เอ็มจี (MG) แบรนด์รถเชื้อชาติจีน สัญชาติอังกฤษ ที่เปิดตัวในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องด้วยการทำราคาที่ดุดัน ออพชั่นที่เต็มคัน ซึ่งพวกเขามีรถยนต์ที่ทำตลาดในเมืองไทยมากมายหลายรุ่น บางรุ่นก็ทำยอดจำหน่ายไปมากมาย บางรุ่นก็เรียกว่าหืดขึ้นคอ
แต่สำหรับเอสยูวีรุ่นเล็กที่ทำตลาดมานานอย่างเอ็มจี แซดเอส (MG ZS) ถือเป็นสินค้าหลักที่ทำยอดขายให้กับแบรนด์เป็นกอบเป็นกำนับตั้งแต่การเปิดตัว จนกระทั่งพวกเขาตัดสินใจเปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการปรับปรุงหน้าตาและอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ เข้าไปมากมาย
New 2020 MG ZS คือรถเอสยูวีขนาดเล็กที่ได้รับการปรับปรุงรูปร่างหน้าตาให้สดใหม่ ลดเหลี่ยมมุมเน้นความโค้งมน การเปลี่ยนระบบส่งกำลัง รวมไปถึงการเพิ่มของเล่นใหม่ ๆ เข้าไป และยังสามารถคุมราคาเอาไว้อย่างยอดเยี่ยมใน 3 รุ่นย่อย ตั้งแต่ 6.89-7.99 แสนบาทเท่านั้น
และนี่คือข้อดี-ข้อเสียของ 2020 เอ็มจี แซดเอส ที่ควรคิดถึงก่อนตัดสินใจซื้อในท้ายที่สุด
7 ข้อดีสนับสนุนการซื้อ 2020 MG ZS
1.ราคาเท่าอีโคคาร์แต่ได้ของมากกว่า
ราคาจำหน่ายรุ่นท็อปที่ 7.99 แสนบาทนั้น เท่กับราคาจำหน่ายของอีโคคาร์ เฟสสอง รุ่นท็อป โดยที่แซดเอสนั้นมีห้องโดยสารที่ใหญ่กว่า ห้องบรรทุกสัมภาระที่ใหญ่กว่า ขณะที่ของเล่นและระบบต่าง ๆ ที่ให้มานั้นถือว่าไม่เป็นรองใครหน้าไหนทั้งสิ้นในตลาด
2.หน้าตาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม้จะเป็นรถรุ่นปรับปรุงโฉม แต่ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเอ็มจีทำการปรับหน้าตาของแซดเอส ด้วยการเปลี่ยนกระจังหน้าและชุดโคมไฟหน้าแบบใหม่ ทำให้รถคันนี้ดูเป็นวัยรุ่นมากขึ้น ลบสันเหลี่ยม ๆ และเพิ่มความโค้งมนรอบคันแทน
3.อุปกรณ์ภายนอกมาแบบปังปัง
ไม่ใช่แค่ชุดโคมไฟและกระจังหน้า เอ็มจียังเพิ่มประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ นอกตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้าแบบแอลอีดีโปรเจคเตอร์ ที่มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ระบบไฟท้ายและไฟส่องสว่างกลางวันก็เป็นแบบแอลอีดี และรุ่นท็อปยังมาพร้อมล้ออัลลอย 17 นิ้วอีกด้วย
4.ห้องโดยสารแบบทูโทนหรูหรา
เพิ่มความสปอร์ตและหรูหราให้กับห้องโดยสารขนาดใหญ่ด้วยสีทูโทน หน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้วด้านหน้าคนขับ จอแสดงผลกลาง 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อมากมาย และมาพร้อมระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล ที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นขนาดเล็ก (PM2.5) ได้อีกด้วย
5.ระบบส่งกำลังใหม่ลื่นกว่าเดิม
เอ็มจีเปลี่ยนระบบส่งกำลังของรถคันนี้มาใช้เกียร์อัตโนมัติซีวีที 8 จังหวะ ทำงานคู่กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ซึ่งเกียร์ลูกใหม่ส่งผลให้การส่งกำลังทำได้ราบรื่นขึ้น
6.ช่วงล่างและพวงมาลัยที่น่าใช้
ช่วงล่างแบบยูโร จูนนิ่ง ที่ให้การทรงตัวอย่างดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่น บีม ทำให้การควบคุมในการขับขี่มีความลงตัวมากขึ้น ผสานกับโหมดการเลือกปรับพวงมาลัยที่ทำได้ถึง 3 โหมด
7.เพิ่มอุปกรณ์เต็มพิกัด
จากเดิมที่แซดเอสมาพร้อมไอ-สมาร์ทที่ทันสมัยสุด ๆ ก็ถือว่าล้ำมากแล้ว พวกเขายังติดตั้งระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการไหลของรถ เป็นอุปกรณ์ใหม่ มาพร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 360 องศา สัญญานเตือนระยะถอยหลัง ระบบไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
3 สิ่งที่ต้องคิดสักนิดก่อนซื้อ
1.การตอบสนองที่ยังแพ้คู่แข่ง
แน่นอนว่าการแก้ปัญหาความอืดของรถรุ่นก่อนหน้าด้วยการเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่น่าจะทำให้รถคันนี้มีการตอบสนองที่ดีขึ้น แต่เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 114 แรงม้านั้น ไม่เพียงพอที่จะสร้างความปราดเปรียวให้กับตัวถังขนาดใหญ่น้ำหนัก 1.2 ตัน ในการลากเลื้อยไปตามท้องถนนอย่างแน่นอน
2.การเก็บเสียงในตัวรถที่ยังดังอยู่
เป็นปัญหาดั้งเดิมมาจากรถรุ่นแรก ด้วยความใหญ่ของรถ การออกแบบรูปทรงเหลี่ยมสันดูต้าน ทำให้แซดเอสมีเสียงลมปะทะค่อนข้างรุนแรงที่ความเร็วปานกลางขึ้นไป และเสียงจากใต้ท้องรถนั้นก็ถือว่าดังพอใช้ได้ ถ้าชอบรถที่เงียบกว่านี้อาจจะต้องมองหาทางเลือกอื่น
3.การให้บริการหลังการขายที่ขึ้นชื่อ
ด้วยความเป็นแบรนด์รถยนต์ใหม่ที่เข้าสู่ประเทศไทยไม่นาน แน่นอนว่าเอ็มจีเองก็ยังมีปัญหาเรื่องศูนย์บริการให้ต้องแก้ไขปรับปรุง และมีข่าวลือออกมาเป็นระยะเรื่องของความไม่เชี่ยวชาญของช่างฝีมือและระยะเวลาการรออะไหล่ที่นานอยู่เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น
สายอุปกรณ์ควรพิจารณารถคันนี้
ถ้าถามว่าจุดแข็งของ New 2020 MG ZS คืออะไร คำตอบก็คืออุปกรณ์ที่หลากหลายที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน เอาเป็นว่าคุณไม่สามารถจ่ายเงินไม่ถึง 8 แสนบาท แล้วได้รถที่มีความคุ้มค่า คุ้มราคาที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด หากมองแต่เรื่องของตัวรถล้วน ๆ เพียงอย่างเดียว
ในระดับราคานี้ คุณได้พาโนรามิกซันรูฟแบบเต็มบาน ได้ระบบไอ-สมาร์ทที่นอกจากจะสั่งงานหลายอย่างด้วยเสียงได้ ยังรองรับภาษาไทยอีกต่างหาก แม้ระบบอาจจะยังดูงงงงกับคำสั่งอยู่บ้างในบางครั้ง แต่โดยรวม ๆ ถือว่าดีเลยล่ะ
ปัญหาก็คือเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์และความพร้อมในการดูแลลูกค้าในฐานะแบรนด์ใหม่ในประเทศไทย ที่ยังไม่มีการยืนยันได้ชัดว่ารถคันนี้มีปัญหาอะไรอย่างรุนแรงหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ลูกค้าหลายรายก็ไม่ได้สนใจ แถมซื้อขับกันเต็มถนนประเทศไทยไปหมดแล้วนี่