ลองขับ BMW 3 รุ่น 330Li, 520d และ 530e อย่างว่อง ภายหลังการเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ โดยรถ 2021 BMW 5-series ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ และล่าสุดกับ 2021 BMW 3-series รุ่นย่อยใหม่
การทดสอบทำในสนามทดสอบแบบปิด กั้นกรวยเป็นแทรคให้ขับคดเคี้ยวหักศอก พร้อมทางตรงที่ทำความเร็วได้ทะลุ 100 กม./ชม. แถมมีกรวยสลาลอม กับกั้นสลับเลนให้เลือกขับฝ่าไป ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะใช้ทุกพื้นที่ของสนามทั้งหมด เพื่อที่จะใส่ความเร็วแบบจัดเต็ม เค้นความสามารถได้ถึงขีดจำกัด
การขับในสนามปิดนั้น หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นการทดสอบที่ไม่สมจริง ไม่เหมือนสภาพการขับรถบนถนนทั่วไป ซึ่งมีส่วนจริงและไม่จริง นั่นคือ สภาพถนนทั่วไปมักจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดปรากฎต่อหน้า ด้วยสาเหตุนี้ เราก็จึงนำรถออกมาวิ่งบนถนนสาธารณะด้วย เพื่อเผชิญกับสภาพถนนจริง แต่ก็ต้องแลกด้วยการขับรถที่ไม่ใส่เต็มแบบในสนามแข่ง เน้นใช้งานแบบประชาชนคนทั่วไป
BMW 330Li ยาวขึ้น แต่ยังขับมัน
2021 BMW 330Li M Sport (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3) รุ่นฐานล้อยาว ใช้พื้นฐานจากซีรี่ส์ 3 รหัส G20 เพิ่มฐานล้อยาวขึ้น 110 มม. ประตูบานหลังยาวขึ้น 100 มม. พื้นที่ศีรษะสูงขึ้น 40 มม. พื้นที่วางขาตอนหลังยาวขึ้นอีก 43 มม. ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีความรู้สึกที่บอกไม่ได้เป็นตัวเลขในการทดลองขับครั้งนี้
ความฟาดของเครื่องเบนซินเริ่มขึ้นทันทีที่สตาร์ทจากหยุดนิ่ง แต่ไม่ได้ล้อฟรีหรือท้ายปัดเป๋ใดๆ เป็นแรงดึงอย่างต่อเนื่อง ไม่กระชาก หรือกระแทกติดเบาะ ส่วนการเข้าโค้งนี่ใช้ความเร็วเกือบ 100 กม./ชม. เข้าโค้งมุมแคบโดยไม่เบรคหรือเร่งเพิ่มในโค้ง จับผิดอาการยุบตัวและออกข้างอยู่นิดเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้นับว่าร้ายแรง ที่จริงแล้วมันทำได้สมกับเป็นรถเยอรมันที่ดี พอขับมาถึงด่านเปลี่ยนกะทันหัน ก็ทำได้ในความเร็ว 60 กม./ชม. ได้อย่างไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ มากมาย ส่วนสลาลอมที่ความเร็วเดียวกัน ก็ยังเก็บอาการได้ดี วงเลี้ยวที่เพิ่มขึ้นไม่ได้รู้สึกเกะกะแต่อย่างใด
เมื่อลองขับในถนนสาธารณะ เป็นทางหลวง 6 เลนตรงยาวมาก แต่เต็มไปด้วยรอยปะยางมะตอยตามมีตามตามเกิด คอสะพานที่ไม่เท่ากัน ลอนถนนที่เกิดจากรถบรรทุกบี้ขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ถูกซับโดยช่วงล่างของ 2021 BMW 330Li M Sport ออกไปเกือบหมด สามารถขับรูดที่ความเร็วระดับเกิน 100 กม./ชม.ได้อย่างมั่นคง ไม่เสียอาการ การเต้นช่วงล่างมีน้อย การสะท้อนของแรงถูกซับไว้ได้ปานกลาง นับว่าสมฐานะฐานล้อยาวขึ้น
BMW 520d ขับสบายกว่า
2021 BMW 520d (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5) รถระดับซีรีส์ 5 นั้นต้องใหญ่กว่ารุ่นน้อง 3 อยู่แล้ว ต่อให้เป็นฐานล้อยาวแล้วก็ตาม ยังไงก็สู้ความใหญ่โตซึ่งสัมผัสได้ทันทีเมื่อเปลี่ยนรถทดสอบ ทั้งตำแหน่งการขับขี่ที่หย่อนขาได้ พื้นที่วางขาหลังก็ยังชนะรุ่นน้อง นี่ยังไม่นับรวมความกว้างของรถ และพื้นฐานของรถที่เอื้อประโยชน์ด้านสมรรถนะมากกว่า
การลองขับรุ่นนี้ยังอยู่บนสนามปิดทางเดิม ใช้ความเร็วใกล้เคียงเดิมให้มากที่สุด เท่าที่เท้าขวาสามารถทำได้ พบว่าอัตราเร่งเครื่องดีเซลรุ่นนี้ทำได้ดี ตอบโจทย์คนทั่วไปให้เร่งแซงได้ง่าย การเข้าโค้งหักศอกที่ความเร็ว 90 ก็เก็บอาการยวบยาบจนแถข้างได้หมด เช่นเดียวกับการเปลี่ยนเลนกะทันหัน และขับไขว้สลาลอมที่ความเร็วเท่ากัน ก็มีแต่เสียงยางร้องเตือนเท่านั้น ที่ทำให้เรารู้ขีดจำกัด
ในการขับออกถนนสาธารณะเส้นเดียวกันกับที่ได้ลองรุ่นน้องฐานล้อยาว ก็พบว่ามีการเก็บแรงสั่นสะเทือนได้เยอะกว่านิดเดียว แต่การเก็บอาการตอนเหินคอสะพานทำได้ดีกว่าชัดเจน นี่คือข้อดีของการมีรถที่กว้างและใหญ่ เหมาะกับการเดินทางไกลมากกว่ารุ่นเล็ก
BMW 530e M Sport จัดจ้านทุกย่านถนน
การทดสอบมาถึงรุ่นท็อปสุดกับรุ่น 530e M Sport ที่ใช้พื้นฐานที่ดีจากซีรีส์ 5 เดิมอยู่แล้ว มาเพิ่มระบบช่วยขับขี่เน้นความสนุกไปอีก ตั้งแต่ระบบควบคุมความเร็วที่รู้ใจ หากเรายัดโค้งจนเสียอาการ ระบบก็จะเมินการค้างความเร็ว หันมาเบรคช่วยเราแทนได้ อีกทั้งมีระบบล้อหลังเลี้ยวตามได้จริง เลือกบิดล้อตรงข้ามล้อหน้าที่ความเร็ว 60-80 กม./ชม. และบิดล้อตามล้อหน้าที่ความเร็วเกิน 80 กม./ชม. ขึ้นไป
การทดสอบขับในสนามปิดกับรถตัวท็อปนี้ ทำให้เราเห็นว่าระบบไฮเทคต่าง ๆ นั้นช่วยให้เข้าโค้งไม่ลำบากอีกต่อไปในระดับความเร็วเท่ากัน ความดึงรถไปหัวโค้งทำได้ง่ายกว่า แต่เมื่อถึงระดับความเร็ว 80 กม./ชม. ในจังหวะการเปลี่ยนทิศทางของล้อ มีผลให้รู้สึกแถข้างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นเสียอาการจนต้องแก้พวงมาลัยหรือเพิ่มเบรคใด ๆ
อัตราเร่งของรุ่นไฮบริดนี้ มีความจัดจ้านมากกว่าใคร เพราะเราใช้โหมด XtraBoost เรียกพลังมาตั้งแต่เริ่มจุ่มคันเร่ง จากหยุดนิ่งให้พุ่งออกไปได้อย่างทันใจ สัมผัสแรงจีที่ตรึงเราติดเบาะมาก ไม่เพียงการออกตัวจากหยุดนิ่งเท่านั้น การเร่งแซงก็ทำได้ทันใจไม่รอรอบ เรียกว่ากดเมื่อไหร่ติดเบาะเมื่อนั้น แถมเสียงเครื่องก็หวานรื่นหูเป็นของแถม
การเปลี่ยนเลนกะทันหัน ทำได้เนียนกริ๊ปที่ความเร็วเดียวกัน และสามารถเพิ่มความเร็วไปได้ถึง 70 กม./ชม.เมื่อสลับเลนอย่างหนักแล้วต้องแก้อาการพวงมาลัยอยู่บ้าง ส่วนการขับสลาลอมนี้เป็นจุดเด่นมาก เพราะที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ล้อหลังที่บิดตรงข้าม ทำหน้าที่ให้เข้าโค้งได้เร็ว ไม่ต้องหมุนพวงมาลัยเยอะ รถก็สามารถมุดผ่านกรวยไปได้ ไม่เหนื่อยตอนม้วนพวงมาลัย แบบระบบล้อหลังตายตัวทั่วไป
การขับบนถนนจริงนั้นต้องออมแรงไว้หน่อย เก็บไว้ใช้ตอนเร่งแซงเท่านั้น มาดูความนิ่งในทางตรง เก็บรอยต่อถนนที่ความเร็วสูงได้ดี รูดคอสะพานที่ความเร็ว 100 กม./ชม.ก็ไม่ลอย ลงพื้นอย่างมั่นคงไม่มีการแก้พวงมาลัย เท่านี้ก็นับว่าเหลือเฟือเกินกว่าคนทั่วไปจะใช้งานแล้ว
ระบบช่วยถอยหลังกลับตามรอยเดิม
รุ่นท็อปสุดของซีรี่ส์ 5 นั้นมีระบบล้ำสุด เพราะมีความสามารถขับถอยหลังย้อนกลับมาทางเดิมได้ การใช้งานก็เพียงแค่ แตะช่องเมนูระบบช่วยถอยหลัง แล้วเข้าเกียร์ถอยหลังพร้อมแตะคันเร่งเบา ๆ ระบบถอยหลังออกมาตามทางเดิมที่เราเข้าไป โดยพวงมาลัยหมุนอัตโนมัติ เราแค่ควบคุมแป้นเบรค(เผื่อมีอะไรตัดหลัง) โดยใช้งานถอยหลังได้แค่ 50 เมตรเท่านั้น เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่เราขับรถเข้าไปเจอซอยตัน แล้วต้องถอยกลับออกมาทางเดิม
แนะนำซื้อรุ่นไหนดี?
การแนะนำรุ่นไหนน่าซื้อนั้น แน่นอนว่า BMW 530e M Sport รุ่นท็อปนี้ชนะเลิศ เพราะมีออพชั่นที่รุ่นอื่น ๆ ไม่สามารถติดตั้งเพิ่มจากที่ไหนได้ เช่น ระบบเลี้ยว 4 ล้อ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วทุกย่าน ระบบถอยหลังกลับอัตโนมัติ ฯลฯ ในราคา 3,739,000 บาท เพิ่มจากรุ่นดีเซลแค่ 2 แสนบาทเท่านั้น
แต่ถ้ามีงบเพียง 2 ล้านปลาย หลายคนอาจจะลังเลระหว่าง ซีรี่ส์ 3 ตัวท็อป BMW 330Li M Sport ราคา 2,899,000 บาท หรือจะขยับมาเล่น BMW 5-series elite ที่มีราคา 2,999,000 บาท ต้องบอกแบบไม่เกรงใจค่ายใบพัดฟ้าขาวเลยว่า ให้ไปเล่นรุ่นซีรี่ส์ 3 ฐานล้อยาวดีกว่า เพราะว่าให้ออพชั่นเยอะสมกับเป็นรถเยอรมัน เช่น ชุดแต่ง M Sport, หลังคา Panoramic sunroof, เครื่องเสียง Harman Kardon หรือระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติเป็นต้น แถมประหยัดเงินไปอีก 1 แสนบาทด้วย
การขับครั้งนี้ ไม่เน้นอ่านสเปคตัวเลขใด ๆ เน้นลงมือสัมผัสจับอาการรถอย่างรวดเร็วในเวลาสั้น ๆ โดยที่ยังไม่ได้ลองระบบทั้งหมด หากมีโอกาสอีกครั้ง ทีมงานจะยืมรถทดสอบมาจัดเต็มให้อ่านกันอีกรอบครับ