2020 Subaru Forester เจ้าป่าขาลุย ที่มาพร้อมราคาที่น่าคบหา เป็นผลมาจากการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย ที่ทำให้พวกเขาวางราคาได้อย่างสนใจ พร้อมด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์บอกเซอร์และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 ทางเราได้มีโอกาสไปงาน Subaru Ultimate Test Drive 2020 ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ที่ร้อนระอุ เป้าหมายของเราคือ Subaru Forester 2.0 i-s Eyesight ซึ่งจะทำการทดสอบระบบ ที่เปรียบเสมือนตาคู่ที่ 2 ของคนขับที่ช่วยในการมองถนน ใช้กล้องสเตอริโอสองตัวเพื่อจับภาพแบบสีสามมิติ ซึ่งมีความละเอียดใกล้เคียงกับสายตาของมนุษย์เลยทีเดียว
• ระบบ Eyesight
• ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน (Pre-Collision Braking)
• ระบบปรับความเร็วรถอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
• ระบบเบรก ABS
• Traction Control
• ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
ถึงแม้จะเป็นระบบที่ดูธรรมดา แต่บอกได้เลยว่าเทคโนโลยีอายไซท์ของฟอเรสเตอร์ถือได้ว่ามีความแม่นยำมากๆ เนื่องจากใช้เป็นกล้องแทนที่จะใช้เป็นเรดาร์แบบค่ายอื่นๆ ซึ่งอาจเกิดอาการผิดเพี้ยนได้ ซึ่งวันนี้เราจะได้มาลองกันใน 3 สถานี
1. สถานีทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร
เปิดมาสถานีแรกกับการทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ซูบารุมีชื่อเสียงกันมานานมากแล้ว ด้วยการขับทดสอบ Wet skid pad ที่พรมน้ำไว้ชุ่ม ด้วยการวนเป็นเลข 8 ต่อด้วยทดสอบการหักเลี้ยวกะทันหันเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหน้า โดยจะให้ขับรอบแรกแบบปิดระบบ Traction Control ก่อนครับ
ในการทดสอบรอบแรก สังเกตได้ชัดเลยว่า รถมีอาการเหวี่ยงอย่างมาก ด้วยการเข้าโค้งที่ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้รถเกิดอาการเอียง ก่อนเข้าสู่ทางตรงก่อนเข้าสถานีหักหลบฉุกเฉิน ความเร็ว 50 กม./ชม. รถมีการเบรกให้ในล้อที่จำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวรถ ทำให้หักหลบสิ่งกีดขวางได้โดยรถไม่เสียการควบคุม
หลังจากวนกลับมาจุดสตาร์ท เปิดโหมด Traction Control พร้อมลุยกันอีกรอบ ขับเข้าที่เดิมระบบมีการช่วยทรงตัวรถได้ดี เกาะถนนมากขึ้น มีความมั่นคง ควบคุมง่าย อาการโยนของตัวถังมีให้สัมผัสไม่มากนัก
2. สถานีทดสอบสมรรถนะการควบคุมรถยนต์
ในที่นี้ ผู้ขับจะต้องขับเป็นแนวสลาลมหลบกรวยซ้ายขวาต่อด้วยการทดสอบระบบเบรก ABS เมื่อได้ลองขับจริง ถึงได้รู้ว่า แม้รถจะใหญ่ แต่ก็ยังมีความคล่องตัวสูง พวงมาลัยตอบสนองไว การทำงานของระบบ ABS ที่เรียกได้ว่าแทบจะทันทีหลังการเหยียบเบรกที่ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำเอาหัวทิ่มหัวตำกันเลยทีเดียว กับระยะเบรกประมาณหนึ่งช่วงคันรถ สร้างความมั่นใจต่อการขับขี่
3. สถานีทดสอบระบบความปลอดภัยเสริมอายไซท์
สถานีนี้เป็นการทดสอบระบบ Adaptive Cruise Control และ Eyesight จะมีการขับตามกันเป็นขบวนที่ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะมีการใช้กล้องจากอายไซท์ เพื่อจับความเร็วรถด้านหน้า และเร่งตามโดยผู้ขับขี่สามารถกำหนดระยะห่างเองได้ แม้เข้าโค้งตัวระบบนี้ก็ยังไม่หลุด เพราะระบบจะเสมือนสายตาของคน
ต่อด้วยระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน ที่จะทำงานเมื่อปล่อยให้รถวิ่งขณะมีสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหน้า แต่คนขับไม่เหยียบเบรก ระบบจะทำการเบรกให้ทันทีจนหยุดนิ่ง ซูบารุกล่าวว่า มีขอบเขตในการทำงานคือ ใช้ได้ที่ความเร็ว 0-180 กม./ชม
เรียกได้ว่าระบบความปลอดภัยนั้นไม่มีที่ติเลยทีเดียว สมกับรางวัล Euro NCAP ระดับ 5 ดาวเมื่อปี 2019 ด้วยระบบที่ให้มาพร้อมกับความแข็งแรงของตัวถัง ราคาที่จับต้องได้สำหรับรถครอบครัว แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าควรปรับปรุงคือ หน้าตาที่ออกจะดูธรรมดาไปหน่อย ดูไม่ค่อยเร้าใจวัยรุ่น แม้มีชุดแต่ง GT ก็ตาม แต่ยังดูไม่ต่างจากเดิมมากนัก