ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งจนถึงวันนี้ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) มีรถยนต์ในไลน์อัปเบ่งบานมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การเปิดตัวเอสยูวีเรือธงของค่ายไปจนถึงไลน์อัป i รถยนต์ไฟฟ้าที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น i4, iX รวมถึงรถที่เปลี่ยนเป็นเวอร์ชันไฟฟ้า ได้แก่ X1, 5-Series หรือ 7-Series แต่สงสัยไหมว่าทำไม BMW ตั้งชื่อรุ่นรถกันยังไง เราไปดูคำตอบกัน

ชื่อรุ่น BMW แต่ละ Series ต่างกันอย่างไร

การตั้งชื่อรุ่นที่ผ่านมาของ BMW อาจทำให้หลายคนไม่เข้าใจในที่มาของชื่อรุ่นรถ BMW ว่ามีหลักการอย่างไร สำหรับการตั้งชื่อ BMW ที่ต่อท้ายด้วยคำว่า Series ตามด้วยตัวเลขจะเป็นกลุ่มรถยนต์ซีดานหรือรถเก๋ง โดยแต่ละซีรีส์จะมีรูปทรงและขนาดที่ต่างกัน เพื่อแยกตามกลุ่มตลาดตามความต้องการของลูกค้า

BMW Series เลขคู่

BMW Series เลขคู่ ได้แก่ Series 2, 4, 6, 8 จะเป็นรถคูเป้ที่มีหลังคาท้ายลาดลงมา บางรุ่นเป็นคูเป้ 2 ประตู บางรุ่นก็ 4 ประตู

• BMW 2-Series รถยนต์รูปทรงคูเป้ขนาดเล็กที่สุด ราคาถูกที่สุด มีทั้ง 2 และ 4 ประตู ประตูไร้กรอบกระจกทุกบาน
• BMW 4-Series มีทั้งตัวถังคูเป้ 2 ประตูและ 4 ประตู (Gran Coupe) บางรุ่นเป็น Convertible และมีการปรับปรุงเทคโนโลยีจาก Series 3 ให้ทันสมัยมากขึ้น
• BMW 6-Series เป็นตัวถังท้ายลาดแบบ GT
• BMW 8-Series ที่เมื่อก่อนจะมีเพียงตัวถังคูเป้ 2 ประตู แต่เดี๋ยวนี้มีตัวถังเปิดประทุนและคูเป้ 4 ประตู เพิ่มมาด้วย

BMW Series เลขคี่

BMW Series เลขคี่ เช่น Series 3, 5, 7 จะเป็นรถเก๋ง 4 ประตูทั่วไป โดยขนาดของแต่ละซีรีส์จะบ่งบอกความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม

• BMW 3-Series เป็นตัวถังซีดานขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมสูงสุด เหมาะกับวัยรุ่น เป็นคู่แข่ง Mercedes-Benz C-Class 
• BMW 5-Series เป็นตัวถังซีดานขนาดกลาง เหมาะกับวัยทำงาน เป็นคู่แข่ง Mercedes-Benz E-Class
• BMW 7-Series เป็นตัวถังซีดานขนาดใหญ่ เหมาะกับผู้บริหาร คู่แข่ง Mercedes-Benz S-Class

BMW X คืออะไร

BMW X คือ รถยนต์กลุ่ม SUV ของค่าย BMW มีหลากหลายรุ่นให้เลือก ได้แก่ X1, X3, X4, X5, X6, X7 ส่วนรุ่นที่เป็น SUV ไฟฟ้าจะเป็นรุ่น iX, iX3 และรุ่นที่สมรรถนะสูง ๆ จะมีชื่อว่า XM, X4 M เป็นต้น

BMW Z คืออะไร

BMW Z คือ รถยนต์ Roadsters (รถเปิดประทุนสองที่นั่ง) ของ BMW อย่าง BMW Z4 นั่นเอง

BMW i คืออะไร

BMW i คือ รถยนต์ไฟฟ้าล้วน โดยในซีรีส์ “i” จะใช้ตัวอักษรนี้นำหน้าชื่อรุ่น ถึงจะเคยใช้ในรถเครื่องยนต์สันดาป(ไฮบริด) อย่าง i8 แต่ทาง BMW ก็ยังไม่มีแผนจะทำต่อ ส่วน i3 REx ซึ่งเป็น i3 ที่มีเครื่องยนต์ปั่นไฟเพิ่มระยะทางก็ยังไม่มีแผนจะทำต่อเช่นกัน

ซึ่งถ้ารถซีรีส์ไฟฟ้าล้วนจาก BMW ใช้ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ จะต่อท้ายว่า "eDrive" ล้อกับ "sDrive" ของรถเครื่องยนต์สันดาป ส่วนถ้าขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อจะใช้ "xDrive" เหมือนกัน...

อ่านเพิ่มเติม : 2021 BMW iX และ iX3 เปิดตัวขายเมืองไทย เห็นสเปกแล้วจะลืมขุมพลังสันดาป

BMW M คืออะไร

BMW M คือ รถยนต์ของ BMW ซีรีส์ต่าง ๆ ที่ถูกปรับและพัฒนาให้มีสมรรถนะสูงขึ้น ยกตัวอย่าง BMW 2 Series Coupe เป็น BMW M2 Coupe

โดยปกติ BMW ซีรีส์ M Performance ตัวอักษร “M” มักจะอยู่หน้าชื่อรุ่น แต่จะมีข้อยกเว้นให้กับรถซีรีส์ X และ Z ซึ่งทางค่ายบอกว่าเป็นตัวอักษรที่ “ทรงพลังที่สุดในโลก” จึงต้องนำ M ไปไว้หลังชื่อ เช่น X5 M50i หรือ Z4 M40i

ในกรณีที่รถ M Performance นั้นมีให้เลือกทั้งขับเคลื่อน 2 และ 4 ล้อ ให้ใช้ "sDrive" หรือ "xDrive" ต่อท้ายชื่อรุ่นไปเลย

อ่านเพิ่มเติม : ลองขับ BMW M340i ค่าตัว 3.999 ล้านบาท

พอมาในโมเดลที่จัดเต็มทั้งความแรงและชุดแต่งอย่าง BMW M ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตัวอักษร “M” จะอยู่ข้างหน้าในรุ่นตัวถังซีดาน คูเป้ และเปิดประทุน ส่วนในรถเอสยูวีซีรีส์ X และรถสปอร์ตซีรีส์ Z จะเอา “M” ไปไว้ด้านหลัง เช่น Z4 M ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้

BMW sDrive กับ xDrive ต่างกันยังไง

• BMW sDrive หมายถึง รถยนต์ขับเคลื่อนสองล้อ
• BMW xDrive หมายถึง รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ

รถเปิดประทุนและเอสยูวี X จะมี “sDrive” และ “xDrive” เพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ตามลำดับ โดย sDrive ถูกใช้ในรถขับเคลื่อนล้อหลังเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ถูกใช้ใน 1-Series, 2 Series Active Tourer, 2 Series Gran Coupe, และ X1 / X2 ซึ่งขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้าแต่ไม่รวม 2-Series Coupe รุ่นล่าสุดที่ยังขับเคลื่อนล้อหลังอยู่นะ

ทำไม BMW ตั้งชื่อรุ่นรถยนต์ไม่ตรงกับความจุเครื่องยนต์

BMW ทุ่มเทในการตั้งชื่อและรหัสของรถจนตั้งแผนก “Strategic Naming and Vehicle Identification” เพื่อค้นหาชื่อและรหัสที่เหมาะสมกับรถมากที่สุด

ในแต่ละวัน ผู้คนที่ทำงานในตำแหน่งนั้นทำหน้าที่สร้างชื่อใหม่ที่เหมาะกับตำแหน่งในทั้งด้านราคา ระบบขับเคลื่อน (ล้อหน้า, ล้อหลัง, 4 ล้อ) ไปจนถึงชนิดของเครื่องยนต์

ในรายการพอทแคสท์ “Changing Lanes” ทาง BMW ได้อธิบายถึงการตั้งชื่อรุ่นรถยนต์เอาไว้ ยกตัวอย่าง 745e เลข 7 แสดงถึงว่าเป็นรุ่นอะไร ถ้ารุ่นเป็นเลขคี่จะเป็นตัวถังปกติ ส่วนถ้าเป็นเลขคู่จะเป็นตัวถังที่สปอร์ตกว่า

แต่ที่น่าสนใจ คือ เลขสองตัวท้าย ในที่นี้คือ 45 ไม่จำเป็นต้องบอกถึงขนาดความจุของเครื่องยนต์เสมอไป เช่น ความจุ 4.5 ลิตร แต่ตัวเลขนี้จะแทนกำลังของเครื่องยนต์ในหน่วยกิโลวัตต์แทน ซึ่งรถยนต์ที่มีกำลังระหว่าง 300 ถึง 350 กิโลวัตต์ จะอยู่ในตัวเลข ‘45’

ซึ่งความคิดลักษณะนี้ดูคล้ายกับ Audi (อาวดี้) ในช่วงปี 2018 โดยตั้งชื่อรุ่นแบบนี้กับรถยนต์ที่ขายในอินเดียและจีน แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลข ‘45’ ในขณะนั้นของอาวดี้หมายถึงรถที่มีกำลังเพียง 169-185 กิโลวัตต์เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่ากันมาก

ถึงแม้จะยังฟังดูสับสนอยู่ก็ตาม แต่ทาง BMW ได้แย้งว่ามันเป็นความจำเป็นจากการที่เรามีระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย ทั้งเบนซิน ดีเซล mild-hybrid หรือ plug-in hybrid ส่วนตัวอักษรสุดท้ายคงเป็นไปตามที่หลายคนคาดเดา “e” มาจากรถ plug-in hybrid เช่นเดียวกับ “i” ที่มาจากเครื่องยนต์เบนซิน และ “d” จากเครื่องดีเซล

การใช้ชื่อรุ่นรถเป็นตัวอักษรและเลขแบบ BMW เมื่อเทียบกับการใช้ชื่อรุ่นเป็นคำอาจจะดูน่าสนใจน้อยกว่า แต่การใช้วิธีนี้อาจทำให้ไลน์อัปของรถเข้าใจได้ง่ายขึ้น และเมื่อเกิดการเพิ่มรุ่นขึ้นมา จะทำให้ผู้ชื้อเข้าใจได้ง่ายว่านี่คือโมเดลอะไร อยู่ในตำแหน่งไหน มีกำลังเท่าไหร่

เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว การเลือกชมรถจากค่ายใบพัดฟ้าขาว คงจะง่ายขึ้นแล้วใช่ไหมครับ...

อ่านเพิ่มเติม : หัวหน้าฝ่ายออกแบบ BMW ต้องการรถรุ่นใหม่ให้มีดีกว่าแค่สวยงาม

ศัพท์ชื่อรุ่นเฉพาะของ BMW

1. Bimmer คือ Fandom ซึ่งเป็นแฟนคลับรถยนต์ BMW
2. Gran Coupe คือ รถยนต์คูเป้ 4 ประตู
3. Gran Turismo คือ รถยนต์ซีดาน 4 ประตูที่ยกหลังคาให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในให้กว้างขึ้น
4. Hofmeister Kink คือ หลักการดีไซน์ที่เป็น Signature ของ BMW โดยจะมีการปรับเสา C ให้โค้งงอเพื่อให้สอดรับกับกระจกด้านที่นั่งผู้โดยสารเพื่อเพิ่มความสปอร์ต
5. Sport Activity Vehicle หรือรถ SAV เป็นคำที่ BMW ใช้เรียกรถยนต์ SUV ที่มีดีไซน์สปอร์ต