2022 Haval Jolion (ฮาวาล โจลีออน) คือหนึ่งในสินค้าที่ AutoFun Thailand เชื่อว่าน่าจะมีโอกาสเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยต่อเนื่องจาก 2021 Haval H6 HEV (ฮาวาล เอช6 เอชอีวี) ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ด้วยราคาสุดเร้าใจถล่มตลาดซี-เอสยูวีไปแล้ว
แน่นอนว่าการเปิดตัวรถรุ่นนี้จะไม่เกิดขึ้นในปี 2564 เพราะถ้าดูจากไลน์อัพสินค้าที่ GWM วางเอาไว้ ก็ไม่น่าจะทันแน่นอน แต่อย่าลืมว่า ตลาดบี-ครอสโอเวอร์นั้นเปฺ็นตลาดที่ยังเติบโต และเป็นกลุ่มลูกค้าที่พร้อมเปิดใจให้กับแบรนด์ใหม่ ๆ ได้ไม่ยากเย็น
เพราะมีตัวอย่างให้เห็นกับ MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) ทำตลาดได้เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เอชอาร์) Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์-วี) หรือ Mazda CX-30 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30) ก็ตามที
แต่แน่นอนว่า การเป็นแบรนด์รถยนต์น้องใหม่ ที่จะประสบความสำเร็จกับลูกค้ากลุ่มนี้ ต้องมาพร้อมด้วยตัวรถที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม และราคาจำหน่ายที่ไม่สูงจนเกินไป เพื่อให้ผู้บริโภคพร้อมที่จะเปิดใจทดลองเป็นเจ้าของกับเขาสักคันให้ได้ก่อน
เมื่อคำนวนราคาจำหน่ายจากในประเทศจีน รวมถึงความเป็นไปได้ของตลาดแล้ว AutoFun Thailand เชื่อว่าหาก Haval Jolion เข้ามาทำตลาด พวกเขาน่าจะสร้างเซอร์ไพร์สด้านราคาจำหน่ายอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรถรุ่นเริ่มต้นต่ำกว่า 7 แสนบาทแน่นอน
ทำไมเราถึงมั่นใจว่าพวกเขาจะกระโจนลงสงครามราคา
ไม่ใช่เพราะว่าราคาของแซดเอสรุ่นเริ่มต้นเริ่มจากเลข 6 กว่า ๆ แต่เพียงอย่างเดียว แต่หากมองไปที่การตั้งราคาจำหน่ายของฮาวาลเองที่เปิดตัวรุ่นไฮบริดของพวกเขาที่ 1.149 ล้านบาทเท่านั้นในประเทศไทย ทำให้พอจะมองภาพของการทำราคารถได้มากขึ้น
เพราะฮาวาล เอช6 นั้น น่าจะมีรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ เพื่อที่จะทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มเติมในอนาคต และรถยนต์รุ่นนี้น่าจะมีราคาจำหน่ายที่ระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาทแน่นอน และดีไม่ดีอาจจะเห็นตัวเลขเริ่มต้นกันที่ 8 แสนกว่าด้วยซ้ำ
ราคาจำหน่ายของโจลีออนในประเทศจีน เมื่อเทียบกับเอช6 นั้น มีราคาจำหน่ายที่ถูกกว่ากันอยู่ประมาณ 30% หากดูจากสัดส่วนนี้ ก็น่าจะคาดได้ว่า ราคาจำหน่ายของรถครอสโอเวอร์ไซส์เล็กคันนี้ในประเทศไทย น่าจะตื่นตาตื่นใจพอสมควรเลยทีเดียว
ตัวรถจริง ๆ น่าใช้หรือไม่ ก็จัดว่าไม่เลวนะ
ฮาวาล โจลีออน มาพร้อมการออกแบบที่ดึงดูดสายตา ด้วยกระจังหน้าลายโซ่ถักที่หลายคนบ่นว่าไม่ชอบ มาพร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบแอลอีดี พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว บนตัวถังที่กว้าง ยาว และมีฐานล้อยาวสุด และลดความสูงให้ดูสปอร์ตขึ้น
สื่อที่ทำการทดสอบรถคันนี้มาแล้ว บอกว่าขนาดของตัวถังที่ใหญ่กว่า ส่งผลดีในเรื่องของขนาดห้องโดยสารที่ให้ความสะดวกสบายไม่แพ้ใคร รวมถึงมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่สามารถขยายใหญ่ได้ถึง 1,193 ลิตร เมื่อพับเบาะด้านหลังลงหมด
ในห้องโดยสารมาพร้อมหน้าจอทัชสกรีนอินโฟเทนเมนท์ 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมเฮดอัพดิสเพลย์ และฟังก์ชั่นชาร์จมือถือไร้สาย มาตรวัดดิจิทัลหน้าจอ 7.0 นิ้ว ลำโพง 6 ตำแหน่ง และกล้อง 360 องศา
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 147 แรงม้าที่ 5,600–6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตรที่ 2,000–4,400 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัตช์แบบ 7 สปีด ส่งกำลังลงระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
มาพร้อมความปลอดภัยเต็มพิกัดถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง เพิ่มถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสาร ระบบควบคุมเสถียรภาพและป้องกันการลื่นไถลเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติแบบตรวจจับผู้ใช้ทางเท้าและจักรยาน ติดตั้งมาครบ
นอกจากนี้ มีระบบแจ้งเตือนการจราจรตัดขวางด้านหลังพร้อมช่วยเบรก ระบบตรวจจับมุมอับสายตา ระบบควบคุมรถให้เอยู่ในเลน ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน และระบบตรวจจับความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่
แน่นอนว่าตัวรถและระบบต่าง ๆ ที่ให้มาถือว่าไม่เลวร้าย แต่ต้องมาติดตามว่าเมื่อมาถึงเมืองไทยจะมีอุปกรณ์ทั้งหมดมาให้หรือไม่ และเมื่อเปรียบเทียบกับค่าตัว ที่แม้เราจะคาดการณ์ว่าถูกกว่าเจ้าตลาด แต่ลูกค้าก็ต้องเป็นคนตัดสินใจตอนจบอยู่ดีล่ะ...