2021 All-new Isuzu MU-X (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์) เผยภาพโครงร่างของรถครั้งแรก ด้วยรูปลักษณ์ที่ถ่ายทอดไปจากรุ่นปัจจุบัน บนโครงสร้างของ Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) ซึ่งกำหนดการของการเปิดตัวรถรุ่นนี้น่าจะเกิดขึ้นในปี 2564 ตามแผนงานที่วางเอาไว้ดังเดิม
มิว-เอ็กซ์ ถือเป็นรถยนต์เอนกประสงค์ดัดแปลงบนพื้นฐานของดีแมคซ์ ที่สร้างยอดจำหน่ายได้อย่างยอดเยี่ยมมาอย่างยาวนาน และแม้จะเป็นช่วงปลายอายุก็ตาม พวกเขายังสามารถรักษาอันดับ 3 ของตลาดพีพีวีเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยคว้าส่วนแบ่งตลาดไปครองมากถึง 16.4%
รูปร่างหน้าตานั้นพอจะเดาได้ว่าไม่น่าจะแตกต่างอะไรจากดีแมคซ์มากนัก ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาพีพีวีของค่ายนี้ที่ไม่เน้นการฉีกดีไซน์ออกไปเท่าไหร่ แต่ที่ต้องลุ้นกันก็คือ ออพชั่นที่จะติดตั้งมานั้น จะเหนือกว่าที่อยู่ในดีแมคซ์เวอร์ชั่นไทยหรือไม่ หรือจะขายแค่ของที่มีอยู่ก็พอแล้ว
การออกแบบที่ไม่ทิ้งแนวรูปทรงแบบเดิม
หากดูจากภาพร่างที่ออกมาแล้วนั้น จะพบว่าการพัฒนารถพีพีวีบนโครงสร้างปิกอัพของอีซูซุนั้นไม่ได้ฉีกรูปแบบไปอย่างมากมาย กระจังหน้าลาย 2 ชั้นที่รับกับกันชนและฝากระโปรงหน้า รวมถึงกรอบโคมไฟหน้าแนวเล็กรีก็ยังติดตั้งมาอย่างครบครัน เรียกว่าพอเดาดีไซน์กันได้ไม่ยากเย็น
ตำแหน่งของไฟตัดหมอกนั้นออกแบบมาอย่างโฉบเฉี่ยวขึ้นนิดหน่อย เรียกว่ามีการเปลี่ยนชุดกันชนด้านหน้าเลย ด้านข้างมาพร้อมบันไดข้างและแร็คหลังคาที่ออกแบบกลมกลืนไปกับตัวรถ ล้ออัลลอยลายคุ้นตาแบบไม่ต้องสืบ ขณะที่ด้านหลังนั้น ลากตำแหน่งของเสาดีออกไปค่อนข้างไกล
ตัวรถที่ออกแบบมาแบบไม่ได้เน้นดีไซน์ลาดเอียงไปที่เสาดีมากมายเหมือนคู่แข่ง ทำให้มองว่าอีซูซุต้องการเน้นความสะดวกสบายในการใช้งานของห้องโดยสารขนาดใหญ่ การออกแบบด้านท้ายนั้น ใช้กันชนหลังดีไซน์เดียวกันด้านหน้า พร้อมออกแบบไฟท้ายแนวเรียวยาวเหมือนกันไฟหน้าเช่นกัน
ด้านบนหลังคานั้นถูกเซาะเป็นช่องเพื่อเพิ่มความสวยงาม และยังอาศัยประโยชน์ในเรื่องการไล่ลมและการรองรับแรงกระแทกได้เล็กน้อย มาพร้อมสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ล้ออัลลอยนั้นติดตั้งที่ตำแหน่งใต้ท้องรถด้านหลัง โดยที่ยังไม่มีภาพรายละเอียดของห้องโดยสารออกมาให้เห็นกัน
หากนับกันจากการออกแบบที่ได้เห็นภาพโครงร่างนี้ ก็ต้องบอกว่ายังไม่มีอะไรที่เป็นบิ๊กเซอร์ไพร์สมาก เพราะอีซูซุเองทุ่มเทกับการพัฒนาดีไซน์ของดีแมคซ์ใหม่ไปมากแล้ว ก็น่าจะนำการออกแบบนั้นมาปรับปรุงเพื่อใช้ต่อกับพีพีวีของพวกเขาเลย ซึ่งก็น่าจะดูสวยงามลงตัวดีอยู่เหมือนกันนะ
เครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่นน่าจะมาครบครัน
เครื่องยนต์ที่น่าจะเปิดตัวก็น่าจะเป็นทั้งเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ ให้กำลัง 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 2,600 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอฃ ให้พลังแรงสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800 – 2,600 รอบต่อนาที
ภายนอกนั้นจะมาพร้อมไฟหน้าแบบไบ-แอลอีดี พร้อมระบบเปิด – ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างขณะวิ่งเวลากลางวันแบบบิวท์อิน พร้อมไฟตัดหมอกแบบแอลอีดี กรอบไฟท้ายดูอัลโซนิค แอลอีดี กันชนท้ายเป็นชิ้นหนึ่งเดียวกับตัวรถ และดีไซน์ล้อเป็นไปตามรุ่นย่อยต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป
ภายในจะมาพร้อมการตกแต่งแบบทันสมัย ด้วยระบบความบันเทิงพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพง หน้าจอแสดงข้อมูล 4.2 นิ้ว พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งคู่หน้านั่งสบาย รองรับแรงกระแทก พร้อมปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางที่นั่งคนขับ
ลุ้นออพชั่นใหม่ ๆ ติดตั้งเพิ่มในมิว-เอ็กซ์
แม้อีซูซุ ดีแมคซ์ จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านความปลอดภัยของรถปิกอัพในประเทศไทย ที่มาพร้อมออพชั่นเพียบพร้อม แต่เมื่อเปิดตัวมิว-เอ็กซ์ เราก็คาดหวังว่าจะได้เห็นออพชั่นด้านความปลอดภัยที่เทียบเท่ากับดีแมคซ์ในตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้พวกเขาแข่งกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ในเมืองไทยได้มากขึ้นด้วย
ในออสเตรเลีย รถที่จำหน่ายอยู่นั้นมีแพ็คเกจเทคโนโลยีที่ใช้ชื่อว่า Intelligent Driver Assistance System (IDAS) ซึ่งมีฟังก์ชั่นล้ำ ๆ อย่างระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ซึ่งช่วยตรวจจับทั้งขณะขับขี่เดินหน้า ถอยหลัง และเลี้ยว พร้อมระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า และระบบช่วยเบรกเมื่อเกิดการชนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
มาพร้อมระบบควบคุมตัวรถให้อยู่ในช่องจราจร ระบบตรวจจับสมาธิผู้ขับขี่ ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง ซึ่งมีถุงลมกลางห้องโดยสารและหัวเข่าผู้ขับขี่เพิ่มเข้ามาเมื่อเทียบกับสเปกของไทย รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยให้เด็กด้วยจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กทั้งส่วนบนและส่วนล่างของเบาะด้านหลัง เรียกว่ามาอย่างครบครัน
คาดเปิดตัวปี 2564 แบบไม่พลิกโผ
แม้กำหนดการณ์เปิดตัวที่มีหลายคนคาดการณ์กันว่า 2021 All-new Isuzu MU-X จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2563 นี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาประมาณ 1 ปีหลังจากการเปิดตัวดีแมคซ์ แต่เมื่อดูจากการเลื่อนการเปิดตัวรถหลาย ๆ รุ่นจากผลกระทบขอโควิด-19 ก็เชื่อว่ารถรุ่นนี้จะขยับออกไปเช่นกัน
กำหนดการณ์เปิดตัวที่น่าจะเป็นไปได้ก็น่าจะกลายเป็นช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 หรือถ้าไวกว่านั้นก็จะเป็นการโชว์ตัวอย่างเป็นทางการในงานแสดงรถยนต์ปลายปีนี้ ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยน่าจะได้รับเกียรติให้เปิดตัวเป็นที่แรกของโลกอีกครั้งอย่างค่อนข้างจะแน่นอน
ส่วนสนนราคานั้น เชื่อว่าจะต้องมีการปรับขึ้นจากรุ่นเดิมสักเล็กน้อย เพราะถือว่าเป็นดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมฟังชั่นส์และเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย เรียกว่าสาแก่ใจบรรดาแฟน ๆ ที่รอลุ้นกันอยู่อย่างแน่นอน เอาเป็นว่าใครอยากซื้อก็เตรียมเก็บสตางค์รอได้เลย
ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ: ออโต้วีค