Great Wall Motor หรือ GWM (เกรท วอลล์ มอเตอร์) เปิดตัว 2023 Tank 500 Hybrid (2023 แทงก์ 500 ไฮบริด) รถเอสยูวีไซส์ใหญ่สำหรับคนรักความหรูหราและสมบุกสมบัน
GWM ให้คำนิยามแก่ Tank ไว้ว่าเป็นแบรนด์เอสยูวีออฟโรดสำหรับคนทันสมัย เดิมที Tank เคยเป็น "ซับแบรนด์" ที่อยู่ภายใต้แบรนด์หลักอย่าง Wey ก่อนถูกยกระดับกลายเป็นแบรนด์รถยนต์อย่างเต็มตัวเมื่อได้เสียงตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากลูกค้าในแดนมังกร
สำหรับ All New GWM TANK 500 Hybrid เคยมาโชว์ตัวครั้งหนึ่งแล้วที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โปปลายปีที่แล้ว ล่าสุดถูกนำมาจัดแสดงแบบพร้อมจำหน่ายจริงทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ Ultra และ Pro
- 2023 Tank 500 Hybrid Ultra ราคายังไม่ประกาศ
- 2023 Tank 500 Hybrid Pro ราคายังไม่ประกาศ
การออกแบบระดับพรีเมียม
ไฮไลท์ของ Tank 500 คือมิติตัวถังมีขนาดยาว 5,078 มม. กว้าง 1,934 มม. และสูง 1,905 มม. ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,850 มม. ซึ่งถือว่าใหญ่พอสมควร และแทบไม่มีคู่แข่งในระดับเดียวกัน
ดีไซน์ด้านหน้า ออกแบบภายใต้ปรัชญาของความหรูหราที่แข็งแกร่ง ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ไฟหน้า Intelligent LED มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED
ขณะที่ด้านหลัง ออกแบบภายใต้แนวคิดออฟโรด ด้วยประตูท้ายแบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์โดดเด่นในแนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอกแบบ LED
หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมราวหลังคาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน เสาอากาศแบบ shark fin และสปอยเลอร์ท้าย บันไดข้างระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20 ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม และระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระมัลติลิงค์
สำหรับภายใน ออกแบบคอนโซลหน้าสีทูโทน เบาะหนัง NAPPA ลำโพง Infinity และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย Ambient Light วัสดุสีดำ เงิน เปียโนแบล็ก และโครเมียม
หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto, MP3, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่าง ๆ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า ชุดเกียร์ไฟฟ้าแบบ Electronic Shifter
ระบบความบันเทิงพร้อมลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) เพิ่มความสะดวกสบายและคล่องตัวในการขับขี่ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่
ไฟตกแต่งห้องโดยสาร พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ ตัดกับความคลาสสิกของนาฬิกา เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศและเบาะหนัง NAPPA เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศ อีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังส่วนเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย
หัวใจขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 616 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ DHT ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด รองรับการขับขี่ที่หลากหลายพร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ
TANK 500 Hybrid SUV มีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด อย่างระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) เพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม
นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้ และเทคโนโลยีออฟโรดอื่น ๆ