บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด เปิดตัว 2020 เอ็มจี แซดเอส (2020 MG ZS) ออกทำตลาดประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่นย่อย เริ่มต้นที่รุ่น C+ ราคา 689,000 บาท รุ่น D+ ราคา 739,000 บาท และรุ่นสูงสุด X+ ราคา 799,000 บาท ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 114 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร
2020 เอ็มจี แซดเอส เป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่ผลิตโดยเอ็มจี ออกทำตลาดในกลุ่มรถซับคอมแพ็กต์เอสยูวีขนาดบีเซกเมนท์ในประเทศไทย มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 14 – 15 กม.ต่อลิตร บนตัวถังที่มีน้ำหนัก 1,290 กก.
MG ZS ถือเป็นผลิตภัณฑ์ดาวเด่นของค่ายรถลูกครึ่งอังกฤษ-จีนก็ว่าได้ ด้วยยอดขายสะสมหลายหมื่นคันนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 ล่าสุดได้การปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2020 ที่มาพร้อมความหวังว่าจะสานต่อความสำเร็จไปได้อย่างต่อเนื่อง
มิติตัวถัง
MG ZS |
ความยาว |
4,323 มม. |
ความกว้าง |
1,809 มม. |
ความสูง |
1,653 มม. |
ระยะฐานล้อ |
2,585 มม. |
ระยะต่ำสุดจากพื้น |
170 มม. |
ความจุถังน้ำมัน |
48 ลิตร |
น้ำหนักตัวรถ |
1,290 กก. |
ไฮไลท์
การเปลี่ยนแปลงของ 2020 MG ZS มีหลายส่วนทั้งการออกแบบกันชนหน้า-หลังใหม่ กระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์และไฟท้าย LED ใหม่ รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วแบบทูโทนตามสมัยนิยมที่มีซีรีส์หรืแก้มยางหนาขึ้นเล็กน้อย
การออกแบบภายนอก
ZS ใหม่มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติและไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) มีไฟเดย์ไลท์ หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง ไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับและพับไฟฟ้าอัตโนมัติ มีสปอยเลอร์หลง ราวหลังคา และที่เปิดฝากระโปรงท้ายแบบสปอร์ต
ไฮไลท์ของ ZS ใหม่อยู่ที่แผงหลังคาซันรูฟในรุ่นท็อปที่มีขนาดใหญ่มาก กินเนื้อที่เกือบเต็มบานหลังคา และรองรับการเปิดได้หลายระดับ เหมาะสำหรับการชมวิวยามค่ำคืน แต่ฝากระโปรงท้ายยังไม่มีระบบไฟฟ้ามาให้
รูปลักษณ์ในภาพรวมของ ZS ใหม่น่าจะคุ้นตาหลายคนเพราะมีวิ่งให้เห็นกันมากมายบนท้องถนน การปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้เน้นรักษาความสดใหม่และเพิ่มความทันสมัยเพื่อการต่อกรกับคู่แข่งตัวฉกาจในระดับเดียวกัน โดยเฉพาะ Honda HR-V และ Nissan Kicks e-Power ที่เปิดตัวออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
การออกแบบภายใน
การตกแต่งภายในห้องโดยสารใช้สีดำในรุ่นเริ่มต้น ส่วนรุ่นกลางและรุ่นท็อปใช้สีน้ำตาลสลับดำ ตกแต่งภายในด้วยวัสดุ Soft Touch ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสง มีที่พักแขนด้านหน้า พวงมาลัยหุ้มหนัง
การใช้สีทูโทนทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารมีความพรีเมียมมากขึ้น เบาะหลังพับได้ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระ เติมกลิ่นอายความสปอร์ตน่าใช้ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบขอบล่างตัดตรง เบรกมือถูกเปลี่ยนเป็นแบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
ไฮไลท์ในค็อกพิทของ ZS ใหม่คือการเพิ่มฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกเข้ามามากมาย ทั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว มีช่อง USB เพิ่มเติม รวมถึงระบบ i-Smart รองรับการสั่งการภาษาไทยที่ทาง MG ภาคภูมิใจนำเสนอเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่และตัวรถสื่อสารเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยสามารถตรวจสอบสถานะรถยนต์ สั่งการและค้นหารถ Find My Car มีระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์ ระบบขอบเขตอิเลคโทรนิกส์ ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ ตลอดจนระบบวางแผนการเดินทาง ฟังก์ชั่นควบคุมแอร์ผ่านสมาร์ทโฟน และระบบเลขาส่วนตัว ทั้งหมดเป็นที่มาของการสร้างสรรค์แนวคิดการตลาดว่าเป็นรถ “สมาร์ทเอสยูวี” หรือ “รถเอสยูวีอัจฉริยะ”
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว
- ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อม Push Start
- กรองอากาศ PM 2.5
- ช่องจ่ายไฟ 12V / ระบบกุญแจรีโมท / ไฟส่องแผนที่
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
- หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว
- จำนวนช่องเชื่อมต่อ USB 5 ตำแหน่ง
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ
- ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay
- ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย สมาร์ทโฟนระบบ Android
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัย
- ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก EBA
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit)
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองหลัง
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง
- สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ระบบขับเคลื่อน
MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 15S4C DOHC บล็อก 4 สูบ 16 วาล์ว VTi – TECH ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี พละกำลังสูงสุด 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ 8 สปีด
สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบาย
ขุมพลังขับเคลื่อนของ 2020 ZS ยังคงเป็นบล็อกเดิม แต่เปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่ จากเดิมเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดเป็นแบบซีวีทีซึ่งช่วยให้อัตราเร่งของรถเอสยูวีรุ่นนี้มีความไหลลื่นและต่อเนื่องมากกว่าเดิม แต่กระนั้นก็ยังมีอาการอืดในช่วงออกตัวอยู่บ้างเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน
ระบบช่วงล่างมีความนุ่มนวลพอสมควร การขับขี่ผ่านเส้นทางขรุขระยังพอให้ได้รับรู้ถึงแรงสะเทือนตามสไตล์รถยนต์ MG แต่ความรู้สึกในภาพรวมถือว่าให้ความสะดวกสบายพอตัวและเหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ขณะเดียวกัน การยึดเกาะถนนก็ทำได้ดีและยืนอยู่แถวหน้าในเซกเมนท์นี้เลยทีเดียว
พวงมาลัยมีความหนืดที่เหมาะสมสำหรับการขับซอกแซกในเมือง และมีน้ำหนักกำลังดีที่ให้ความมั่นคงในการขับทางไกล แก้มยางที่หนาขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ส่งผลต่อเสียงรบกวนที่ดังอยู่ในระดับมาตรฐาน ไม่ได้ตึงตังจนน่ารำคาญแต่อย่างใด
อัตราความประหยัดน้ำมัน
2020 MG ZS มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 14 – 15 กม.ต่อลิตร
สรุป
เห็นได้ชัดว่าจุดเด่นของ 2020 MG ZS คือราคาจำหน่ายที่ย่อมเยากว่าคู่แข่ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกแทบจะล้นคันเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวที่ไม่ถึง 8 แสนบาท ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องแล้วสำหรับแบรนด์รองอย่าง MG ที่ประเคนฟังก์ชั่นต่าง ๆ มาให้ได้ใช้กันอย่างครบครัน และยังตอบสนองไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
กลยุทธ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จ ดังจะเห็นได้จากยอดขายรถยนต์ ZS ที่ทะยานติดท็อป 3 ในกลุ่มนี้ได้อย่างภาคภูมิ แสดงให้เห็นว่าลูกค้าในเมืองไทยพร้อมจะเปิดใจใช้รถยนต์แบรนด์รองที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดด้อยของ ZS คือความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ ตลอดจนบริการหลังการขายที่ยังคงต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างฐานรากความสำเร็จที่มั่นคงและยั่งยืนในตลาดเมืองไทย