เทียบสเปคระหว่าง SUV ใหม่ล่าสุดทั้ง 2 รุ่นคือ 2022 Honda HR-V e:HEV (ฮอนด้า เอชอาร์-วี อีเอชอีวี) ปะทะกับ 2022 Haval Jolion (ฮาวาล โจไลอ้อน) ซึ่งเปิดตัวในเวลาไล่เลี่ย และมีขุมพลังไฮบริดล้วน พร้อมขายด้วย 3 รุ่นย่อยเหมือนกัน บทความนี้จึงจับเริ่มต้นจากการเทียบทริมล่างสุด เปรียบในทุกด้าน ตั้งแต่ราคา ออพชั่น สมรรถนะ ดูว่าใครครบและดีกว่าในด้านใดบ้าง

ราคาต่างกัน 1 แสนขึ้นไป

อย่างแรกสุดคือเทียบค่าตัวทั้ง 3 รุ่นย่อย โดยรุ่นล่างสุดที่จะเทียบกันวันนี้ มีความห่างของระดับราคาอยู่ 1 แสนบาทตามตารางนี้

มิติตัวถัง Jolion ใหญ่กว่า

เมื่อดูดีไซน์ภายนอกrพบว่ามีสไตล์ต่างกันไป โดยทางด้าน Honda HR-V e:HEV หลังคาตัดตรง ท้ายลาดเอียงเป็นพิเศษ พร้อมซ่อนมือเปิดประตูหลัง ส่วนไฟท้ายเป็นแนวนอนพาดยาวทั้งสองฝั่ง ทำให้โดยรวมดูมีความสปอร์ต มีใต้ท้องรถที่สูงกว่า ซึ่งเหมาะสำหรับคนชอบขับเอสยูวีแท้จริง

ส่วนทางด้าน Haval Jolion มีความหรูหราด้วยกระจังหน้าตาข่ายโครเมียม กับเส้นเดย์ไลท์สว่างไสว ไฟหน้าท้ายเป็นก้อนรูปตัว T แนวเรียบร้อยหรูหรา ตัวถังโดยรวมมีความใหญ่โตกว่าเล็กน้อย กับฐานล้อยาวกว่าชัดเจน โดยมีมิติตัวถังเทียบกันดังนี้

ออพชั่นภายนอกรุ่นเริ่มต้น

Honda HR-V e:HEV รุ่นเริ่มต้นได้ออพชั่นเด่นคือ ไฟหน้าและ Daytime Running Light เป็น LED

ไฟท้าย LED Light Strip, ระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ, ปิดไฟเมื่อดับเครื่องยนต์, กระจกข้างพร้อมไฟเลี้ยว พับ-ปรับไฟฟ้า เก็บอัตโนมัติ, กระจังหน้าสีดำเงา, สปอยเลอร์และเสาเอากาศครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

Haval Jolion รุ่นเริ่มต้นได้ออพชั่นเหมือนกัน และเพิ่มเติมไฟส่องทางหลังดับเครื่องยนต์, ไฟ Welcome Light, ไฟตัดหมอกหลังเข้ามาด้วย

ภายในรุ่นเริ่มต้น

Honda HR-V e:HEV รุ่นเริ่มต้น ได้ภายในสีดำ ใช้วัสดุหนังแท้และหนังสังเคราะห์ มีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ Honda Smart Key System ได้ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทาง มีไฟอ่านแผนที่, ไฟอ่านหนังสือ, ไฟส่องห้องสัมภาระ LED ที่เท้าแขนเบาะหลัง 

มีมาตรวัดขนาด 7 นิ้ว กับหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay/ Android Auto Bluetooth พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง ได้ช่อง USB 2 จุด และลำโพง 4 ตำแหน่ง

Haval Jolion มีจุดต่างที่ภายในตรงที่ วัสดุเบาะเป็นผ้า เบาะคนขับปรับ 6 ทิศทาง ผู้โดยสารปรับ 4 ทิศทาง ระบบปรับอากาศแยกซ้าย-ขวาอัตโนมัติ ใช้เกียร์ Electronic Shifter ให้หน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว เชื่อมต่อแค่ Apple CarPlay, Bluetooth, MP3 ได้ระบบปรับเสียงตามความเร็วรถ ขาดแค่การเชื่อมต่อกับ Android Auto

ความปลอดภัยรุ่นเริ่มต้น

Honda HR-V e:HEV รุ่นย่อย E ได้กล้องหลังปรับ 3 ระดับ ได้ถุงลมคู่หน้า, ด้านข้างคู่หน้า, ม่านถุงลมข้าง

ระบบเบรค ABS, EBD, ระบบช่วยทรงตัว VSA, Walk away auto lock, ระบบล็อคประตูตามความเร็วรถ, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบช่วยชะลอความเร็วที่พวงมาลัย, โหมดขับขี่ ECO+MORMAL+SPORT, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold

ที่สำคัญคือ ในรุ่นเริ่มต้นมีการให้ Honda SENSING ได้ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, Adaptive Cruise Control พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถคันหน้าที่ความเร็วต่ำ, ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่

Haval Jolion รุ่นย่อย Tech ได้เซนเซอร์กะระยะหลัง 3 จุด แต่ไม่มีกล้องหลังปรับ 3 ระดับ ได้ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ทั้งทางตรงและทางแยก มีระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 เทคโนโลยี Single Pedal ชะลอรถเมื่อถอนคันเร่ง นอกนั้นก็มีเหมือนกับฮอนด้าทุกอย่าง

เครื่องไฮบริด ความเหมือนที่แตกต่าง

Honda HR-V e:HEV ใช้ระบบไฮบริด ด้วยเครื่องเบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร รวมกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ ทำให้มีกำลังรวม 131 แรงม้า แรงบิด 253 นิวตันเมตร อัตราการประหยัดน้ำมัน 25.6 กิโลเมตร/ลิตร รองรับเชื้อเพลิง E20

Haval Jolion ใช้ขุมพลังระบบไฮบริด มีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว มีพละกำลังรวมอยู่ที่ 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร มีอัตราความประหยัดน้ำมัน 23.8 กม./ลิตร ใช้น้ำมัน E10

สรุปแต่ละฝ่ายมีส่วนขาดเกิน

Honda HR-V e:HEV เทียบกับ Haval Jolion รุ่นล่างสุดของแต่ละยี่ห้อ พบว่า HR-V ยังขาดระบบไฟส่องทางหลังดับเครื่อง ขาดไฟตัดหมอกหลัง หน้าจอสัมผัสเล็กกว่าฮาวาล ไม่มีระบบ single pedal ขาดระบบแอร์แยกส่วน ไม่มีระบบเพิ่มลดเสียงตามความเร็วรถ ขาดการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น ไม่มีระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 ขาดระบบเตือนการชนในทางแยก (มีเฉพาะทางตรง)
ส่วนทางด้าน Haval Jolion รุ่นล่างสุด ยังขาดระบบลดไฟสูงอัตโนมัติ ส่วนภายในยังแตกต่างตรงเบาะผ้า (ซึ่งบางคนอาจจะชอบกว่าเบาะหนัง) ไม่มีการเชื่อมต่อกับ Android Auto ขาดกุญแจ Keyless ไม่มีระบบเตือนผู้โดยสารตอนหลัง ขาดกล้องหลังปรับ 3 ระดับ ไม่มีระบบ Cruise Control แปรผันความเร็วตามรถคันหน้า เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีมาให้แล้ว โดยยังมีอัตราความประหยัดด้อยกว่าเล็กน้อย และไม่รองรับน้ำมัน E20

การเทียบสเปคคราวนี้ เป็นการเทียบเฉพาะรุ่นล่างสุดเท่านั้น เพื่อดูว่าส่วนต่าง 1 แสนบาทนั้น จะได้อุปกรณ์มากน้อยกว่า พร้อมดูความแตกต่างของออพชั่นปลีกย่อย ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ จนตอบไม่ได้ว่าใครดีกว่า ขึ้นอยู่กับความชอบแต่ละคนว่าต้องการใช้สเปคของรุ่นไหนบ่อยกว่ากัน เพราะอุปกรณ์บางอย่าง ไม่สามารถหาซื้อมาติดตั้งเพิ่มได้ในภายหลัง ดังนั้นอาจจะต้องยอมเพิ่มเงิน เพื่อให้ได้ออพชั่นที่ตรงกับการใช้งานของแต่ละท่านครับ