2022 Honda BR-V (2022 ฮอนด้า บีอาร์-วี) เผยโฉมออกสู่ตลาดอินโดนีเซียเรียบร้อยแล้วด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่แตกต่างจากรถต้นแบบ N7X มากนัก
All-New BR-V เจนเนอเรชั่นใหม่มีกำหนดออกจำหน่ายในแดนอิเหนาในช่วงต้นปี 2022 ส่วนเมืองไทย ถึงแม้จะไม่มีการยืนยันจากทาง Honda แต่คาดว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด เราจะได้สัมผัสตัวจริงเสียงจริงกันภายในปีหน้าฟ้าใหม่
นั่นหมายความว่า เจ้าตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กในปัจจุบันอย่าง Mitsubishi Xpander Cross (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส) จะต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับรถที่ขายดีพอตัวอย่าง Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ BR-V ใหม่เพียบพร้อมคุณสมบัติที่พร้อมช่วงชิงตำแหน่งเจ้าตลาดได้อย่างไม่ยากเย็น
รูปลักษณ์ภายนอกและการออกแบบภายใน
มาชมกันที่รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อน ถึงแม้จะเป็นเรื่องต่างจิตต่างใจตามแต่รสนิยมของแต่ละคน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า BR-V ใหม่มีความบึกบึนและทันสมัยมากขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเปิดตัวออกมา รถครอสโอเวอร์รุ่นนี้ยังได้เปรียบเรื่องความสดใหม่และแปลกตาอีกด้วย จึงน่าจะถูกใจลูกค้าหลายกลุ่ม
ยังไม่มีการเปิดเผยมิติตัวถังของ BR-V ใหม่ แต่ Honda ระบุว่าความสูงใต้ท้องรถยังเท่าเดิมที่ 220 มม. ซึ่งยังเตี้ยกว่า Xpander ที่สูง 225 มม. แต่สูงกว่า XL7 ที่มีระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 200 มม.
ไฟหน้าของ BR-V เป็นแบบ LED พร้อมเดย์ไลท์ LED บั้นท้ายออกแบบด้วยสไตล์ Rear Combi Lamp พร้อมแถบไฟ LED Light Bars ที่ผสานลงตัวกับเส้นสายตัวถัง ส่วนล้ออัลลอยดูสวยงามและดุดันไปในตัวมีขนาด 17 นิ้ว
ภายนอกของ Xpander Cross ใช้ไฟหน้า ไฟหรี่ ไฟท้าย ไฟตัดหมอก LED ทั้งหมด มีราวหลังคา สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที 3 เสาอากาศแบบครีบฉลาม สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม มือจับเปิดประตูโครเมียม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ขณะที่ XL7 มาพร้อมไฟหน้า เดย์ไลท์ ไฟท้าย LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า ราวหลังคา ซุ้มล้อสีดำ มือจับเปิดประตูด้านนอกโครเมียม และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารของ BR-V จัดวางเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่งตามสูตรสำเร็จของรถเซกเมนท์นี้ ติดตั้งตำแหน่งการชาร์จไฟให้กับผู้โดยสารในทุกแถวที่นั่ง การออกแบบแดชบอร์ดมีความเรียบง่ายแต่แฝงความหวือหวาน่าใช้งาน
ผู้ขับขี่จะได้ใช้จอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว ส่วนบนคอนโซลหน้ามีจออินโฟเทนเมนท์ทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและการใช้งานแบบแฮนด์ฟรี Honda เคลมว่าพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้น โดยเบาะแถวที่ 3 รองรับการพับแยกส่วน 50/50
ด้าน Xpander Cross และ XL7 คุ้นหูคุ้นตาคอรถยนต์ชาวไทยดีอยู่แล้ว ทั้งคู่ตกแต่งด้วยโทนสีเข้มเหมือนกัน จัดวางเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งเช่นกัน
ขุมพลังขับเคลื่อนเท่ากัน
BR-V ใหม่วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC พละกำลังสูงสุด 121 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT รุ่นใหม่เอี่ยม ขับเคลื่อนล้อหน้า
Xpander Cross มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า
XL7 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร รีดกำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และมอบแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบความปลอดภัย Honda เหนือชั้น
Honda ติดอาวุธหนักให้ BR-V ด้วยการเสริมระบบความปลอดภัย Honda SENSING ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนน พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ และระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ
นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ยังไม่นับรวมถุงลมนิรภัยอีก 6 ลูก
ฮอนด้ายังให้อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับการใช้งานมาอย่างครบครัน ตั้งแต่ระบบ Honda LaneWatch ไปจนถึงระบบสตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกล และระบบเปิดประตูโดยไม่ต้องรีโมท
ขณะที่ Xpander Cross และ XL7 มีเฉพาะระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก และระบบเสริมแรงเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบช่วยออกตัวเมื่ออยู่บนทางลาดชัน กล้องมองภาพช่วยจอด ซึ่งดูแล้วต้องมีการอัพเกรดเพิ่มเติมพอสมควรถึงจะสู้กับผลิตภัณฑ์ Honda ได้
ราคาจำหน่าย
Mitsubishi Xpander Cross ราคา 919,000 บาท
Suzuki XL7 ราคา 779,000 บาท
Honda BR-V ราคาจำหน่ายในไทยยังไม่เปิดเผย