New Honda Jazz 2017 (ฮอนด้า แจ๊ซ) รถยนต์แฮชท์แบ็ครุ่นท้าย ๆ ในตลาดประเทศไทย ที่ยังใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ขณะที่คู่แข่งหนีไปอยู่ในตลาดอีโคคาร์ทั้งเฟสหนึ่งเฟสสอง กับเครื่องยนต์ไซส์เล็กกว่ากันหมดแล้ว ทำให้ฮอนด้า (Honda) เองต้องทำราคาจำหน่ายคงที่เอาไว้ในระดับเดียวกัน
ไล่ไปตั้งแต่ 5.55 แสนบาทในรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมเกียร์ธรรมดา ไปจนถึงรุ่นท๊อปที่มาพร้อมชุดแต่ง อุปกรณ์รอบคันและระบบต่าง ๆ มากมาย ก็ยังเคาะราคาไว้ที่ 7.54 แสนบาท เอาจริง ๆ เป็นราคาที่ต่ำกว่าอีโคคาร์บางรุ่นด้วยซ้ำนะ
ด้วยอายุอานามของรถที่ค่อนข้างเก่า และกำลังจะมีแผนปรับโฉมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ฮอนด้า แจ๊ซ ก็ยังมียอดจำหน่ายไปได้เรื่อย ๆ และนี่คือ 5 ปัจจัยที่เราคิดว่าฮอนด้าน่าจะทำตลาดรถรุ่นนี้ไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงวันเปลี่ยนโฉมไปใช้เครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบเลยล่ะ
1.น่าจะเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรรุ่นสุดท้าย
ด้วยทิศทางการทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่หนีไปสู่โครงการอีโคคาร์เฟสสองกันหมด ทำให้ต้องดาวน์ไซส์เครื่องยนต์ลงไป เพราะคู่แฝดอย่างฮอนด้า ซิตี้ (All-New 2020 Honda City) ก็หันไปคบหาเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบเป็นที่เรียบร้อย
ถามว่าทำไมต้องอยากให้เก็บเครื่อง 1.5 ลิตร หนึ่งคือความสบายใจในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความง่ายดายในการบำรุงรักษาหรือการใช้งานแบบยาว ๆ แถมเครื่องก็ได้รับการพิสูจน์ตัวเองมานานแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ขณะที่เครื่องเล็กรุ่นใหม่นั้น ยังไม่มีใครรู้จริง ๆ นะ ว่าใช้ไปนาน ๆ จะเป็นอย่างไรบ้าง
2.ห้องโดยสารภายในที่หลากหลาย
ฮอนด้า แจ๊ซนั้น ขึ้นชื่อและเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ใช้งานรถยนต์อย่างหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขนคน ขนสัมภาระ หรือการใช้งานที่ค่อนข้างผิดประเภท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรถมีการจัดวางเบาะที่ค่อนข้างดี ทำให้รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ
เบาะที่นั่งตอนหลังคือไฮไลท์ของรถ ที่นอกจากจะพับได้แบบ 60:40 ทำให้ได้ห้องโดยสารและการเก็บสัมภาระได้มากมาย ตัวเบาะแถวหลังยังสามารถปรับเอนได้อีกด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ถือเป็นต้นแบบให้รถอีกหลายคันทำตามเลยทีเดียว
3.ระบบความปลอดภัยเพียงพอ
แม้จะไม่มีระบบความปลอดภัยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหมือนบรรดาอีโคคาร์เฟสสองทั้งหลาย แต่ฮอนด้า แจ๊ซ ก็เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ให้ความปลอดภัยสูงสุด ด้วยอุปกรณ์ที่มีให้มากมาย อาทิ ถุงลง 6 จุดในรุ่นท็อป หรือแม้แต่ในรุ่นล่างก็มีถุงลมคู่หน้ามาให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน
ระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ที่กลายมาเป็นมาตรฐานของอีโคคาร์ในปัจจุบันทั้งหมดติดตั้งมาเรียบร้อย พร้อมด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดทั้ง 5 ตำแหน่งที่นั่ง ระบบกุญแจนิรภัยพร้อมระบบกันขโมย รวมถึงมีจุดติดตั้งเบาะที่นั่งเด็ก ISOFIX มาให้เรียบร้อยทุกรุ่น
4.ตัวเลือกหลากหลายในท้องตลาด
แน่นอนว่าฮอนด้า แจ๊ซ มีให้เลือกถึง 6 รุ่น ด้วยราคาจำหน่ายที่แตกต่างกันเกือบ 2 แสนบาท และยังเป็นเรนจ์ราคาที่ไม่ได้แตกต่างจากกลุ่มอีโคคาร์เลย เรียกว่าหากต้องหาตัวเปรียบแล้ว แจ๊ซสามารถเลือกรุ่นย่อยของตัวเองลงไปท้าชนกับคู่แข่งเครื่องเล็กได้ตัวต่อตัว
ที่สำคัญกว่าก็คือ แจ๊ซยังมีทางเลือกของเกียร์ธรรมดา ซินโครเมทแบบ 5 สปีด ที่มาพร้อมคลัตช์แบบทอร์คคอนเวิร์ตเตอร์ พร้อมระบบล็อกอัพให้คนที่ชอบการขับขี่เกียร์ธรรมดาเลือกใช้ได้ ขณะที่คู่แข่งในภาพรวมนั้น หนีไปหาเกียร์อัตโนมัติกันหมดแล้ว ตลาดไม่ใหญ่แต่มีอยู่แน่นอน
5.ราคาขายต่อที่ยังไว้ใจได้
การเติบโตของตลาดอีโคคาร์ที่ทำให้รถยนต์เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรหายไปจากตลาดรถยนต์ใหม่นั้น ทำให้ราคารถยนต์กลุ่มนี้ในตลาดมือสองมีความนิ่งขึ้นจากในอดีต เพราะยังมีผู้บริโภคที่ให้ความไว้วางใจเครื่องยนต์ขนาดใหญ่มากกว่าในการเดินทางไกลออกต่างจังหวัด
ประกอบกับภาพลักษณ์ของฮอนด้า แจ๊ซนั้นเป็นรถที่สามารถนำมาต่อยอดได้หลายแบบ จะเอามาขับในวันธรรมดา เอาไปเปิดท้ายขายของในวันหยุด หรือแม้แต่เอาไปแต่งให้ซิ่งสุด ๆ ไปเลยก็ทำได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ หากราคามือสองของฮอนด้า แจ๊ซ จะยังเหนือกว่าอีโคคาร์ในระดับและปีเดียวกัน