บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอ 2020 Mercedes-Benz GLS 350d (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส 350ดี) เคาะราคาจำหน่าย 8,859,000 ล้านบาท มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พละกำลัง 286 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC แบบ 9 สปีด พร้อม DYMANIC SELECT มีทั้งหมด 5 โหมดการขับขี่
2020 เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส 350ดี 4เมติก เป็นรถเอสยูวีฟูลไซส์ ออกทำตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ในประเทศไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2562 อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 11 กม.ต่อลิตร บนน้ำหนักตัวถังประมาณ 2,490 กก.
2020 Mercedes-Benz GLS 350d 4 Matic เปิดตัวออกมาพร้อมกับตัวถังขนาดใหญ่โตที่สุดรุ่นหนึ่งในระดับเดียวกัน ติดตั้งเบาะนั่ง 3 แถว สะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทุกคน
รถเอสยูวีขนาดใหญ่รุ่นนี้ไม่เพียงเหมาะสำหรับผู้บริหารระดับสูงที่มีโชเฟอร์ แต่ยังรองรับการใช้งานของพ่อบ้านที่ชื่นชอบการขับรถพาสมาชิกครอบครัวเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ จะมีอะไรน่าสนใจมากน้อยเพียงใด เราไปชมกันเลย
มิติตัวถัง
2020 Mercedes-Benz GLS 350d 4 Matic |
ความยาว |
5,207 มม. |
ความกว้าง |
1,956 มม. |
ความสูง |
1,823 มม. |
ระยะฐานล้อ |
3,135 มม. |
ปริมาตรห้องสัมภาระ |
470-2,400 ลิตร |
ไฮไลท์
เบื้องหลังการขับขี่ที่สะดวกสบายของ GLS 350d คือช่วงล่างแบบ AIRMATIC Package ผสานระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟเข้ากับระบบกันสะเทือนด้วยถุงลมอันทันสมัย ผลลัพธ์ที่ได้คือช่วงล่างที่นุ่มนวลแบบอัจฉริยะซึ่งสามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่ ความเร็ว และการบรรทุกสัมภาระได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจึงได้รับประโยชน์จากเสถียรภาพในการขับขี่ซึ่งมาพร้อมกับความสะดวกสบายชั้นหนึ่งไม่ว่าจะบนเส้นทางที่ดีหรือแย่
การออกแบบภายนอก
ถึงแม้ตัวรถ 2020 Mercedes-Benz GLS 350d 4 Maticจะมีขนาดยาวถึง 5.2 เมตร แต่ก็ไม่ได้ดูเทอะทะด้วยดีไซน์ที่เน้นความทันสมัย ผสมผสานความเฉียบคมและโค้งมนของเส้นสายรอบคันได้อย่างลงตัว ไฟหน้าเป็นแบบ MULTIBEAM LED มีระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS-Active Light System) และระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้งและระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ปรับและพับไฟฟ้า ไฟเดย์ไลท์และไฟเบรก LED มีไฟส่องทางใต้กระจกมองข้างรูปตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz
ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติแบบแฮนด์ฟรี หลังคาพาโนรามิกซันรูฟไฟฟ้า กันชนหน้า-หลังดีไซน์สปอร์ต สัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรก บันไดข้างดีไซน์สปอร์ต ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 21 นิ้ว หุ้มด้วยยาง 275/45 R21 ที่คู่หน้าและ 315/40 R21 ที่คู่หลัง
การออกแบบภายใน
ภายในหรูหราและล้ำสมัยเช่นเดียวกับภายนอก มีการตกแต่งโครเมียมโครเมียมทั่วทั้งห้องโดยสาร เบาะนั่งแบ่ง 3 แถว โดยเบาะแถวที่ 2 ปรับด้วยไฟฟ้าและพับแยกส่วน 40:20:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 สำหรับผู้โดยสาร 2 คนซึ่งมีความกว้างขวางพอสมควร พื้นที่บรรทุกสัมภาระอยู่ที่ระหว่าง 470-2,400 ลิตรขึ้นอยู่กับการพับเบาะ
เบาะนั่งหุ้มหนัง ส่วนด้านบนของแผงแดชบอร์ดและด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง ARTICO พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอรต หุ้มหนัง nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต รวมถึงพรมปูพื้นพร้อมสัญญลักษณ์ AMG
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย
- ปุ่มสตาร์ท
- ฟังก์ชัน ECO start/stop
- ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT
- หน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ widescreen cockpit
- ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า
- เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟา พร้อมหน่วยบันทึกความจำ
- เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า สามารถปรับองศาการเอนของพนักพิงได้
- ไฟเรืองแสงแอมเบียนท์ในห้องโดยสาร 64 สี
- ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 5 โซน
- ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวา
- ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester
- ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay และ Android Auto
- ช่อง USB Type C ภายในห้องโดยสาร จำนวน 7 ช่อง
- ฟังก์ชันสตาร์ตเครื่องยนต์และระบบปรับอากาศด้วยโทรศัพท์มือถือ (Remote Engine Start)
- เครื่องรับสัญญาณโทรทัศนระบบดิจิทัล
- ปลั๊กไฟ 220 โวลท์ สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่เกิน 150 วัตต์ บริเวณคอนโซลกลางที่นั่งด้านหลัง
- มีระบบสั่งงานด้วยเสียง Hey Mercedes และระบบการสื่อสารและความบันเทิง MBUX อาทิ ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (Mercedes-Benz emergency call) อุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สำหรับบริการ Mercedes me connect ระบบแผนที่นำทางพร้อมบริการ Live Traffic Information ระบบรองรับบริการมัลติมีเดียและความสะดวกสบาย ระบบตั้งค่ารถยนต์ และระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
ระบบความปลอดภัย
- ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
- ระบบแจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ (Exit Warning Function)
- ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist)
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) และระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
- ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind assist)
- ถุงลมนิรภัย 11 ตำแหน่ง ประกอบด้วยด้านหน้า ด้านข้าง ม่านถุงลม และหัวเข่าผู้ขับขี่
- ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP (Electronic Stability Program)
- ระบบป้องกันการลื่นไถล Electronic Traction System 4ETS สำหรับขับเคลื่อน 4 ล้อ
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration Skid Control)
- ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist
- ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
- ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
ระบบขับเคลื่อน
เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบ 6 วาล์วต่อสูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จแบบ 2 สเตจ ขนาด 3.0 ลิตรหรือ 2,925 ซีซี พละกำลังสูงสุด 286 แรงม้าที่ 3,400 – 4,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตรที่ 1,200 – 3,200 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ทำได้ในเวลา 7.0 วินาที ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 227 กม.ต่อชม. ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-TRONIC) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles)
สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบาย
ตัวถังที่มีขนาดใหญ่โตไม่ได้เป็นอุปสรรคในการขับขี่แต่อย่างใด การซอกแซกในเมืองอาจต้องทำความคุ้นชินในช่วงแรก แต่เมื่ออยู่มือแล้วก็สามารถขับขี่ไปได้ตามปกติด้วยความมั่นใจ การออกตัวทำได้ดีด้วยแรงบิดมหาศาลที่รอบต่ำเพียง 1,200 รอบต่อนาทีเท่านั้น
เมื่อความเร็วลอยลำไปแล้ว รถเอสยูวีพี่เบิ้มคันนี้แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่คล่องแคล่ว เทอร์โบชาร์จมีแรงดึงให้ได้สัมผัสกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นไปจนถึงช่วงปลาย ขุมพลังและเกียร์อัตโนมัติทำงานประสานกันอย่างลงตัว ไม่ได้มอบพละกำลังแบบกระชากใจแต่ตอบสนองอย่างนุ่มนวลชวนฝัน
การขับขี่นอกเมืองทำได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วงล่างถุงลมมอบความนุ่มสบายอย่างมาก ถ้าต้องการความแข็งแน่นมากขึ้นก็สามารถปรับไปเป็นโหมด Sport พวงมาลัย ช่วงล่าง และระบบเบรกตอบสนองแบบผู้ดีมีตระกูล ไหลลื่นและนุ่มนวลจนสามารถทำความเร็วได้สูงทั้งบนทางตรงและถนนคดเคี้ยว
การทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลเงียบระรื่นหู เช่นเดียวกับการเก็บเสียงแรงสะเทือนจากถนนและเสียงลมที่เป็นไปตามมาตรฐานรถพรีเมียมจากเยอรมนี เครื่องเสียง Burmester การันตีคุณภาพคับแก้ว เหมาะสำหรับการเดินทางของผู้บริหารระดับสูงหรือครอบครัวที่มีไลฟ์สไตล์แบบลักชัวรี่อย่างแท้จริง
อัตราความประหยัดน้ำมัน
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2020 Mercedes-Benz GLS 350d 4 Matic AMG Premium อยู่ที่ประมาณ 11 กม.ต่อลิตร
สรุป
ราคาค่าตัวระดับ 8.856 ล้านบาททำให้ Mercedes-Benz GLS 350d 4MATIC AMG Premium ขึ้นชั้นรถเอสยูวีซูเปอร์พรีเมียม รองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัยล้นคันมอบอุ่นใจได้ในทุกการเดินทาง
ถ้ามีเงินเหลือกินเหลือใช้ การจะครอบครองรถเอสยูวีไซส์ใหญ่ที่เหมือนเป็น S-Class ยกสูงสักคันก็ไม่ใช่เรื่องผิดกติกาแต่อย่างใด GLS 350d 4MATIC ตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างแน่นอน