BYD (บีวายดี) บริษัทรถยนต์สัญชาติจีนประกาศรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป คาดเผชิญการแข่งขันอย่างดุเดือด

ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากแดนมังกรประกอบธุรกิจผลิตยานพาหนะหลากหลายประเภท ตั้งแต่รถยนต์นั่ง รถบัส รถจักรยานไฟฟ้า รถบรรทุก รถยกโฟล์กลิฟท์ ไปจนถึงแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ แต่สำหรับภารกิจการ “บุกถ้ำเสือ” อย่างตลาดรถญี่ปุ่นพวกเขาจะส่งรถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่นเป็นประเดิม มีทั้งรถเอสยูวี รถยนต์ขนาดเล็ก และรถซีดาน แต่ไม่เปิดเผยว่าจะมีราคาจำหน่ายถูกหรือแพงเพียงใด

“เราต้องการนำเสนอรถยนต์ที่มีราคาเข้าถึงได้ พร้อมกับพิจารณาสถานการณ์ของตลาดอย่างใกล้ชิด” BYD Japan ระบุ

คาดแข่งขันดุเดือด

BYD (ย่อมาจาก Build Your Dream หรือสร้างฝันของคุณ)  เพิ่งเผยโฉมรถอีวีรุ่นใหม่ Atto 3 ในประเทศจีนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นนี้สามารถขับเคลื่อนได้ไกลถึง 485 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง และจะเป็นรถรุ่นแรกที่เปิดตัวทำตลาดแดนอาทิตย์อุทัยในเดือนมกราคม 2023

ขณะที่รถยนต์ขนาดเล็กและรถซีดานได้แก่ Dolphin และ Seal ตามลำดับ ซึ่งจะเปิดตัวตามกันมา ทั้งสองรุ่นสามารถโลดแล่นได้ไกลถึง 500 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง

ปัจจุบัน ตลาดรถยนต์แดนมังกรมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าก็มียอดขายมากที่สุดเช่นกัน การประกาศรุกตลาดญี่ปุ่นที่ถือเป็น “ตลาดปราบเซียนของรถต่างชาติ” บ่งชี้ว่า BYD มีความมั่นใจและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการขยายตัวสู่ต่างประเทศ

หลิว จูเหลียง ผู้จัดการทั่วไปของ BYD Asia-Pacific กล่าวว่า “BYD จะจับมือกับผู้แทนจำหน่ายและหุ้นส่วนในญี่ปุ่นเพื่อเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับผู้บริโภคในแดนอาทิตย์อุทัย โดยมีเป้าหมายสร้างแนวคิด e-travel for everyone หรือการเดินทางด้วยไฟฟ้าสำหรับทุกคนเพื่อไลฟ์สไตล์ที่มีมลพิษต่ำ”

BYD ซึ่งมีผู้ถือหุ้นสำคัญอย่างบริษัท Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์จัดจำหน่ายรถยนต์ในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นนอร์เวย์ นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ บราซิล คอสตาริกา และโคลัมเบีย โดยจำหน่ายทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด

การประกาศรุกตลาดญี่ปุ่นของ BYD เกิดขึ้นหลังจาก Mercedes-Benz Japan เพิ่งยืนยันว่าจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มจาก 2 รุ่นเป็น 5 รุ่น ขณะที่ Audi Japan ก็จะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มจาก 4 รุ่นเป็น 8 รุ่นภายในปีนี้

สมาคมผู้นำเข้ารถยนต์แห่งญี่ปุ่นระบุว่า สัดส่วนการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 5.9% ในปี 2014 ไปเป็น 40.6% ในปี 2021 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจลูกค้าในประเทศหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ช้าเกินไปจนต้องหันไปใช้รถนำเข้ามาแทน

ทั้งนี้ BYD ไม่ได้ถือว่าเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในประเทศญี่ปุ่น พวกเขานำเสนอแบตเตอรี่แบบชาร์จได้ในแดนปลาดิบตั้งแต่ปี 1999 ก่อนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ประเภทแหล่งเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้งยังเพิ่งนำเสนอรถบัสไฟฟ้าใช้งานในเขตคันไซ ภาคตะวันตกของประเทศอีกด้วย