2020 Nissan Kicks (2020 นิสสัน คิกส์) ทำยอดขายในเดือนสิงหาคมรั้งอันดับที่ 5 ของกลุ่มรถเอสยูวี-บี ถือเป็นผลงานที่น่าผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถที่จำหน่ายมานานหลายปีอย่าง Honda HR-V
กระแสของ All-New 2020 Kicks เป็นที่ฮือฮาอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ด้วยการมาพร้อมเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าที่มีเครื่องยนต์ช่วยปั่นไฟขยายระยะทางขับเคลื่อน รูปลักษณ์ภายนอกที่พอไปวัดไปวาได้ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกไม่น้อยหน้าคู่แข่ง และห้องโดยสารที่มีความสดใหม่
แต่กระนั้นตัวเลขยอดขายของ 2020 Kicks กลับไม่สดใสอย่างที่ Nissan วาดหวังไว้ สาเหตุเกิดจากอะไรมาหาคำตอบกัน
ตลาดรถเอสยูวี-บี เดือนสิงหาคม |
รุ่น |
ยอดขาย |
Toyota Corolla Cross |
2,124 คัน |
MG ZS |
1,086 คัน |
Mazda CX-30 |
825 คัน |
Honda HR-V |
771 คัน |
Nissan Kicks |
371 คัน |
เปิดตัวมาแรงแต่ประสบปัญหาด้านการผลิต
Nissan เปิดตัว Kicks อย่างยิ่งใหญ่ผ่านช่องทางออนไลน์ ก่อนที่จะเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะในอีกไม่กี่วันต่อมา กระแสของรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นนี้ถูกจุดติดขึ้นมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมไปจนถึงต้นเดือนมิถุนายน คอรถยนต์ในประเทศไทยมีการพูดถึงระบบ e-Power ที่เป็นของใหม่ในบ้านเรากันอย่างคึกคัก ถือว่าประสบความสำเร็จในด้านการทำประชาสัมพันธ์
แต่ในด้านการผลิต Nissan กลับประสบปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนสำหรับการผลิต Kicks ที่โรงงานในประเทศไทยอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถไปถึงโชว์รูม ลูกค้าได้แต่สัมผัสตัวรถผ่านออนไลน์และแผ่นพับโบรชัวร์นานหลายเดือน และกว่าจะได้ส่งมอบคันแรกให้ลูกค้าก็ต้องรอจนถึงต้นเดือนสิงหาคมเลยทีเดียว
ชนโครมเข้ากับ Toyota Corolla Cross
ระหว่างที่ Nissan ง่วนอยู่กับการสะสางอุปสรรคด้านการผลิต คู่แข่งระดับพระกาฬอย่าง Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) ได้เปิดตัวออกสู่ตลาดในวันที่ 9 กรกฎาคม โดดเด่นด้วยมิติตัวถังที่ใหญ่กว่าใครเพื่อน มีระบบขับเคลื่อนทั้งเบนซินธรรมดาและระบบไฮบริดให้ลูกค้าได้เลือกสรร พร้อมเคาะราคาจำหน่ายที่ไม่สูงไปกว่าคู่แข่งร่วมเซกเมนท์อีกด้วย
เรียกได้ว่า Corolla Cross มีความครบเครื่องเรื่องเจ้าตลาดอย่างแท้จริง ทำให้ยอดขายในเดือนสิงหาคมทะยานนำเป็นอันดับ 1 มากกว่าคู่แข่งอันดับ 2 อย่าง MG ZS กว่าเท่าตัว
ผู้บริโภคบางส่วนยังไม่มั่นใจในระบบขับเคลื่อน e-Power
กรมสรรพสามิตจัดให้ Nissan Kicks เป็นรถไฮบริด แต่จริง ๆ แล้วรถรุ่นนี้มีการทำงานแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเครื่องยนต์ขยายระยะทางขับเคลื่อน (range-extended EV) ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าดึงพลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อขับเคลื่อนล้อโดยตรง และมีเครื่องยนต์สันดาปภายในบล็อก 3 สูบ 1.2 ลิตรช่วยผลิตกระแสไฟป้อนเข้าสู่แบตเตอรี่อีกทางหนึ่ง โดยไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟแต่อย่างใด
ฟังเผิน ๆ เท่านี้ ผู้บริโภคหลายคนก็อาจเมินหนีได้ทันควันเพราะช่างดูซับซ้อนเสียเหลือเกิน อาจเกิดคำถามในใจว่าเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างเดียวได้ด้วยหรือ แล้วทำไมถึงไม่ส่งกำลังสู่เพลาขับเหมือนกับรถยนต์แบบอื่น ๆ
จึงไม่น่าแปลกใจที่หลังจากการเปิดตัวจะมีการรายงานข่าวประเภท “เจาะลึกทางเทคนิค” หรือ “ชำแหละสเปก” ระบบขับเคลื่อน e-Power ใน Kicks กันมากมายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในบ้านเรา ถึงแม้ระบบ e-Power นี้จะมีจำหน่ายมานานหลายปีแล้วในต่างประเทศ แต่สำหรับเมืองไทยยังถือเป็นของใหม่ และจะเป็นการบ้านที่หนักหนาสาหัสของ Nissan ในการผลักดันเทคโนโลยีนี้ให้ได้รับความนิยมมากขึ้น
ความเชื่อมั่นในแบรนด์ Nissan ลดลง
ปัจจัยหลายข้อทำให้ยอดขายรถยนต์ Nissan หดตัวมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีการเปิดตัว Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) ที่มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมแต่ก็ไม่สามารถกระตุ้นการเติบโตได้ หากไม่นับปัจจัยภายนอกอย่างไวรัสสายพันธุ์ใหม่ รถยนต์หลายรุ่นของ Nissan มีอายุค่อนข้างมาก อยู่ในตลาดมานาน และทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็น Note (นิสสัน โน๊ต) Navara (นิสสัน นาวาร่า) หรือ Terra (นิสสัน เทอร์ร่า)
Nissan ยังเพิ่งประกาศยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ 3 รุ่น ทั้ง Sylphy, Teana และ X-Trail สร้างคำถามในใจผู้บริโภคว่าค่ายรถจากแดนอาทิตย์อุทัยยังคงมีความมุ่งมั่นกับตลาดเมืองไทยอยู่หรือไม่ ถึงแม้พวกเขาจะยืนยันนอนยันว่าจะหันไปเน้นรถขนาดเล็ก รถพลังงานทางเลือก และรถกระบะแต่ก็ตาม
สรุป
ความสำเร็จที่ยังมาไม่ถึงของ 2020 Kicks อาจทำให้ Nissan ต้องทบทวนแผนงานใหม่ในการรุกตลาดเมืองไทยด้วยระบบขับเคลื่อนพลังงานทางเลือกทางเลือก แน่นอนว่าพวกเขาทุบหม้อข้าวทิ้งไปแล้ว หนทางเดียวก็คือต้องเดินหน้าเต็มตัวต่อไป แต่ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อนำมาซึ่งความสำเร็จ
อีวาน เอสปิโนซา รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ระดับโกลเบิลของ Nissan เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า e-Power มีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในเมืองไทยที่ยังขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐาน อย่างจุดชาร์จไฟสาธารณะที่ยังไม่ทั่วถึง ขณะเดียวกัน ยังไม่ต้องเสียเวลาเสียบปลั๊กชาร์จไฟเป็นเวลานานเหมือนกับรถอีวีทั่วไป
เราก็ได้แต่หวังว่าวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร Nissan จะช่วยให้บริษัทฯ มุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องและประสบความสำเร็จ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้ว ถนนทุกสายในอนาคตล้วนมุ่งสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทั้งสิ้น