2022 Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์-วี) ได้ฤกษ์เปิดตัวที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกของโลก หลังจากที่เลื่อนกำหนดการมาจากเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่ผลิตที่อินโดนีเซียจะยังไม่วางจำหน่ายจนกว่าจะถึงต้นปี 2565 ตามที่วางไว้
แม้อินโดนีเซียจะแถลงว่าประเทศของเขาจะเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกรถยนต์รุ่นนี้มากถึง 30 ประเทศทั่วโลก แต่ก็อาจจะไม่ประเทศไทยอยู่ในนั้น เพราะหากจำกันได้ บีอาร์-วี ได้ถูกเปลี่ยนถ่ายการผลิตสำหรับประเทศไทยมาไว้ที่โรงงานไทยเรียบร้อย
เพราะฉะนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ที่สายการผลิตในไทยอาจจะได้เริ่มพร้อม ๆ กับการผลิตในอินโดนีเซีย แต่ที่ต้องติดตามกันให้ดีก็คือ เครื่องยนต์ที่ใช้ในการเปิดตัวที่อินโดนีเซียเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่เคยใช้ใน Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) ที่เราคุ้นเคยกันดี
ในประเทศไทยนั้น หากไม่นับรถรุ่นเดิม ๆ ที่ทำตลาดอยู่ รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของ Honda (ฮอนด้า) ประเทศไทย ไม่มีเครื่องยนต์รุ่นนี้เหลืออยู่แล้ว และหันมาใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบหรือ 1.5 ลิตร เทอร์โบ สำหรับรถยนต์กลุ่มขนาดนี้กันไปจนหมดทุกรุ่น
เพราะฉะนั้นหากบีอาร์-วีมาประกอบในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยจริง ๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่ทางอินโดนีเซียทำการเปิดตัว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นการคาดเดาของ AutoFun Thailand อยู่ ยังไม่ใช่ข้อสรุป
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เราไปดูรถรอบคันแบบละเอียด ๆ กันก่อนดีกว่า...
รูปทรงเปลี่ยนไป ดูบึกบึน แต่ใต้ท้องรถสูงเท่าเดิม
การออกแบบภายนอกของรถนั้นมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ไม่ได้แตกต่างจากตอนเป็นรถต้นแบบอย่าง Honda N7X Concept (ฮอนด้า เอ็น7เอ็กซ์ คอนเซปต์) ด้วยรูปทรงที่ออกแบบไปให้เป็นเอสยูวีมากขึ้น แต่ความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 220 มิลลิเมตรเท่าเดิม
รูปทรงมีความแข็งแกร่งบึกบึนมากขึ้น มาพร้อมเส้นสายที่พาดจากด้านหน้าไปยังด้านท้ายของตัวรถ โคมไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดี ซึ่งดูสวยงามและลงตัวับกระจังหน้า ด้านท้ายมาพร้อมชุดไฟท้ายที่ออกแบบใหม่เช่นกัน
การออกแบบองค์ประกอบของรถเน้นอรรถประโยชน์ในการใช้งาน ติดตั้งไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง พร้อมด้วยแร็คหลังคาขนาดใหญ่ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้วติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ทำให้ภาพรวมของรถดูบึกบึนขึ้นกว่ารุ่นเดิม
ห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง เน้นความสบายสูงสุด
ฮฮนด้าได้ทำการออกแบบห้องโดยสารโดยเน้นไปที่ความสะดวกสบายสูงสุด รองรับผู้โดยสารได้ 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมทั้งการติดตั้งตำแหน่งการชาร์จไฟให้กับผู้โดยสารในทุกแถวที่นั่ง ขณะที่การออกแบบแผงคอนโซลหน้าที่ดูเรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง
จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 4.2 นิ้ว ถูกติดตั้งที่ด้านหน้าของผู้ขับขี่ ขณะที่หน้าจอระบบเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นหน้าจอขนาด 7 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ทั้งบลูทูธ แอปเปิล คาร์เพลย์และแอนดรอยด์ ออโต้ แบบครบครันทุกระบบ
มีการเลือกใช้วัสดุที่เป็นหนังในห้องโดยสารมากขึ้น ในตำแหน่งของที่เท้าแขน แผงประตูและแดชบอร์ด พร้อมการเพิ่มตำแหน่งที่เก็บของและที่วางแก้วน้ำหลายจุด เช่น สามารถวางขวดน้ำได้ 8 ขวด หรือเบาะแถวที่ 3 ที่พับได้ 50:50 เพื่อบรรทุกของเพิ่ม
เครื่องยนต์เดิม เพิ่มเติม Honda SENSING
ฮอนด้ายังคงเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ไอ-วีเทค ที่ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที โดยระบบส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์ซีวีทีรุ่นใหม่ และผ่านมาตรฐายไอเสียยูโร 4
ติดตั้งออพชั่นรุ่นใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และระบบปรับอากาศด้วยรีโมต ระบบล็อกประตูรถเมื่อเดินห่างจากตัวรถ 2 เมตร ฮอนด้าเลนวอชท์ ระบบเปิดประตูโดยไม่ต้องรีโมทและกระจกมองข้างแบบพับปรับได้โดยอัตโนมัติ
และแน่นอนว่าต้องมาพร้อม Honda SENSING ที่รวบรวมระบบอย่างระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนน พร้อมช่วยเบรก ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ
นอกจากนี้ ก็ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ซึ่งเป็นครั้งแรกของฮอนด้า บีอาร์-วี ที่มาพร้อมระบบทั้งหมดที่ว่ามานี้ ทำให้เป็นรถที่มีความปลอดภัยไม่แพ้ความสะดวกสบาย
ฮอนด้ายังให้อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับการใช้งานมาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 6 ลูก เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง พวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์ที่มาพร้อมปุ่มควบคุมมากมาย ทำให้สามารถควบคุมรถคันนี้ได้โดยไม่ต้องละสายตา
5 สีใหม่ เริ่มขายปีหน้า ราคาเริ่มในอินโดนีเซียที่ 5.85 แสนบาท
ฮอนด้าเตรียมวางตลาดบีอาร์-วีใหม่อย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2565 ด้วยสีที่เลือกมาแล้ว 5 สี ประกอบไปด้วยสีขาวมุก ซึ่งเป็นสีใหม่ สีขาวธรรมดา สีเงิน สีเทาและสีดำ ราคาจำหน่ายเริ่มที่ 250 ล้านรูเปียส หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 5.85 แสนบาท
อย่างไรก็ตสาม ยังยากที่จะบอกได้ว่าประเทศไทยจะได้สัมผัสกับรถคันนี้หรือไม่ จะมีอุปกรณ์ครบ ๆ รวมไปถึงถุงลมนิรภัย 6 ใบหรือเปล่า และจะใช้เครื่องยนต์แบบใดในการเข้ามาทำตลาดก็ยังตอบไม่ได้อยู่ดี ต้องรอให้ถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม หากมองว่าตลาดรถยนต์ครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง ที่ถูกแย่งชิงอยู่โดย Mitsubisshi Xpander Cross (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส) และ Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) แถมยังมีข่าว Toyota Avanza (โตโยต้า อแวนซ่า) ออกมาอีกเป็นระยะ
ฮอนด้าก็ไม่น่าพลาดที่จะลงสู่สนามนี่ด้วยเหมือนกัน!!!