BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) คือแบรนด์รถยนต์หรูจากแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน เอกลักษณ์ของรถยนต์ยี่ห้อนี้ คือกระจังหน้าที่ถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง หรือเรียกกันว่า “ไตคู่”

กระจังหน้าแบบไตคู่ได้พัฒนาเป็นแบบต่าง ๆ ตามยุคสมัย จนมาในยุคสมัยนี้ แฟน ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูหลายคนไม่ปลื้มกระจังหน้าไตคู่แบบใหม่นี้เท่าไหร่ เพราะมันใหญ่เกินไป  

Adrian van Hooydonk รองประธานด้านการออกแบบของ BMW กล่าวใน BMW Blog ว่า อย่างไร BMW ก็จะทำกระจังหน้าแบบนี้ต่อไปในอนาคต เพราะเป็นส่วนหนึ่งของทิศทางการออกแบบที่แสดงถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของแบรนด์

เปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยี

เขากล่าวเสริมว่า มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวเนื่องจากการที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบก็ต้องพัฒนาไปตามกัน

“ในยุคนี้ ภาษาของการออกแบบจะต้องมีเส้นที่น้อยลง เส้นแต่ละเส้นจะต้องคมและมีความหมาย เพื่อแสดงลักษณะเฉพาะตัวด้วยองค์ประกอบที่น้อยลง”

การลดทอนองค์ประกอบในงานออกแบบจะเห็นได้ชัดใน BMW iX ที่มีเส้นน้อยลงจากบีเอ็มดับเบิลยูเจนก่อน แต่โดยรวมก็ยังดูโดดเด่น บีเอ็มดับเบิลยูต้องการให้ผลิตภัณฑ์มีลักษณะเฉพาะตัวที่เด่นชัดจากคู่แข่ง

อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ BMW 2-Series Coupe(G42) ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ โดยใช้แรงบันดาลใจจากตำนานอย่าง BMW 2002 อย่างไฟหน้า-หลังโคมเดี่ยว และสปอยเลอร์หลัง “เรารู้สึกว่ารถคันนี้ต้องมีลักษณะเฉพาะแบบนี้” van Hooydonk ได้กล่าวเช่นนั้น  

ไตคู่ไม่ได้ใหญ่แบบเดียว

การวิวัฒนาการกระจังหน้าไตคู่ให้ใหญ่ขึ้นจะยังคงมีต่อไป และจะขยายไปเป็นรูปร่างแบบต่าง ๆ ตามลักษณะของรถคันนั้น เช่น ใน BMW 4-Series(G22) ที่กระจังหน้าไตคู่ขยายเป็นแนวตั้ง และใน BMW 2-Series(G42) ที่กระจังหน้าขยายเป็นแนวนอน 

วิวัฒนาการของการออกแบบยังคงมีต่อไป ผู้ผลิตรถยนต์ต้องการให้แบรนด์มี “ลักษณะเฉพาะตัว” 
“ในซีรี่ส์ของรถยนต์ไฟฟ้า(ซีรี่ส์ i) ที่ตอนนี้พัฒนาอย่างรวดเร็ว จะใช้เส้นสายที่ดูสะอาด เส้นสายการออกแบบของซีรี่ส์นี้จะส่งผลต่อเส้นสายหลักของแบรนด์อีกด้วย” เขากล่าวเสริม

BMW ต้องก้าวเดินต่อไป

van Hooydonk คิดว่ารถยนต์ของเราต้องการการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ BMW 3-Series, 5-Series และ X5 เป็นเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูทำอย่างนั้นมานานแล้ว

ถึงแม้จะมีบางคนชื่นชอบการออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยูเจนก่อน ๆ มากกว่า แต่ van Hooydonk คิดว่าบีเอ็มดับเบิลยูจะต้องเจอลูกค้ารุ่นใหม่ ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ และต้องเดินหน้าต่อไป 

ในท้ายที่สุดแล้ว บีเอ็มดับเบิลยูไม่ต้องการดีไซน์แบบย้อนยุค ถึงแม้ BMW 2-Series(G42) จะมีแรงบันดาลใจจาก BMW 2002 แต่การออกแบบเช่นนี้คือแบบที่บีเอ็มกับเบิลยูคิดว่าย้อนยุคที่สุดแล้ว

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ทุกวัน

“รถยนต์นั้นเป็นไปตามสมัยนิยม แสดงว่าผู้คนได้จับตาดูเราอยู่ การเดินทาง(Mobility) เป็นสิ่งที่หลายคนสนใจ ไม่เพียงแค่ต้องการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น แต่พวกเขาได้สัมผัสกับมันทุกวัน ในวันนี้ คำแนะนำของผู้คนเหล่านั้นจะมาหาเราได้ง่ายขึ้น” van Hooydonk กล่าว

การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นแสดงถึงการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงของ BMW นั้นแสดงถึงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ถึงแม้เราจะชอบดีไซน์เก่า ๆ ของ BMW และการดีไซน์แบบใหม่จะต้องใช้เวลาสักพักถึงจะเคยชินก็ตาม

อ่านเพิ่มเติม : BMW ยัน ยังไม่หยุดการผลิตเครื่องสันดาปภายในตามคู่แข่ง แต่มีเหตุผล