Chevrolet Captiva (เชฟโรเลต แคปติวา) มือสองที่เราแนะนำในบทความนี้ เป็นโฉมรหัสรุ่น C100 และ C140 ที่ขายมาอย่างยาวนาน 11 ปี แม้เชพโรเล็ตจะเลิกกิจการในไทยไปแล้ว แต่เรามองว่า เอสยูวีรุ่นนี้ยังมีดีในตัวที่น่าสนใจไม่น้อย และด้วยความที่มีหลายโฉมและหลายรุ่นย่อย เราจึงแนะนำรวมไปเลยว่ามีรุ่นไหนบ้าง โฉมไหนน่าเล่นหรือน่าเลี่ยง มาดูสเปกทุกรุ่นย่อยกันก่อน
Chevrolet Captiva 2007
Chevrolet Captiva พัฒนาโดย GM Daewoo ในเกาหลีใต้ ใช้ดีไซน์จากรถต้นแบบ Chevrolet S3X เปิดตัวปี 2007 ในรหัสรุ่น C100 มีความยาว 4,635 มม. กว้าง 1,850 มม. สูง 1,720 มม. และระยะฐานล้อ 2,705 มม. ตอนแรกมี 4 รุ่นย่อยทั้งเบนซินและดีเซลดังนี้
-
เบนซิน 2.4 2WD
-
เบนซิน 2.4 4WD
-
ดีเซล 2.0 2WD
-
ดีเซล 2.0 4WD
รุ่นย่อยขับเคลื่อน 2 ล้อได้คิ้วซุ้มล้อสีดำเนื้อพลาสติกไม่ทำสี กับล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว ภายในให้เบาะผ้า เครื่องเสียงปุ่มกดธรรมดา
ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็จะได้คิ้วซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถ กับล้อแม็ก 17 นิ้ว ที่ภายในได้เบาะหนัง ใส่หน้าจอดิจิตอล พร้อมเครื่องเสียงใหม่ มีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นด้วย
เครื่องยนต์ Chevrolet Captiva C100
ขุมพลังแบ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร มีกำลัง 136 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 2,200 รอบ/นาที
ส่วนอีกแบบนึงคือดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VCDI มีกำลัง 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที กับแรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์ออโต้ 5 สปีดพร้อมโหมด +- ให้เล่นระดับเกียร์เอง
ข้อดี-ข้อเสีย Chevrolet Captiva C100
ข้อดีของ Chevrolet Captiva โฉม C100 คือ มีความหนึบแน่นพร้อมนุ่มนวลด้วยช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ มีเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งไม่อึดอัด ในรุ่นท็อปสุด ก็จะได้อุปกรณ์ความปลอดภัยครบเครื่อง ดังนี้
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
- ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ
- ระบบกระจายแรงบิด
- ระบบยกช่วงล่างด้านท้ายอัตโนมัติเมื่อบรรทุกของหนัก ฯลฯ
ส่วนข้อเสียก็มีไม่น้อยเลย เช่น แอร์เย็นช้าสู้ความร้อนไม่ทัน ชิ้นส่วนพลาสติกเสื่อมสภาพง่าย ยิ่งในรุ่นเบนซิน 2.4 ลิตร กินน้ำมันสูงกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน อีกทั้งมีออพชั่นน้อยมากเกินไป ดังนั้นหากจะซื้อรถ Chevrolet Captiva มือสองแนะนำข้ามไปตัวท็อปของดีเซลเลยจะดีสุดครับ
ราคามือสอง Chevrolet Captiva C100
เชพโรเลต แคปติว่า มือสอง ในโฉมแรกนั้นราคาขายต่อตกต่ำมากเริ่มต้นอยู่ในระดับ 1 แสนปลาย ๆ ในสภาพพลาสติกกรอบเหลืองทั่วคัน หรืออยากได้สภาพดีปีท้าย ๆ ก็ยังหาได้ในราคา 2 แสนต้น ๆ แต่อย่าคาดหวังว่าจะเจอสภาพสวยราวกับช้างเผือก
อ่านเพิ่มเติม : Chevrolet ปรับดีลเลอร์เป็นศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ
Chevrolet Captiva ไมเนอร์เชนจ์ C140
Chevrolet Captiva ไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกเมื่อปี 2011 ใช้รหัสรุ่น C140 ถูกเปลี่ยนด้านหน้าใหม่หมด เป็นกระจังขนาดใหญ่ 2 ชั้น กับไฟหน้าทรงเหลี่ยมขึ้น เปลี่ยนลายล้อแม็ก เพิ่มขนาดเป็น 17-19 นิ้ว
ส่วนภายในรุ่นท็อป เพิ่มออปชั่นระบบนำทาง เปลี่ยนการตกแต่งใหม่ด้วยสีทูโทน เบจ-ดำ เบาะหนังล้วนทุกรุ่น ทำให้ดูมีราคามากขึ้น เพิ่มถุงลมนิรภัยเป็น 4 ใบ นับว่ามีความเปลี่ยนแปลงเยอะมาก
เครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่หมด
ทางด้านเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตรก็ปรับปรุงใหม่ ให้รองรับน้ำมัน E85 มีกำลังสูงสุดเพิ่มเป็น 168 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 229 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,750 รอบ/นาที
ส่วนรุ่นเครื่องดีเซลออกขายในปีถัดมา มีความจุ 2.0 ลิตรเท่าเดิม แต่เพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 163 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 - 2,750 รอบ/นาที ใช้เกียร์ออโต้ลูกใหม่แบบ 6 สปีด
นอกจากนี้ในปี 2014 ก็มีการปรับอุปกรณ์เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย โดยเพิ่มบันใดข้างเป็นชิ้นเดียวกับตัวรถ และเปลี่ยนลายไฟท้ายใหม่แบบ LED อีกด้วย
ข้อดี-ข้อเสีย Chevrolet Captiva C140
ข้อดีของ Chevrolet Captiva โฉม C140 คือ ปรับปรุงเรื่องอืด ให้มีกำลังเร่งแซงได้อย่างคล่องตัวขึ้น ปรับโช้คอัพให้หนึบแน่นขึ้น เปลี่ยนวัสดุให้แตกน้อยลง เปลี่ยนแอร์เย็นจนพอใจ พร้อมใส่ออพชั่นหรูหราไม่ด้อยกว่าคู่แข่ง
ส่วนข้อเสียของรุ่นใหม่ที่ไฮเทคกว่าเดิมนั้น ต้องแลกมาด้วยค่าอะไหล่ที่แพงกว่ารุ่น C100 เท่าตัว แถมยังมีปัญหากับเกียร์ 6 สปีดลูกใหม่ที่พังง่าย ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ หรือพยายามเลือกคันที่เปลี่ยนเกียร์นุ่ม ไม่กระชาก หากเจอคันไหนเกียร์กระตุก ให้มองข้ามไปได้เลย
Chevrolet Captiva C140 ไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2
Chevrolet Captiva ไมเนอร์เชนจ์ใหญ่ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2016 ปรับทรงกระจังหน้าให้โค้งมนขึ้น เปลี่ยนทรงไฟหน้าให้เรียวแหลมขึ้นอีก ภายในก็ยังเปลี่ยนพวงมาลัยเป็นทรง 3 ก้านทันสมัย ส่วนเกียร์ใช้แบบออโต้ 6 สปีดในรหัส GF6 ปรับปรุงใหม่ ออพชั่นในรุ่นท็อป LTZ เพิ่มความปลอดภัยอีกมากมาย ดังนี้
-
ระบบแจ้งเตือนสิ่งกีดขวางด้านหน้า
-
ระบบเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง
-
ระบบเตือนวัตถุกีดขวางด้านหลัง
-
กล้องมองหลัง
ข้อเสียน้อย ราคามือสองเลยแข็งแรง
ข้อเสียของ Chevrolet Captiva รุ่นปี 2016-2018 ยังไม่มีปรากฎชัดเจน เพราะอายุรถยังน้อย การเสื่อมสภาพจึงไม่ถึงคราวต้องซ่อมหนัก อีกทั้งเป็นรุ่นที่ปรับปรุงข้อเสียจากรุ่นก่อนไปเยอะ จึงเป็นเหตุผลที่ราคามือสองตอนนี้ในสภาพใช้งานบ้าน ๆ ก็ยังเริ่มต้นที่ประมาณ 290,000 บาท ส่วนในโฉม C140 ไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2 ราคาโดดไปแตะ 4 แสนบาทก็มี
ไม่ว่าคุณจะเลือก Chevrolet Captiva โฉมใด ต่างก็มีข้อดีตรงได้ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อให้ความนิ่มสบายกว่าพวกกระบะดัดแปลง PPV โดยแลกมากับอัตราการกินน้ำมันเพิ่มจากคู่แข่งเล็กน้อย ส่วนอู่ซ่อมและอะไหล่มีอย่างแพร่หลาย รองรับไปได้อีก 10 ปีเป็นอย่างน้อย เพราะเชพโรเลตประเทศไทย ยังดูแลบริการหลังการขายอยู่ ทำให้ เชพโรเลต แคปติว่า มือสอง หลายเป็นเอสยูวีที่ไม่ควรพลาดไปลองดูขับสักครั้ง