2022 Haval Jolion HEV (ฮาวาล โจไลอ้อน เอชอีวี) เป็นหนึ่งในสินค้าที่สร้างความวุ่นวายเรื่องชื่อเรียกที่สุด เพราะในตลาดแม่อย่างจีนนั้น พวกเขาใช้ชื่อโจเลียน ที่พ้องมาจากคำว่า First Love ในภาษาจีน แต่เข้าไทยก็จะเรียกเป็นสิงโตสนุกสนานกันซะ

ไม่เป็นไร จะชื่ออะไรก็ได้ โจไลอ้อนก็ไม่เป็นไร สินค้ารุ่นที่ 3 ของเกรทวอลล์มอเตอร์ในประเทศไทย และรุ่นที่ 2 ของแบรนด์ Haval (ฮาวาล) จะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเป็นครั้งแรกของโลกที่มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดแถมยังผลิตในไทย

ด้านรูปร่างหน้าตาอาจจะเคยเห็นกันมาแล้วก่อนหน้านี้ เพราะในตลาดโลกนั้นทำยอดขายถล่มทลายมาเรียบร้อย หลายคนก็ชอบ หลายคนก็บอกงั้น ๆ ล่ะ แต่ครั้งนี้เหมือนฮาวาลเองก็ตั้งเป้าหมายการเปิดตัวเพื่อประกบ Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์-วี) เลย

อย่างไรก็ตาม โจไลอ้อนนั้นมาพร้อมความน่าสนใจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นขนาดของตัวถังที่จัดว่าใหญ่โตกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกันเกือบทั้งหมด เครื่องยนต์ไฮบริดที่ตัวเลขนั้นเหนือกว่าคู่แข่งชัดเจน จนอยากรู้ว่าเมื่อทดสอบจริงจะดีขนาดไหน

เมื่อมีเทียบเชิญ AutoFun Thailand ไปร่วมทริปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจึงไปร่วมด้วย พร้อมได้ทำการทดสอบมาก่อนที่จะได้ขับเอชอาร์-วีสัปดาห์หน้า งานนี้ขอบอกว่าฮาวาลนั้นทำมาตรฐานที่ดีในกลุ่มครอสโอเวอร์ค่าตัวล้านบาทบวกลบเป็นอย่างดี

แต่จะโดนใจผู้บริโภคชาวไทยหรือไม่ มาตามอ่านกัน...

อ่านเพิ่มเติม: 2022 Haval Jolion เอสยูวีรุ่นใหม่จะทำคุณลืมคู่แข่งจากญี่ปุ่นได้หรือไม่?

การออกแบบเพื่อกลุ่มวัยรุ่น เน้นในเมืองและประหยัดน้ำมัน

เอาจริง ๆ หลังการทดสอบนั้นมีหลายเรื่องที่เราต้องคุยกับทีมงานของเกรทวอลล์ในการเซตอัพรถคันนี้ และก็ได้รับคำตอบไปในทิศทางเดียวกัน ว่าตัวรถนั้นออกแบบมาเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเป็นหลัก ทำให้ต้องคิดในเรื่องของสินค้าเป็นพิเศษ

จากสรุปที่คุยมานั้น ต้องบอกว่าทีมงานค่อนข้างจะเน้นย้ำว่ารถคันนี้ออกแบบมาโดยคิดเรื่องของการประหยัดน้ำมันมากที่สุด เพราะฉะนั้น จะไม่ใช่รถที่ให้การตอบสนองปรู๊ดปร๊าด เร่งทันใจอะไรมากมาย แถมยังมีจำกัดในเรื่องของการทำความเร็วด้วย

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถมันเลวร้ายจนถึงขั้นแย่ มันก็มีหลายเรื่องที่จะเป็นข้อดีสำหรับการเลือกใช้งานรถคันนี้ แต่หลาย ๆ อย่าง ก็ต้องให้ลูกค้าเป็นคนพิจารณาและตัดสินว่าจะเลือกใช้รถที่เซตเพื่อเป้าหมายนี้หรือไม่ หรือจะไปออพชั่นคันอื่น ๆ แทน

การตอบสนองที่ไม่เต็มที่เพื่อแลกกับการประหยัดน้ำมัน

แม้จะเป็นเครื่องยนต์ไฮบริดที่เป็นการผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รุ่นเดียวกับ Haval H6 HEV (ฮาวาล เอช6 เอชอีวี) เพียงแต่ไม่มีเทอร์โบ แต่ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ขนาดย่อมกว่า ให้สมรรถนะรถโดยรวมลดหลั่นลงมาเล็กน้อย

ด้วยตัวเลขของกำลังสูงสุดที่ให้มาตามสเปคชีทถึง 190 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร แน่นอนว่าเราทุกคนย่อมต้องคาดหวังการตอบสนองอันดุดัน ตีนต้นจี๊ดจ๊าด ตีนปลายไหล ๆ เพื่อถล่มคู่แข่งกันให้ราบเป็นหน้ากลองให้ครบทุกด้าน

แต่เอาจริง ๆ แล้ว... ต้องบอกว่าเหมือนรถนั้นถูกกั๊กเรื่องของสมรรถนะเอาไว้เกือบทุกด้าน ยกเว้นแค่เรื่องของการประหยัดน้ำมันที่เหมือนจะชูเป็นจุดขายหลัก อันนั้นยอมรับจริง ๆ ว่าเป็นเรื่องที่เอามาใช้เป็นจุดขายได้จริง จากการแอบไปทดสอบของเรา

เอาทีละเรื่อง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น มีโอกาสทำเพียงครั้งเดียวในโหมดมาตรฐาน และได้ตัวเลขมาที่ 10.38 วินาที มากกว่าที่ฮาวาลเคลมเอาไว้ แต่ก็ดีกว่าตัวเลขที่หลาย ๆ คนบอกเอาไว้ก่อนหน้า โดยรวม ๆ ถือว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรในการใช้งาน

ปัญหามันอยู่ที่ หากมาดูในรายละเอียดจะพบว่า 0-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นใช้เวลาไปเพียง 4.38 วินาที ใช่ครับ พอผ่าน 60 ไปแล้ว รถมีอาการตื้อทันทีอย่างชัดเจน และใช้เวลาอีก 6 วินาทีเต็ม ๆ จาก 60-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในการทดสอบที่เราทำมาได้

เกรทวอลล์บอกว่าพวกเขาเซตรถให้มีพละกำลังที่เหมาะสมในการใช้งานในเมืองที่ต้องการการออกตัวที่ดี แต่ไม่ได้เน้นการขับขี่แบบดุดัน ทำให้มีการเซตความเร็วสูงสุดของรถคันนี้เอาไว้ที่ประมาณ 156-158 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่ทุกคนทำกันได้

อ่านมาถึงตอนนี้ทุกคนอาจจะร้องโอ๊ยในใจ แต่เอาจริง ๆ ถ้าไม่ได้มองเรื่องอัตราเร่งและความเร็วสูงสุดที่พูดไป รถคันนี้ถือว่าเป็นรถที่ให้การตอบสนองที่ดีต่อการขับขี่ที่ย่านความเร็วกลาง แถว ๆ 100-140 นี่ถือว่าขับได้สนุกมาก คล่องตัวและไหลลื่น

ถ้ามาถามเรื่องของที่เขามั่นในนักหนาอย่างเรื่องอัตราการประหยัดน้ำมัน เราได้ลองแอบทำการทดสอบมาด้วยการเติมน้ำมันกลับเข้าไปให้เต็มถัง และวิ่งใช้งานจริง ๆ กลับมาแบบไม่มีข้อกำหนด แค่ขับเหมือนการใช้งานจริงมีช้าสลับเร็วไปบนท้องถนน

ระยะทางที่เราวิ่งกลับมา 107 กิโลเมตร ใช้น้ำมันไป 6.205 ลิตร คำนวนออกมาแล้วก็จะออกมาที่ประมาณ 17.24 กิโลเมตรต่อลิตร อันนี้เป็นการทดสอบแบบคร่าว ๆ นะครับ แบกน้ำหนัก 2 คน สัมภาระนิดหน่อย ก็เหมือนการเดินทางแบบปกติทั่วไปเลย

สรุปแล้วถ้าบอกว่าต้องการเซตอัพรถขึ้นมาเพื่อการประหยัดน้ำมันเป็นหลักก็อาจจะเป็นหลักการที่ดี แต่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสมรรถนะแบบจัดเต็มตั้งแต่ต้นจนจบอาจจะต้องหาวิธีการขับขี่ที่เหมาะสมกับตัวเองเสียก่อน ว่าจะกดคันเร่งกันอย่างไร

ช่วงล่างนั้นให้การตอบสนองแบบนุ่ม ๆ แต่ไม่ยวบ คือวิ่งบนถนนสบาย ๆ ผ่านรอยต่อแบบไม่หงุดหงิด เอาไปลงทางฝุ่นแบบเล็ก ๆ ก็ลุยได้เลยแบบไม่ต้องหลบมาก ไม่กระแทกจนน่ากลัว แต่รูดไปมาก ๆ ก็เกิดอาการเหิน ๆ เล็กน้อยแบบครอสโอเวอร์ล่ะ

อ่านเพิ่มเติม: 2022 Haval Jolion HEV ขับเคลื่อนอัตโนมัติ 2+ จอ 12.3 นิ้ว คาดรุ่นท็อปต่ำล้าน แย่งตลาด HR-V/Corolla Cross/Kicks

เราชอบอะไรบ้างในรถคันนี้นอกจากเรื่องเครื่องยนต์

ในรุ่นที่เอามาทดสอบกันในครั้งนี้เป็นรุ่น ULTRA ที่เป็นรุ่นท็อปที่มาพร้อมระบบต่าง ๆ นานามากมาย เรียกว่าเป็นรองรุ่นพี่อย่าง Haval H6 HEV เพียงไม่กี่อย่าง ที่ขาดไปก็คือระบบถอยหลังอัตโนมัติ พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกบางอย่างเท่านั้น

ระบบการขับขี่อัตโนมัติเลเวล 2+ ที่รวบรวมระบบความปลอดภัยและระบบการช่วยเหลือการขับขี่มาอย่างครบครัน ที่จะได้ใช้แน่ ๆ ก็คือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบติดตามรถคันหน้าที่ทุกย่านความเร็ว ที่ทำงานได้ง่ายดาย

ตำแหน่งการโดยสารในรถนั้นแล้วแต่คนชอบ เพราะผมเองค่อนข้างชอบและรู้สึกว่ามันลงตัวดี แต่กับน้องช่างภาพที่ขายาวกว่ากลับรู้สึกว่ามันน่าจะเมื่อยหากนั่งยาว ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการยกพื้นห้องโดยสารมาค่อนข้างสูง เพิ่มให้ลุยได้มากขึ้น

ห้องโดยสารขนาดกว้างขวางโอ่อ่า มีการจัดตำแหน่งที่นั่งที่ดี อุปกรณ์สำหรับการใช้งานครบครันทั้งช่องแอร์และที่ชาร์จไฟด้านหลัง หลังคากระจกแบบเปิดได้พร้อมม่านเลื่อนไฟฟ้า ขณะที่หน้าจอ 12.3 นิ้ว ก็ใหญ่โตใช้งานได้ดีตามาตรฐานที่วางเอาไว้

การออกแบบภายนอกนั้นให้ความอลังการเป็นพิเศษที่ด้านหน้าที่มาพร้อมชุดไฟขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป ด้านท้ายออกแนวเรียบหรูเหมือนรถยุโรปหลายคันมาผสมปนเปกัน การเก็บเสียงลมในรถถือเป็นจุดดีอีกจุดที่ทำได้อย่างไร้ที่ติ

แล้วอะไรที่อยากให้ปรับกันอย่างจริงจัง

ถ้าการเก็บเสียงลมทำได้ค่อนข้างดี การเก็บเสียงจากพื้นถนนก็จะเป็นปัญหาเหมือนกัน เพราะเสียงจากถนนนั้นเข้ามาค่อนข้างมาก เดาว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะยางที่เลือกใช้งานอยู่ ขณะที่บานประตูท้ายแบบไฟฟ้าก็ไม่ได้ติดตั้งมาให้ในรุ่นที่ทำตลาดตอนนี้

เบาะหลังพับแล้วไม่เรียบ ทำให้การเก็บสัมภาระชิ้นใหญ่อาจจะมีปัญหา พวงมาลัยปรับได้แค่ขึ้น-ลง ตำแหน่งของเข็มขัดนิรภัยด้านหน้าปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้ หน้าจอขนาดเล็กที่ดูซีดไปเล็กน้อยไม่สู้แดด และฟังชั่นส์แอนดรอยด์ออโต้ที่ไม่สมบูรณ์

โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบสีของห้องโดยสารรุ่นท็อปที่ดูเลอะง่ายไปหน่อย ตำแหน่งของคอนโซลกลางที่แข็งและวางค่อนข้างติดขา ทำให้เจ็บเวลากระแทก อีกอย่างก็คือรู้สึกว่ารถรักษาระยะห่างจากคันหน้ามากไปเวลาใช้ระบบคุมความเร็วอัตโนมัติ

เอาจริง ๆ ก็รู้สึกว่าหากมองรถในภาพรวมก็ถือเป็นรถอีกคันที่มีภาพรวมที่ค่อนข้างดี แต่จุดที่อยากให้ปรับปรุงเพราะเราก็อยากได้รถที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ต้องยอมรับว่า บางส่วนก็ต้องเก็บไว้ทำการปรับปรุงในอนาคตกันบ้าง จะใส่มาหมดแต่แรก็คงไม่ได้

เรียกว่าหากเทียบกับคู่แข่งในท้องตลาด ฮาวาล โจไลอ้อน ไฮบริด ถือเป็นมาตรฐานใหม่ในหลาย ๆ ด้านที่ทำให้คู่แข่งหลายรายต้องปรับปรุงสินค้าของตัวเองในการทำตลาดแล้ว แต่จะขายดีไหม ก็มีองค์ประกอบอีกหลายด้าน ที่ยังต้องลุ้นกันไปในอนาคต

เดาราคากันหน่อยดีกว่า

ฮาวาล โจไลอ้อน ไฮบริด จะประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ที่พารากอน ฮอลล์ ซึ่งจะเป็นการจัดงานเปิดตัวแบบออฟไลน์อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของแบรนด์ ก่อนที่จะเปิดตัวอีกครั้งในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป

แน่นอนว่าราคานั้นยังคาดเดาไม่ได้ แต่ถ้าถาม AutoFun Thailand เราเดาว่าจากการที่ผู้บริหารบอกว่ารถคันนี้จะเป็นโมเดลที่ทำยอดอย่างมาก การวางราคาที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ จึงน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคกลับมาให้ความสนใจกันจริงจัง

ราคาในใจที่อยากได้ก่อนละกัน 8.59, 8.99, 9.99 แสนบาท ไล่ไปตามลำดับไหล่ ถามว่าทำไมให้รุ่นเริ่มต้นแพง ก็ของมันเต็มพิกัดมาขนาดนั้น จะไปกดราคามากไม่ได้หรอก แต่ถามว่าฮาวาลจะคิดแบบนี้เหมือนกันไหม ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ณ ตอนนี้

ฮาวาลอาจจะขยับราคาอีกนิด กลายเป็น 8.59, 9.59 แสนบาทและ 1.049 แสนบาท ก็ได้เหมือนกัน เพื่อให้มีช่องว่างหากจากรุ่นพี่อีกเล็กน้อย แต่ได้เทคโนโลยีที่เหนือกว่า อันนี้ต้องไปรอวัดใจฮาวาลเลย แต่หวังว่าคงไม่ออกมา 1.099 ล้านบาทให้คนช็อกอีก

ฮาวาลยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขยอดจองที่เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาเปิดตัว ULTRA DEAL ไปมูลค่ากว่า 1.75 แสนบาท ตอนนี้ยังทันนะ ใครอ่านแล้วชอบจะไปลองกดจองเอาไว้ขำขำก่อนก็ได้ ถ้าเปิดราคามาแล้วไม่สู้ ก็ไม่ได้จะเสียสิทธิ์อะไรไปทั้งนั้นนะ

งานนี้ถ้าเปิดมาต่ำล้าน ขายกันถล่มทลายแน่นอน... 

อ่านเพิ่มเติม: ใครคิดจอง 2022 Haval Jolion ต้องศึกษา Ultra Deal โปรพิเศษแค่ 10 วันเท่านั้น!