2021 MG 5 (2021 เอ็มจี 5) กลายเป็นกระแสฮือฮาเมื่อกำลังจะเปิดตัวทำตลาดเมืองไทย ถือเป็นการกลับมาท้าชนคู่แข่งระดับผู้นำอย่าง 2022 Honda Civic (2022 ฮอนด้า ซีวิค) เจนเนอเรชั่นใหม่
บริษัท เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทยจะประกาศราคาจำหน่ายของ MG 5 ใหม่ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ โดยมีกระแสข่าวว่าอาจย่อมเยาสุด ๆ และเอื้อมถึงได้ง่ายกว่าคู่แข่ง คาดเริ่มต้นที่ 6 แสนบาทปลาย ๆ ไปจนถึงรุ่นท็อปเคาะที่ 8 แสนกว่าบาท
ค่าตัวดังกล่าวถือว่าน่าดึงดูดใจมากทีเดียวและอาจทำให้บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทยต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะนำเสนอ Civic ใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เราไปชมกันว่าเมื่อเทียบดีไซน์และสเปกกันแล้ว รุ่นไหนน่าสนใจกว่ากัน
รูปลักษณ์ภายนอก
มิติตัวถัง |
|
2021 MG 5 |
2022 Honda Civic |
ความยาว (มม.) |
4,675 |
4,673 |
ความกว้าง (มม.) |
1,842 |
1,800 |
ความสูง (มม.) |
1,480 |
1,414 |
ระยะฐานล้อ (มม.) |
2,680 |
2,735 |
มิติตัวถังถือว่าใกล้เคียงกันมาก MG ทำในสิ่งที่พวกเขาถนัดนั่นคือการนำเสนอรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่เทียบชั้นเซกเมนท์บนแต่กำหนดราคาจำหน่ายที่ลดระดับลงมาในอีกเซกเมนท์ มุ่งดึงดูดลูกค้าที่มองหาความคุ้มค่าเป็นหลักเหมือนที่พวกเขาประสบความสำเร็จกับการทำตลาด MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) และ MG HS (เอ็มจี เอชเอส)
หน้าตาของ MG 5 สเปกเมืองไทยมาพร้อมกระจังหน้า 3 มิติ Digital Burning Grille ไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติแบบ LED Projector มีเดย์ไลท์ LED ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED หลังคาซันรูป พร้อมม่านบังแสง และล้ออัลลอยดีไซน์ใบพัดแบบ 5 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว
ส่วน Civic ที่เป็นสเปกอเมริกามาพร้อมไฟหน้าและไฟท้าย LED พร้อมเดย์ไลท์ หลังคาซันรูฟเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เสาหลังคาหน้าทรงเรียวบางทำให้ตัวรถดูเตี้ยแฝงความสปอร์ตไว้ในความภูมิฐาน และใช้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
เสียงวิจารณ์ที่มีต่อ Civic ใหม่ทั้งรุ่นตัวถังซีดานและแฮทช์แบ็กยังคงมีให้ติดตามอย่างต่อเนื่อง การปรับเปลี่ยนจากความหวือหวาของรุ่นเดิมไปเป็นความสง่างามของรุ่นใหม่อาจทำให้คอรถยนต์ต้องใช้ความคุ้นเคยสักพักหรืออาจต้องเห็นตัวจริงกันก่อนตัดสินใจ
ภายในห้องโดยสาร
การออกแบบห้องโดยสารของ MG 5 มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพอตัว เบาะหนังทรงสปอร์ต พร้อมเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง แผงคอนโซล 3D Diamond Design ลวดลายสปอร์ตพรีเมี่ยม หน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold พร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์ กระจกมองหลังแบบตัดแสง และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอน
นอกจากนี้ยังมี ลำโพง 6 จุด รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android Auto มีระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ท ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ตลอดจนระบบเชือมต่อ i-Smart
ขณะที่ Civic มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนัง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง มาตรวัดฟูลดิจิทัลขนาด 10 นิ้ว หน้าจอกลางทัชสกรีนขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเสียงรอบทิศทาง BOSE Premium Sound System ลำโพง 12 ตำแหน่ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold และระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Qi-Wireless Charger
Civic เจนเนอเรชั่นใหม่ยังมาพร้อมเบาะนั่งปรับอุณหภูมิได้ กระจกมองหลังปรับแสงสะท้อนอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติดูอัลโซน เบาะหลังพับได้ 60:40 และมีที่พักแขนเบาะหลัง รวมถึงระบบเชื่อมต่อ Honda Connect
ขุมพลังขับเคลื่อน |
|
2021 MG 5 |
2022 Honda Civic |
เครื่องยนต์ |
เบนซิน 4 สูบ |
เบนซิน 4 สูบ VTEC Turbo |
ขนาด |
1.5 ลิตร |
1.5 ลิตร |
พละกำลัง |
114 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที |
182 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที |
แรงบิด |
150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที |
240 นิวตันเมตรที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที |
ระบบส่งกำลัง |
เกียร์อัตโนมัติ CVT |
เกียร์อัตโนมัติ CVT |
เมื่อดูสเปกระบบขับเคลื่อนข้างต้นจะเห็นว่า MG สามารถทำราคาขายให้ถูกได้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะใช้เครื่องยนต์ที่ยกมาจาก MG ZS มีอายุนานหลายปีและกำลังน้อยกว่าคู่แข่ง ขณะที่ Civic จัดเต็มด้วยขุมพลัง “เทค-โบ” อันเลื่องชื่อแถมยังถูกอัพเกรดแรงม้าและแรงบิดให้แรงกว่ารุ่นเดิมอีกต่างหาก
ระบบความปลอดภัย
MG 5 มาพร้อมระบบความปลอดภัยรอบด้าน โดยเฉพาะในรุ่นท็อป ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA ระบบระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS
นอกจากนี้ยังมี ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
ด้าน Civic อัดแน่นความปลอดภัยเช่นกัน สเปกอเมริกามาพร้อมถุงลมนิรภัยรอบคัน 10 ตำแหน่ง รวมถึงถุงลมนิรภัยด้านข้าง สำหรับเบาะนั่งด้านหลัง ระบบเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง
ขณะที่ระบบ Honda SENSING มีระบบเตือนการจราจร ระบบช่วยเบรกความเร็วต่ำ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนและป้องกันรถออกนอกเลน ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก CMBS ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า
เมื่อเทียบกับแล้ว Civic ดูจะเหนือกว่าในด้านความล้ำสมัยของระบบความปลอดภัย แต่แน่นอนว่าต้องแลกกับค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของที่แพงกว่าด้วย
สรุป
ข้อมูลของ Honda Civic ที่เรานำเสนอนี้เป็นสเปกอเมริกา เมื่อถึงเวลาทำตลาดเมืองไทยแล้วคาดว่าอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจะถูกลดทอนลงไปบางส่วน แต่ที่มั่นใจได้ก็คือราคาจำหน่ายที่จะอยู่ในย่าน 9 แสนบาทไปจนถึง 1 ล้านต้น ๆ เหมือนเดิมอย่างแน่นอน
เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวของ MG 5 ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าเราควรจะเลือกรถที่มีราคาเอื้อมถึงได้หรือรถที่มีชื่อชั้นแบรนด์แข็งแกร่งกันแน่
โดยส่วนตัวผู้เขียนเชื่อว่าคนที่เล็ง Civic ไว้คงยากที่จะมองรุ่นอื่น แต่คนที่เมียงมอง MG 5 อาจกำลังลังเลว่าจะเพิ่มเงินอีกสักแสนสองแสนเพื่อไปหารถเจ้าตลาดดีหรือไม่