที่เครื่องยนต์และเทอร์โบจะทำงานเต็มที่ แต่หากเป็นพวกกดคันเร่งเต็มที่ตั้งแต่เริ่ม ตัวรถก็จะออกอาการไวกว่าเดิม แต่ไม่พุ่งพรวดจนทำให้รู้สึกตกใจ
ความกระฉับกระเฉงของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนั้นทำได้อย่างดุดันลงตัว แม้จะรู้สึกสนุกสนานก็จะต้องผ่านความเร็วกลางแถว ๆ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปเสียก่อน ผมไม่แน่ใจว่าทีมวิศวกรนั้นต้องการเซตรถแบบนี้เพื่อช่วยรักษาอายุการใช้งานของเครื่องยนต์และเกียร์หรือเปล่า แต่ว่ารถคันนี้วิ่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่ำกว่า 12 วินาทีแบบไม่มีปัญหา
ท็อปสปีดนั้นแล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนจะไปกันได้ แต่ผมชอบความรู้สึกของการขับขี่รถคันนี้ที่ความเร็วแถว ๆ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือมันควบคุมง่าย ไม่ต้องลุ้นอะไรทั้งเร่งทั้งเบรก แถมถ้าจะมุดแบบด่วน ๆ หรือวิ่งหนีใครที่วิ่งมากวนประสาท แค่กดคันเร่งลงไปอีก ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ และเริ่มมีอาการเอื่อยหลัง 160 ไปแล้ว
ถามว่ารถคันนี้ประหยัดน้ำมันหรือไม่ ตามสเปกของอีโคคาร์เฟสสองนั้น ตัวรถจะต้องประหยัดน้ำมัน 23.25 กิโลเมตรต่อลิตร ภายใต้การทดสอบอันเข้มงวด แต่ในชีวิตจริงที่เอามาทดลองขับ ผมทำได้อยู่ประมาณ 16-17 กิโลเมตรต่อลิตร บนการขับขี่หลากหลายรูปแบบ ซึ่งตามความเห็นส่วนตัวก็ถือว่าเป็นรถที่ให้การใช้งานเชื้อเพลิงที่คุ้มค่าที่สุดคันหนึ่ง
ถ้าใครขับซิ่ง ควรเอารถไปทำให้นิ่งกว่านี้
อย่างที่บอกนะครับว่าหากต้องการใช้งานรถคันนี้ให้ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ คุณก็ต้องเรียนรู้ถึงความเป็นฮอนด้า ซิตี้ รุ่นใหม่นี้ให้หมดจด การตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ทำงานได้กระฉับกระเฉงที่รอบประมาณ 2,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป และที่ต้องรู้จักมากกว่าก็คือ ระบบช่วงล่างของซิตี้นั้น เซตมาสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลักเหมือนรุ่นที่ผ่านมา
ถามว่าทำไมผมถึงพูดแบบนั้น เพราะเมื่อฮอนด้าทำการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ของพวกเขาให้วิ่งที่ความเร็วสูงได้ หลาย ๆ คนที่ไปลองบอกว่ามันวิ่งได้ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่จากที่ผมลองมา หากเป็นการวิ่งบนถนนทางหลวงนั้น ที่ความเร็วระดับ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การตอบสนองของรถทั้งสมรรถนะและความสบายยังไม่ใช่ปัญหา
แต่หากเกิดสถานการณ์ที่ต้องทำให้เราควบคุมตัวรถมากขึ้น เช่น ต้องเข้าโค้งแรง ๆ หรือเบรกรถแรง ๆ ซิตี้จะบอกทันทีว่าฉันไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อการณ์นี้ อาการหน้าดื้อของรถ อาการยวบและโคลงตัวเวลาเปลี่ยนเลนไวไว หรือแม้แต่การเฟดของเบรกเมื่อกระทืบเบรกแรง ๆ ที่ความเร็วสูงยังมีให้เห็นอยู่อย่างชัดเจน ใครไม่เชื่อก็ไม่ต้องไปทดลองทำนะ
ห้องโดยสารที่ออกมาแนวนุ่มสบาย รวมถึงเบาะที่ดูรับน้ำหนักตัวอย่างดีที่ความเร็วปกติ กลายเป็นเบาะที่โยนตัวไปมาที่ความเร็วสูงหรือการมุดไปตามท้องถนอย่างเร่งด่วน โอเคว่าส่วนหนึ่งขึ้นกับน้ำหนักผู้ขับขี่ด้วยครับ แต่ผมว่าถ้ามีเด็กหรือผู้ใหญ่ติดรถไปด้วย อาการโยกโยนแบบนี้ก็น่าจะทำให้เกิดอาการเมารถเอาอย่างง่าย ๆ เหมือนกันนะ
อย่างไรก็ตาม การทำความเร็วสูงก็ดี การขับเปลี่ยนเลนไวไวก็ดี น่าจะไม่ใช่จุดประสงค์ในการออกแบบรถคันนี้มาตั้งแต่ต้น และผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนซื้อรถคันนี้มาขับซิ่งแต่อย่างใด เพียงแต่เตือนเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงว่า หากคิดจะซื้อรถคันนี้มาขับขี่แบบไวไว ลองหายางดีดีมาใช้ หรือเงินเหลือจะจัดชุดใหญ่ให้ช่วงล่างไปเลยก็ดีเหมือนกัน
บทสรุป 2020 All-New Honda City RS
นี่คืออีโคคาร์ที่ให้การตอบสนองที่ดุเดือดที่สุดในคลาสคันหนึ่ง แน่นอนว่าหลายคนถามว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตรใน Mazda 2 ที่รุ่นท็อปราคาแพงขึ้นไปอีกขั้น ต้องบอกว่าการตอบสนองในภาพรวมของซิตี้นั้นดุเดือดกว่า 2 อาจจะดูดีกว่าในช่วงของการออกตัว แต่หากมองในการขับขี่ยาว ๆ นั้น เครื่องยนต์เทอร์โบดุเดือดกว่าอย่างชัดเจน
สิ่งที่ฮอนด้า ซิตี้ สู้คู่แข่งไม่ได้จริง ๆ ก็น่าจะเรื่องของอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาให้ในรถนั่นล่ะที่ยังเป็นรองอยู่เมื่อเทียบกับ อย่างคู่แข่งสายตรงอีกคันอย่าง Nissan Almera นั้นให้กล้อง 360 องศามาในราคาที่ถูกกว่า ขณะที่มาสด้านั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะพวกเขาอัดแน่นกันมาทั้งคันรถทั้งเรื่องของระบบมากมายและการตกแต่งที่เหนือใครทั้งหมด
ผมคิดว่าฮอนด้าเองก็มองตัวเองในฐานะผู้นำตลาดที่มีบรรดาแฟน ๆ คอยติดตามอยู่แล้ว อุปกรณ์บางอย่างก็ยังไม่ต้องรีบร้อนให้มา แต่เก็บเอาไว้ใช้เพิ่มเติมตอนทำไมเนอร์เชนจ์อีก 2-3 ปีข้างหน้าก็ยังทัน เรื่องนี้ก็ต้องปล่อยให้ผู้บริโภคตัดสินใจกันอีกทีล่ะว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะเลือกแบรนด์ใหญ่ที่ไว้วางใจได้ หรือจะไปแบรนด์เล็กกว่าที่ให้ของมาเต็มที่
2020 Honda City (2020 ฮอนด้า ซิตี้) ใหม่นั้น พัฒนามาให้ตอบสนองได้ดีกว่าที่หลาย ๆ คนคาดหวังจากรถยนต์บ้านสักคัน รองรับความเร่งเร้าของอะดรีนาลีนในการกดคันเร่ง สามารถนำออกไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และอย่างที่บอกครับ จะเอาไปขึ้นเขาก็ทำได้ไม่ยาก แต่กดคันเร่งแรง ๆ หน่อย รถคันนี้ก็พาไปได้ทั่วไทยที่มีทางถนนให้วิ่งเล่นนั่นแหละ