เพราะเจ้า 2019 Mercedes-Benz S560e AMG Premium (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส560อี เอเอ็มจี พรีเมียม) รุ่นประกอบในประเทศ เจ้าของค่าตัว 6.999 ล้านบาทคันนี้ ก็ยังถือเป็นหนึ่งในซาลูนระดับหรูหรา ที่มาพร้อมเครื่องยนต์อันยอดเยี่ยม ระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่อันโดดเด่น ความปลอดภัยรอบด้าน และของเล่นที่เหนือชั้นแบบไม่อายใคร
ถ้าคุณไม่ได้ติดในเรื่องของราคาค่าตัว และต้องการรถยนต์ขนาดใหญ่ ที่ขับขี่ได้เหนือกว่าที่คุณคาด ด้วยอัตราเร่ง 5 วินาทีถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือจะตัดเข้าโหมดไฟฟ้าวิ่งไปแบบไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม แถมห้องโดยสารตอนหลังมีไว้ให้นั่งเต๊ะจุ๊ยได้อย่างสบาย นี่ก็อาจจะเป็นรถยนต์คันหนึ่งที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณก็ได้เหมือนกันนะ
ราคาจำหน่าย 2019 Mercedes-Benz S-Class |
S350d Exclusive |
6.39 ล้านบาท |
S560e AMG Premium |
6.999 ล้านบาท |
ระบบไฮบริดสำหรับการใช้งานในรถยนต์ขนาดใหญ่
ถ้าถามว่าผมประทับใจอะไรที่สุดในการทดสอลรถยนต์คันใหญ่นี้ตลอดเวลา 4-5 วัน ก็คงเลือกยากเหมือนกันระหว่างความสบายภายในห้องโดยสาร หรือระบบต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาให้อย่างเต็มที่ โดยมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการใช้งานได้จริงของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร สมกับราคาค่าตัวที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายไปเกือบ 7 ล้านบาท
แต่สิ่งที่ผมชอบแบบจริงจังมาก ๆ ก็คือเจ้าระบบไฮบริดของรถคันนี้ ซึ่งปกติแล้วเราจะคุ้นชินกับระบบไฮบริดแบบสนับสนุนการขับขี่ ที่แม้ในช่วงหลัง ๆ ผู้ประกอบการหลายรายจะเน้นการใช้งานระบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเพิ่มความจุของแบตเตอรี่และขีดความสามารถในการใช้งานในโหมดไฟฟ้า 100% แล้วก็ตาม
แต่ในเมื่อคุณขับเอส560อี ที่เพียบพร้อม ระบบไฮบริดที่พวกเขานำมาใช้ก็ถือว่าสุดยอดเช่นเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ที่โหมดไฟฟ้า 100% ที่ทำความเร็วได้เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วระบบยังไม่ตัด มาพร้อมระบบขับไปชาร์จไฟไปได้ ในกรณีที่ต้องการเก็บพลังงานแบตเตอรี่เอาไว้ใช้งานแบบเงียบ ๆ ตอนเข้าบ้าน
การตอบสนองของเครื่องยนต์ในโหมดไฮบริดและโหมดสปอร์ตนั้น ทั้งเครื่องยนต์หลักและมอเตอร์ไฟฟ้าดูมีกำลังกระฉับกระเฉงอย่างต่อเนื่อง ไม่มีอาการอืดอาดหรือช้าให้ต้องรอคอยเวลากดคันเร่งเพื่อรีดกำลังออกมา เป็นเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่มีความกระตือรือล้นในการตอบสนองความต้องการของการขับขี่อย่างเต็มรูปแบบ
ลองคิดง่าย ๆ ว่าถ้าคุณต้องการเดินทางประมาณ 20 กิโลเมตรต่อรอบ และมีที่เสียบปลั๊กไฟรออยู่ที่สถานีปลายทางทั้ง 2 แห่ง คุณก็อาจจะใช้รถคันนี้ได้แบบไม่ต้องง้อน้ำมันและเครื่องยนต์เลย แต่หากคุณจะเรียกกำลังของรถออกมาเมื่อใด แค่กดคันเร่งลงไป ที่เหลือก็ปล่อยให้คอมพิวเตอร์เขาคิดเองว่าอยากจะใส่โหมดไหน แล้วก็ลุยกันไปเลย
การออกแบบภายนอกที่เน้นความโฉบเฉี่ยวบนตัวถังมหึมา
โจทย์ที่สำคัญมากสำหรับการออกแบบรถยนต์ที่ขนาดตัวถังใหญ่ขนาดนี้ ก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้ไม่รู้สึกแก่และเทอะทะอืดอาด เพราะรถยนต์กลุ่มนี้นั้นมีขนาดที่ใหญ่โตอยู่แล้ว และเอส-คลาสก็เป็นโจทย์ที่ยาก ด้วยตัวถังกว้าง 1,899 มิลลิเมตร ยาว 5,259 มิลลิเมตร พร้อมสูง 1,494 มิลลิเมตร เรียกว่าใหญ่ชะมัดญาติเลยล่ะ
เมื่อเป็นรุ่นท็อปก็ต้องมาพร้อมชุดแต่งแบบเอเอ็มจีรอบคัน อันประกอบไปด้วย ล้ออัลลอยของเอเอ็มจี ลาย 10 ซี่ ขนาด 20 นิ้ว ที่มาพร้อมยางคู่หน้า ขนาด 245/40 R20 และยางคู่หลังขนาด 275/35 R20 กันชนหน้า กันชนหลังและสเกิร์ตข้าง ดีไซน์สปอร์ตของเอเอ็มจี มาพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรก
จุดที่แตกต่างจากรุ่นดีเซลก็คือช่องเสียบปลั๊กชาร์จไฟที่ติดตั้งในตำแหน่งมุมขวาของกันชนหลัง เรียกว่ามองปุ๊ปก็รู้ทันทีว่านี่คือเวอร์ชั่นไฮบริด ด้านหน้าโดดเด่นด้วยชุดไฟหน้ามัลติบีม แอลอีดี ที่มาพร้อมระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้งและระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
ตัวรถมาพร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน ด้านหลังเด่นขึ้นด้วยไฟท้ายแบบแอลอีดีที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติค ติดตั้งแผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่องเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน โดดเด่นด้วยหลังคาพาโนรามิก ซันรูป เมจิก สกาย คอนโทรลแบบ 2 ตอน เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าดูหรูหราโอ่อ่า
เอส-คลาสมาพร้อมระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบฉีดน้ำล้างกระจกบังลมหน้า ที่ติดตั้งระบบฉีดน้ำที่ก้านปัดน้ำฝนเพื่อความสะอาดที่เหนือกว่า กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมปรับมุมมองอัตโนมัติ เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง และปรับลดแสงอัตโนมัติที่ฝั่งคนขับ พร้อมกระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
กุญแจรีโมทที่หน้าตาธรรมดาไม่ได้แตกต่างจากรถรุ่นอื่น ๆ ควบคุมด้วยคลื่นวิทยุ สั่งการระบบต่าง ๆ ในรถ อำนวยความสะดวกมากขึ้นด้วยระบบ เปิด-ปิดฝาท้ายด้วยไฟฟ้าและเปิดปิดแบบแฮนด์ฟรี ระบบช่วยปิดประตู ด้วยระบบไฟฟ้า หรือประตูดูดที่พวกเราคุ้นเคยกันดี และระบบช่วยปิดฝาท้ายด้วยระบบไฟฟ้า
สิ่งเดียวที่ขัดใจผมไปสักหน่อยก็คือช่องเก็บสัมภาระด้านท้ายที่โดนพื้นที่การเก็บแบตเตอรี่เบียดห้องเก็บสัมภาระเข้ามาอย่างมาก ถ้าหากเปิดดูก็จะเห็นเลยว่ามีการกันพื้นที่เอาไว้พอสมควร ทำให้เก็บของได้น้อยลงไปมาก แต่เมื่อเทียบกับความสะดวกสบายในห้องโดยสารและระยะวิ่งที่เพิ่มขึ้นมา ก็ถือว่าโอเคอยู่
2019 Mercedes-Benz S560e AMG Premium ห้องโดยสารภายในโออ่า เงียบสนิทและเต็มไปด้วยอุปกรณ์
การก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ก็เปรียบเสมือนการวิ่งเข้าไปอยู่ในโลกที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าคุณจะก้าวขึ้นรถบนย่านที่ถนนจอแจขนาดไหน แต่รับยรองได้ว่าห้องโดยสารที่เงียบงันและผ่อนคลาย ก็พร้อมที่จะดูแลคุณให้หายเหนื่อยได้โดยง่ายดายเช่นกัน
ความแตกต่างระหว่างห้องโดยสารของรุ่นท็อปก็คืองานออกแบบที่มีความละเอียดที่เหนือกว่า การเลือกใช้วัสดุที่ยอดเยี่ยม และระบบที่ติดตั้งเพิ่มขึ้นมาอีกสักเล็กน้อย แต่ดูโดยรวม ๆ แล้ว หลายคนอาจจะบอกว่าเก็บเงินไว้แล้วซื้อรุ่นล่างก็ได้ แต่ถ้าได้ลองตัวท็อปแล้วก็อาจจะต้องเปลี่ยนใจกันอีกครั้ง
สัมผัสที่ดีงามของหนังนัปปารอบตัวคือจุดที่แตกต่างและโดดเด่น ในเอส560อี จะมาพร้อมเบาะนั่งที่หุ้มด้วยหนังเอ็กซ์คลูซีฟ นัปป้า ตัดเย็บบแบบไดมอนต์คัท แดชบอร์ดหน้า แผงประตู ที่วางแขนตรงกลางทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หุ้มด้วยหนังนัปปาอย่างเนี๊ยบ แม้แต่พวงมาลัยแบบ 3 ก้านท้ายตัดก็ยังหุ้มหนังนัปปาเลย
ความหรูหราอยู่ที่เบาะนั่งคู่หน้าและคู่หลัง ที่ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และติดตั้งระบบอุ่นและระบายอากาศของเบาะโดยสาร เบาะนั่งคู่หลังมาพร้อมระบบนวด 6 รูปแบบ พร้อมด้วยที่รองขาแบบปรับระดับและที่วางเท้า สำหรับผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้าย ซึ่งสามารถปรับเอนพิงหลังได้อย่างเต็มที่
หากต้องการปรับเบาะเพื่อการพักผ่อนระดับสูงสุด เพียงกดปุ่มเดียว เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า จะปรับเลื่อนหน้าไป 40 มิลลิเมตร พร้อมเลื่อนขึ้นด้านบน 37 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่สูงสุด ผู้โดยสารตอนหลังมีจอและหูฟังบลูทูธส่วนตัว โดยมาพร้อมที่ชาร์จไฟและเครื่องเล่นบลูเรย์ดิสก์ เพื่อความบันเทิงสมบูรณ์แบบ
ในรุ่นท็อปยังได้ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต รวมไปถึงระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า มาเสริมระบบต่าง ๆ ที่ดีพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแป้นควบคุมกลางรถที่ดูแลเรื่องการเลือกโหมดการขับขี่ เครื่องเสียงและระบบอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งสามารถควบบคุมผ่านปุ่นบนพวงมาลัยก็ได้เช่นกัน
พวงมาลัยนิรภัยพร้อมพาวเวอร์ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวา ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแบบ 4 โซน พร้อมฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร ติดตั้งระบบแผนที่นำทาง ระบบชาร์จมือถือไร้สาย พร้อมไฟเปลี่ยนบรรยากาศในห้องโดยสารเลือกได้ 64 สี
สมรรถนะที่เพิ่มมาพร้อมการประหยัดน้ำมัน
แนวคิดในการพัฒนารถยนต์ขนาดใหญ่ของค่ายตราดาวนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของตลาดเช่นกัน จากเดิมที่เน้นความหรูหราสะดวกสบาย แต่เมื่อกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่เริ่มหันมาขับรถเองมากขึ้น และเรียกหาสมรรถนะของรถที่โดดเด่นและแตกต่าง พวกเขาก็ต้องเลือกสรรเครื่องยนต์ที่เหมาะสมมาทำตลาด
การใช้เครื่องยนต์ไฮบริดในเอส-คลาสอาจจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่นี่คือเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ แบตเตอรี่แบบใหม่ ระบบส่งกำลังแบบใหม่ ที่ออกแบบมาสำหรับการขับเคลื่อนรถขนาดใหญ่ระดับนี้ให้เคลื่อนที่ไปบนถนนได้อย่างว่องไวแบบที่คุณคาดไม่ถึงกับรถไซส์นี้
การจับคู่ของเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง และมอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง เป็นการผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน วี6 เจ้าของปริมาตรกระบอกสูบ 2,996 ซีซี. พร้อมเทอร์โบคู่ ที่ให้สมรรถนะสูงสุด 367 แรงม้าที่ 5,500 – 6,100 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 4,000 รอบต่อนาที
เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ให้กำลังเพิ่มจากเครื่องยนต์รุ่นเดิม 34 แรงม้าและ 20 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวใหม่ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิด 440 นิวตันเมตร มีพละกำลังเพิ่มขึ้น 6 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิด 100 นิวตันเมตร เมื่อรวมกันแล้ว จะให้กำลังสูงสุดทั้งระบบ 489 แรงม้า แรงขึ้น 47 แรงม้า
การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่เข้ามาแทนที่ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 7 สปีดรุ่นเก่า พร้อมทั้งมีการขยับขยายความจุของแบตเตอรี่ที่เพิ่มจาก 8.7 กิโลวัตต์ชั่วโมงเป็น 13.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่งผลดีต่อการเก็บพลังงานไฟฟ้าสำหรับไฮบริดหรือการขับเคลื่อนแบบอีวี ที่ยืดระยะทางออกไปได้มากกว่า
เมื่อติดตั้งในรถคันนี้ ก็ทำให้รถขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากนี้มีความคล่องตัวมากกว่าปกติแน่นอน เบนซ์นั้นเคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของรถคันนี้ที่ 5 วินาท พร้อมความเร็วสูงสุดแบบล็อกที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ที่ไม่ได้เคลมคือความลื่นไหลในการส่งกำลังของรถคันนี้นั้นสุดแสนจะยอดเยี่ยม
แต่หากปรับโหมดการขับขี่มาเป็นโหมดไฟฟ้าที่สามารถรองรับความเร็วได้มากกว่า 120 กิโลเมตรในโหมดไฟฟ้าล้วน ๆ หากคุณต้องการเดินทางในระยะทาง 20-25 กิโลเมตร และมีที่เสียบชาร์จไฟทั้งขาไปและขากลับ คุณก็อาจจะใช้งานรถคันนี้โดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเลยสักหยดก็ได้เหมือนกันนะ เยี่ยมไปเลยไหมล่ะ
รายละเอียดทางเทคนิค |
เครื่องยนต์ |
เบนซิน วี6 เทอร์โบคู่ |
ความจุ |
2,996 ซีซี. |
กำลังสูงสุด |
367 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด |
500 นิวตันเมตร |
กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า |
122 แรงม้า |
แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้า |
440 นิวตันเมตร |
กำลังสูงสุดรวม |
489 แรงม้า |
ความจุแบตเตอรี่ |
13.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง |
0-100 กม./ชม. |
5 วินาที |
ความเร็วสูงสุด |
250 กม./ชม. |
ความปลอดภัยและความสะดวกอย่างเหนือชั้น
ไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องยนต์ที่มีการเลือกใช้สิ่งที่ดีงามที่สุดของยุคสมัยาประกอบร่างกัน ทีมงานตราดาวยังเลือกสรรระบบและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และการช่วยเหลือด้านการขับขี่มากมายมารวมกันเอาไว้ในรถคันนี้อย่างครบถ้วน เรียกว่าใช้กันไม่หมดไม่หวาดไม่ไหวหากไม่ได้เป็นเข้าของกันจริงจัง
ความสบายพื้นฐานของรถในภาพรวมนั้นมาจากระบบกันสะเทือนแบบถุงลมแอร์เมติก พร้อมระบบควบคุมระดับอัตโนมัติ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวผู้โดยสารตอนหลังบ่น ไม่ว่าจะเป็นถนนเป็นหลุมเป็นบ่อหรือคอสะพานเล็ก ๆ ในพื้นที่กทม. เรียกว่ารถคันนี้เอาอยู่แบบไม่มีปัญหา
เอส-คลาสรุ่นนี้มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ ที่ประกอบไปด้วย ระบบเตือนเมื่อผู้ขับไม่มีการตอบสนองต่อการขับขี่ ระบบช่วยหลบหลีกการชนจากด้านหน้า ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในุมอับ ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร และระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ก็มาพร้อมระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ และระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ขับขี่ได้อย่างมั่นใจด้วยโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ระบบช่วยการทรงตัวขณะเร่งแซงในทางโค้ง ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีที่ทำงานประสานกัน
ระบบความปลอดภัยพื้นฐานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ระบบช่วยเบรก ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบจำกัดความเร็ว พร้อมด้วยระบบเตือนแรงดันลมยาง ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ และระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมด้วยเซนเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด ทำให้ไม่ใช่ปัญหาในการนำพี่เบิ้มคันนี้จอดตามที่ต่าง ๆ มาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง และม่านถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง พร้อมด้วยถุงลมนิรภัยเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารตอนหลังติดตั้งมาเรียบร้อย
ระบบการทำงานทั้งหมดทาวด้านความปลอดภัยนั้นทำงานแบบอัตโนมัติเกือบทั้งหมด หลาย ๆ ระบบปิดได้หากรำคาญ แต่เมื่อระบบทั้งหมดทำงานแล้ว ก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าการขับขี่รถคันนี้ของคุณจะเต็มไปด้วยความปลอดภัย ที่พร้อมดูแลผู้โดยสารในรถคันนี้ทุกตำแหน่งได้ได้ตลอดเส้นทางอย่างแน่นอน
2019 Mercedes-Benz S560e AMG Premium ซื้อเลยได้ไหมหรือรอรุ่นต่อไปดีกว่ากัน
มีช่วงหนึ่งที่ผมทำการทดสอบรถคันนี้อยู่ ผมได้มีโอกาสไปคุยกับบรรดาเพื่อน ๆ ระดับเจ้าสัวที่เป็นกลุ่มลูกค้าของรถคันนี้ หลาย ๆ คนทำท่าสนใจรถคันนี้ แต่ก็มีคำถามมาเหมือนกันว่า จะซื้อรถคันนี้ไปเลยดี หรือว่าจะเก็บเงินไว้รอรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปในตลาดโลกเข้ามาก่อนดี ค่อยตัดสินใจเป็นเจ้าของรถคันใหม่ไปเลย
ผมหัวเราะให้กับทุกข์คนรวยหนึ่งที่ แล้วหันไปบอกว่าก็ถ้าชอบคนนี้ก็ซื้อไปเลยดิ จะไปรอตัวใหม่ทำไม เพราะถ้าคาดการณ์ดู กว่ารถคันนี้จะเปิดตัวในประเทศไทยก็น่าจะเป็นช่วงมอเตอร์โชว์ปีหน้า แล้วกว่าจะเข้ามาผลิต มีอุปกรณ์ครบ ๆ ขนาดนี้ บอกเลยว่าอีกนานเอาเรื่อง ไม่มีความจำเป็นต้องรอขนาดนั้น
แถมเอาจริง ๆ หน้าตาของรุ่นที่ทำตลาดอยู่ก็ไม่ได้ขี้เหร่หรือเป็นรอง หลาย ๆ คนบอกว่าดูหรูหราโอ่อ่ากว่าเสียด้วยซ้ำ แม้จะมีอุปกรณ์เยอะแยะมากมาย แต่ว่าราคาก็น่าจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ไม่เหมือนรุ่นนี้ที่แม้ราคาเปิดจะเกือบ 7 ล้านบาท แต่เวลาไปซื้อจริง ๆ ที่ดีลเลอร์ก็แว่วว่ามีส่วนลดอยู่มากมายเอาเรื่องอยู่นะ
อีกคำถามที่เจอก็คือ เอาแค่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลดีไหม เห็นบอกขับสนุกเหมือนกัน แถมราคาถูุกกว่าตั้ง 6 แสนบาท แต่ก็แลกกับอุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นที่หายไปเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอยที่เล็กกว่า เบาะหนังที่แตกต่างกัน และการตอบสนองของเครื่องยนต์ทีดี แต่ก็ยังถือว่าไม่ดุเดือดจี๊ดจ๊าดเท่าขนาดนี้
ซึ่งเอาจริง ๆ ก็เป็นเงินของท่าน ๆ ล่ะครับ ว่าตอนจบจะตัดสินใจซื้อคันนี้ หรือหนีไปหาคู่แข่งที่มีอยู่แน่ ๆ ก็อีก 2 ราย หรือจะเก็บเงินรอคันใหม่ไปเลย แต่ในส่วนของผมนั้น สรุปว่าถ้าเงินตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ต้องการรถขนาดใหญ่ที่ให้ความคล่องตัวในการใช้งานในเมืองใหญ่ เอส-คลาสนั้นตอบสนองความต้องการได้แน่
หากคุณซื้อเอส560อี นั้น ขอให้มั่นใจว่าคุณจะได้ทดลองขับมันด้วยตัวเองบ้างในบางวัน การปล่อยรถที่ดีขนาดนี้อยู่ในมือของคนขับรถแล้วนั่งอยู่แต่ด้านหลังเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมาก ถ้าความต้องการมีแค่นั้น คุณไปซื้อเครื่องยนต์ดีเซลก็พอ เพราะข้างหลังมันก็ให้ความสะดวกสบายและมีอุปกรณ์ที่ไม่ได้แตกต่างกัน
นอกไปจากสมรรถนะอันโดดเด่นแล้ว รถคันนี้ยังให้ทุกอย่างที่คุณต้องการในการใช้ชีวิตบนถนนในแต่ละวัน ไม่ว่าคุณจะขับมันคนเดียวหรือไปไหนกันเป็นหมู่คณะ มีเด็กหรือผู้ใหญ่เดินทางไปด้วยก็ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่คุณมีเงิน 6.999 ล้านบาทไปสู่ขอ2019 Mercedes-Benz S560e AMG Premium (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส560อี เอเอ็มจี พรีเมียม)มาไว้ที่โรงรถเท่านั้น หรือรอไปซื้อ2021 Mercedes-Benz S-Classปีหน้าก็ได้