All-New 2021 Mazda BT-50 (2021 มาสด้า บีที-50) เตรียมออกทำตลาดในประเทศออสเตรเลียเป็นแห่งแรกในโลกในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่กำหนดการเปิดตัวในประเทศไทยยังไม่มีความชัดเจนแต่คาดว่าจะไม่นานเกินรอ
เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดประกาศลดราคากระหน่ำในรุ่น BT-50 Double Cab 2.2 Hi-Racer สูงสุดถึง 200,000 บาท หวังเคลียร์สต็อกเปิดทางให้แก่เจนเนอเรชั่นใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
ส่วนลดถึง 200,000 บาทอาจยั่วยวนให้คอรถกระบะอดใจไม่ไหว ตัดสินใจกำเงินไปจับจองโฉมปัจจุบัน แต่วันนี้เราขอนำเสนอ 5 คุณสมบัติสำคัญใน All-New Mazda BT-50 ที่ควรค่าแก่การรอคอยจับจองเป็นเจ้าของในอีกไม่ช้า
1. รูปลักษณ์หล่อเหลาปราดเปรียว
ถือเป็นการกลับมาเกิดใหม่แบบทิ้งคราบเดิมอย่างหมดจด All-New 2021 BT-50 พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับ 2019 Isuzu D-Max โดยมาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว KODO Design ของ Mazda เน้นภาพลักษณ์ความพรีเมียมและโฉบเฉี่ยวแบบเดียวกับรถเอสยูวีที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง CX-30 ขณะเดียวกัน ยังผสานความแข็งแกร่งบึกบึนได้อย่างลงตัว
คาดว่า All-New BT-50 ใหม่ตัวท็อปจะติดตั้งไฟหน้า LED พร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติและเปิด-ปิดอัตโนมัติ เดย์ไลท์ LED มีไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว (รุ่นปัจจุบันใช้ขนาด 17 นิ้ว) มีบันไดข้าง มือจับเปิดประตูโครเมียม และแผงกันกระแทกใต้ท้องรถ
2. ห้องโดยสารหรูหราเหนือกว่ารถเอสยูวีบางรุ่น
เปิดประตูเข้ามาชมในห้องโดยสาร แม้จะใช้โครงสร้างแบบเดียวกับ D-Max แต่รายละเอียดการตกแต่งที่เนี๊ยบทุกตารางนิ้วช่วยสร้างบรรยากาศพรีเมียมตามสไตล์ Mazda และแตกต่างจาก BT-50 รุ่นปัจจุบันอย่างชัดเจน
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้านรูปทรงโมเดิร์นน่าสัมผัส ปุ่มสตาร์ทติดตั้งฝั่งซ้าย มีการตกแต่งแบบทูโทนด้วยวัสดุหนัง เมทัลลิก และพลาสติกแข็ง มองเผิน ๆ อาจนึกว่ากำลังนั่งอยู่ในรถเอสยูวีตระกูล CX
3. อุปกรณ์อำนวยความสะดวกล้นคัน
ผู้ขับขี่จะได้ใช้หน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 4.2 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติดูอัลโซน ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ฟังก์ชั่นสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมท บนคอนโซลมีหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto มีระบบเชื่อมต่อ Bluetooth สำหรับการใช้โทรศัพท์แฮนด์ฟรี มีระบบนำทางเนวิเกชั่น ลำโพงสูงสุด 8 ตัว และพอร์ท USB ชาร์จไฟทั้งเบาะหน้าและหลัง
4. คาดการณ์ความปลอดภัยเพียบพร้อม
ไฮไลท์ของ All-New BT-50 ยังรวมถึงระบบความปลอดภัยอิเลคโทรนิคที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ทั้งการเดินทางทางใกล้และทางไกล เริ่มต้นจากระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking ระบบตรวจจับมุมอับสายตา Blind Spot Monitor ระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนเลน Lane Departure Warning ไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam ระบบช่วยควบคุมตัวรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane-keep Assist System ระบบแจ้งเตือนการจราจรตัดขวางด้านหลัง Rear Cross Traffic Alert ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ Roll Over Protection และระบบป้องกันการลื่นไถล Traction Control System
ทั้งนี้ ระบบความปลอดภัยข้างต้นติดตั้งอยู่ใน All-New BT-50 ที่จำหน่ายในประเทศออสเตรเลีย และต้องลุ้นกันว่า Mazda จะติดตั้งระบบใดในสเปกเมืองไทยบ้าง
สำหรับระบบที่คาดว่าจะติดตั้งใน BT-50 เวอร์ชั่นไทยค่อนข้างแน่ได้แก่ระบบเบรก ABS, EBD และ BA ระบบสัญญาณเตือนเมื่อเบรกกะทันหัน Emergency Stop Signal ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Dynamic Stability Control ระบบเตือนความเมื่อยล้า Attention Assist ระบบควบคุมความเร็วเมื่อลงทางลาดชัน Hill Descent Control และระบบป้องกันรถไหลเมื่อขึ้นทางลาดชัน Hill Launch Assist
ขณะที่ถุงลมนิรภัยน่าจะมีอย่างน้อย 6 ตำแหน่ง คือคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย ส่วนสเปกแดนจิงโจ้มีถึง 8 ตำแหน่ง ได้แก่คู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย หัวเข่าผู้ขับขี่ และกลางห้องโดยสาร
5. ขุมพลังประหยัดมากขึ้น
หัวใจขับเคลื่อนเป็นบล็อกเดียวกับที่วางอยู่ใน D-Max เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
พละกำลังอาจลดลงเมื่อเทียบกับ BT-50 รุ่นท็อปปัจจุบันซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 3.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พละกำลัง 200 แรงม้าที่ 3,000 รอบต่อนาที แรงบิด 470 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที แต่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงซดโฮกฮากถึง 9.5 กม.ต่อลิตร ขณะที่เครื่องยนต์ของ Isuzu กินน้ำมันเบา ๆ 14.3 กม.ต่อลิตรเท่านั้น