โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แนะนำ 2021 Toyota C-HR (2021 โตโยต้า ซี-เอชอาร์) รุ่นปรับปรุงใหม่ สีสันโดดเด่นยิ่งขึ้นพร้อมใส่ระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม

2021 C-HR โฉมใหม่ล่าสุดออกจำหน่ายในชื่อรุ่นย่อยว่า Hybrid Premium Safety พร้อมกับตัดรุ่นย่อยอื่น ทำให้เหลือเพียงรุ่นเดียวในการทำตลาด ซึ่งชื่อรุ่นย่อยดังกล่าวเหมือนกับตัวท็อปของรถเอสยูวีร่วมเซกเมนท์เดียวกันอย่าง Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) 

การปรับปรุงครั้งนี้คือกลยุทธ์สำคัญของค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นที่มุ่งเติมอ็อปชั่นใหม่ เพิ่มทางเลือกหลากหลาย หวังดันยอดขายเพิ่มเติมเพื่อรั้งบัลลังก์ผู้นำตลาดรถเอสยูวี-บีในระยะยาว 

ราคาจำหน่ายของ C-HR รุ่น Hybrid Premium Safety ใหม่เคาะอยู่ที่ 1,139,000 บาท (สีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่มอีก 7,000 บาท) ย่อมเยากว่า 6 หมื่นบาทเมื่อเทียบกับ Corolla Cross รุ่น Hybrid Premium Safety ซึ่งมีค่าตัว 1,199,000 บาท

อ่านเพิ่มเติม: 2020 Toyota Corolla Cross ขายดีจริง แต่สเปกเหนือกว่า 2020 Mazda CX-30 แน่หรือ?

ไฮไลท์ของ C-HR รุ่น Hybrid Premium Safety

มาดูกันที่รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อน C-HR ใหม่มีลุคที่ดูทันสมัยและเตะตามากขึ้นด้วยการใช้สีฮีโร่ สีน้ำเงิน Nebula Blue ตัดกับหลังคาสีเงิน นอกจากนี้ยังมีสีดำ Attitude Black Mica กับหลังคาสีเงินให้ลูกค้าได้เลือกสรรกันอีกด้วย นับเป็นครั้งแรกที่ Toyota นำเสนอสีหลังคาเงิน silver ในรถรุ่นนี้

หากคุณผู้อ่านที่สนใจการตกแต่งภายนอกทูโทนแบบหลังคาสีดำก็ยังมีให้เลือกด้วยเช่นกัน โดยตัวถังจะมีทั้งสีขาวมุกใหม่ Platinum White Pearl สีแดง Premium Red และสีเงิน Metal Stream Metallic ตัดกับหลังคาสีดำ

ภายในห้องโดยสารยังคงครบครันอุปกรณ์อำนวยความสะดวก หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB / Bluetooth ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) โหมดการขับขี่ 3 แบบ EV Mode ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในความเร็วต่ำ / Sport Mode เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ / Eco Mode ปรับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe ช่วยขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค

ขณะที่ระบบความปลอดภัยมีฟังก์ชั่นสุดล้ำเพิ่มเติมเข้ามา อย่างระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ All-Speed Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist สามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้า และจะเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้เมื่อไม่มีรถขวางหน้า พร้อมระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน

นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Alert with Steering Assist พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ ตลอดจนระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beams

ระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟยังรวมถึงระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) กล้องมองภาพขณะถอยหลัง (Back Guide Monitor) สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า ท้าย และที่มุมกันชน 8 จุด ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ VSW (Vehicle Sway Warning) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control)

ขณะที่ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS มีทั้งหมด 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง และหัวเข่าด้านคนขับ

C-HR ยังมีระบบเชื่อมต่อ T-Connect by TOYOTA สามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นมือถือ มีทั้งฟังก์ชั่น Find My Car ระบบติดตามการโจรกรรม (TheftTrack) ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน (SOS) ระบบกำหนดขอบเขตปลอดภัย (Geo-fencing) รวมถึงการแจ้งเตือนการบำรุงรักษา พร้อมแสดงข้อมูลรถและการขับขี่ และ บริการผู้ช่วยส่วนตัว

สำหรับระบบขับเคลื่อนยังเป็นขุมพลังไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส 2ZR-FXE แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.8 ลิตร พละกำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที  แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที

เครื่องยนต์ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรแรงดันไฟฟ้าสูงสุด 600 โวลต์ กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่เป็นนิกเกิลเมทัลไฮดราย รวมพละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT มีความประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 24.4 กม.ต่อลิตรตามมาตรฐานอีโคสติเกอร์

ระบบกันสะเทือนของ C-HR ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดรุ่นหนึ่งในระดับเดียวกัน ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังอิสระแบบปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง ดิสก์เบรก 4 ล้อ

ใครกำลังไตร่ตรองจับจอง Toyota Corolla Cross ใหม่อาจลองพิจารณาสัมผัสและทดลองขับขี่ C-HR ก่อน ไม่แน่ว่าท่านอาจเปลี่ยนใจก็เป็นได้