จากข้อมูลสื่อญี่ปุ่นรายงานว่า 2021 All New Mazda 2 เตรียมเปิดตัวปีนี้ โดยจะมาพร้อมการออกแบบใหม่ ปรับเครื่องยนต์ให้มีสมรรถนะดีขึ้น และประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยมีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซล และไม่พลาดที่จะส่งระบบขับเคลื่อนแบบ Mild Hybrid ลงตลาดอีกด้วย
สำหรับรถ 2021 All New Mazda 2 ที่กำลังจะมาถึงนี้จะมีความสามารถเพียงพอที่จะสู้คู่แข่งอย่าง Honda City ได้หรือไม่ก็ต้องคอยดูกันต่อไป แต่ก่อนจะไปวิเคราะห์ 2021 All New Mazda 2 ทาง AutoFun จะพาไปรู้จักที่มาที่ไปของ Mazda 2 ว่ากว่าจะมาเป็นรุ่นปัจจุบันที่เราเห็น ในอดีตเป็นอย่างไร
1996 Mazda Demio
Mazda Demio (มาสด้า ดีมีโอ) เป็นชื่อจริงของรถ Mazda 2 รถยนต์นั่งขนาดเล็กของค่าย Mazda โดยรุ่นแรกนั้นได้ออกแบบให้รถ Minivan กับ Station Wagon แต่ต่อมาก็ได้ปรับเปลี่ยนจากรถขนาดใหญ่ให้กลายเป็นรถขนาดกะทัดรัด
โดยรุ่นแรกของ Mazda 2 หรือ Demio รุ่นแรกนั้นใช้รหัสรถยนต์ DW ซึ่งออกแบบเป็นรถ Hatchback หลังคาสูงมีความยาวตัวรถ 3,800 มิลลิเมตร กว้าง 1,670 มิลลิเมตร ความสูง 1,535 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,390 มิลลิเมตร โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบคือ 1.3 ลิตร กับ 1.5 ลิตร
2002 Mazda 2 (Demio)
Demio รุ่น 2 ใช้รหัสเครื่องยนต์ DY โดยการขายนอกประเทศใช้ชื่อ Mazda 2 และถือว่าเป็นรุ่นแรกที่ใช้ชื่อ Mazda 2 ขนาดของตัวรถมีความกว้าง 1,680 มิลลิเมตร ยาว 3,925 มิลลิเมตร สูง 1,530 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,490 มิลลิเมตร เครื่องยนต์ก็มีให้เลือกตั้งแต่ 1.2 ลิตร ถึง 1.6 ลิตร บางประเทศก็มีเครื่องยนต์ไฮบริดให้เลือกเพิ่มขึ้น แต่รุ่นนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักในไทยมากนัก
2007 Mazda 2 (Demio)
Mazda 2 รุ่นใหม่นี้ ใช้รหัส DE ซึ่งมีการผลิตรถซีดาน 4 ประตู มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด แค่เดือนเดียวรุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยสามารถจำหน่ายได้มากถึง 15,000 คัน ในรุ่นนี้มีขนาดความยาว 3885 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,475 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,490 มิลลิเมตร Mazda 2 รุ่นใหม่นี้ได้รับรางวัล World Car of the Year 2008 ที่เป็นรางวัลระดับโลกและรางวัล Thailand Car of the Year 2010 ประเภทรถ Hatchback ขนาดเครื่องยนต์ต่ำว่า 1.5 ลิตร
ปี 2010 Mazda 2 ยังได้มีการเปิดตัวรุ่นซีดานในประเทศไทย ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ต่อมาในปี 2011 ก็ได้มีการปรับโฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์ Mazda 2 โดยมี 2 รุ่นได้แก่ Mazda 2 Sport ที่เป็นแฮทช์แบ็ก 5 ประตู และ Mazda 2 Elegance ตัวถังซีดาน 4 ประตู
2015 Mazda 2
Mazda 2 รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 4 ที่ยังคงมีจำหน่ายในปัจจุบัน Mazda 2 เจนเนอร์เรชั่น 4 นี้ใช้รหัสเครื่องยนต์ DJ ได้เปิดตัวในไทยเมื่อมกราคม 2015 ด้วยดีไซน์ รูปลักษณ์ และการใช้งานที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ ทำให้เป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดของมาสด้า
การออกแบบภายนอก
Mazda 2 มีการออกแบบดีไซน์เป็นเอกลัษณ์ มีให้เลือกทั้งแบบซีดานและแฮทช์แบ็ก ด้วยขนาดเพียง 4.3×1.7 เมตรในรุ่น 4 ประตู และขนาด 4.0×1.7 เมตร ในรุ่น 5 ประตู ทำให้คล่องตัว ไม่ว่าจะเดินทางถนนสายหลักหรือซอยแคบ การเข้าจอดก็ง่าย ไฟหน้าเป็น LED แบบโปรเจคเตอร์ สามารถปรับอัตโนมัติ (Auto Leveling System) กระจกหน้าออกแบบให้ลดเสียงรบกวน ทำให้ขับขี่ผ่อนคลาย ในรุ่น 1.3C กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมมีระบบไฟเลี้ยว รุ่น 1.3S เพิ่มไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED Signature (Daytime Running Lamp) กระจังหน้าเป็นสีดำเปียโน กันชนหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม เพิ่มความโดดเด่นยิ่งขึ้น ด้านล่างเป็นล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว
มิติตัวรถ Mazda 2 |
ความยาว (มม.) |
4.320 |
ความกว้าง (มม.) |
1,695 |
ความสูง (มม.) |
1,470 |
ระยะฐานล้อ (มม.) |
2,470 |
ระยะห่างล้อหน้า (มม.) |
1,495 |
ระยะห่างล้อหลัง (มม.) |
1,485 |
น้ำหนักรถ (กก.) |
1,071-1,171 |
การออกแบบภายใน
ห้องโดยสารของ Mazda 2 ออกแบบตามแนวคิด Jinba Ittai (จินบะ อิไต) ที่ให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ไม่ว่าเบาะนั่ง ท่านั่ง ท่าจับ ระยะห่างพวงมาลัย แป้นคันเร่ง แป้นเบรก เกียร์ ก็ออกแบบให้อยู่ตำแหน่งที่ดีที่สุดเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ดังใจ ภายในของ Mazda 2 ยังมีความกว้างขวาง เน้นความเรียบง่ายที่แฝงด้วยรายละเอียดยิบย่อย เบาะที่ออกแบบคำนึงถึงสรีระ ตะเข็บที่ตัดเย็บได้อย่างประณีต องศาแอร์ที่ทำให้เย็นทั่วทั้งคัน ตำแหน่งของสิ่งต่างๆที่ใช้งานสะดวก โดยไม่สามารถควบคุมได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน
ขุมพลัง
การแบ่งรุ่นของ Mazda 2 นอกจาก 4 ประตู (Sedan) 5 ประตู (Hactchback) แล้ว ก็ยังแบ่งตามประเภทเครื่องยนต์ และออปชั่นที่ติดมากับตัวรถอีกด้วย ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 แบ่งเป็นรุ่น Standard, High, High Connect และ High Plus เป็นเครื่องยนต์ Skyactiv-G 1.3 แถวเรยง 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ได้แก่รุ่น XD, XD High Connect และ XD High Plus L โดยใช้เครื่องยนต์ Skyactiv-D 1.5 เทอร์โบแปรผัน 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ทุกรุ่นของ Mazda 2 ใช้ระบบจ่ายน้ำมันเป็น Electronic Direct Injection มาพร้อมเกียร์ Skyactiv-Drive อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Active
ขุมพลัง Mazda 2 |
รุ่น |
1.3 ลิตร |
1.5 ลิตร |
เครื่องยนต์ |
Skyactiv-G |
Skyactiv-D |
กำลังสูงสุด (แรงม้า) |
93 |
105 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) |
123 |
250 |
ระบบจ่ายน้ำมัน |
Electronic Direct Injection |
Electronic Direct Injection |
ระบบขับเคลื่อน |
Skyactiv-Drive อัตโนมัติ 6 สปีด |
Skyactiv-Drive อัตโนมัติ 6 สปีด |
Mazda 2 ติดตั้งระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยขับขี่และเสริมความปลอดภัยมาให้อย่างจัดเต็ม เช่น ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง (GVC Plus) เทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense มีระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift ที่ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2019 ก็มีการปรับโฉมใหม่ ดีไซน์ใหม่ มีการเพิ่มอุปกรณ์เทคโนโลยีให้ทันสมัยมากขึ้น เช่น เปลี่ยน ไฟหน้า กันชนหน้า ไฟท้าย และกันชนท้ายใหม่ มีเครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าที่ช่วยให้ขับขี่มั่นใจยิ่งขึ้น และมีการอัพเกรด ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control PLUS ส่วนภายในการตกแต่งด้วยวัสดุใหม่
2021 Mazda 2
หลังจากเปิดตัวรุ่นล่าสุดเมื่อปี 2015 สื่อญี่ปุ่นก็ออกมายืนยันว่าปีนี้เราจะได้พบกับ Mazda 2 เจนเนอร์เรชั่นที่ 5 ที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน รูปลักษณ์ภายนอกยังคงดีไซน์ KODO เน้นความเรียบง่าย แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ไฟหน้าไฟท้ายใหม่ โดยไฟท้ายนั้นอาจปรับให้คล้ายกับ Mazda 3 รุ่นใหม่ โดยตัวถังจะมีความยาวกว่าเดิม ส่วนความกว้างและระยะฐานล้อยังขนาดเท่าเดิม ทำให้ห้องโดยสารมีพื้นที่มากขึ้น
ด้านขุมพลังนั้นคาดว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร Skyactiv-G และ เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร Skyactiv-D แต่จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพและเรื่องการประหยัดน้ำมัน และเป็นไปได้ว่าจะมีเครื่องยนต์ 3 สูบบล็อกใหม่ความจุ 1.5 ลิตร รวมถึงระบบขับเคลื่อน Mild Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์ Skyactiv-X ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า นอกจากจะให้สมรรถนะดีแล้วยังช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย
แม้ว่าตอนนี้ยังเป็นเพียงกระแสข่าวเท่านั้น ยังไม่มีการยืนยันจากทางค่าย แต่คาดว่าราคาไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ซึ่งรราคาในรุ่นเดิมเริ่มต้นที่ 530,000 บาท สำหรับการออกแบบที่มีดีไซน์ความเรียบหรู ตอบโจทย์การใช้งาน และมีหลายรุ่นให้เลือกก็เป็นไปได้ว่าอาจสามารถสู้คู่แข่งอย่าง Honda City ราคาเริ่มต้น 579,500 บาทได้ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อว่า Mazda 2 ตัวจริงออกมาจะเป็นเช่นไร หากมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม ทีมงาน AutoFun จะแจ้งให้ผู้อ่านทราบกันต่อไป