2021 Honda City e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี) อีโค่คาร์เครื่องไฮบริดตัวท็อปกับราคา 839,000 บาท นับเป็นรถอีโคคาร์คันแรกที่ทะลุเพดาน 8 แสนบาทในประเทศไทย หลายคนอาจจะคิดว่าแพง ทั้งที่มีรุ่นเบนซินตัวท็อป Turbo RS ราคาถูกกว่า 1 แสนบาท แล้วงานนี้จะเสียเงินเพิ่มเพื่ออะไร บทความนี้รวมคำตอบให้ตัดสินใจง่ายขึ้นแล้วครับ
ภายนอกไม่แทบแตกต่าง
ภายนอกดูเผิน ๆ แล้วมองไม่ออกว่าแพงขึ้นจากเดิม 1 แสนบาท ถ้าสังเกตุดี ๆ จะพบรายละเอียดโลโก้ฮอนด้าที่ด้านหน้าและด้านท้ายรถนั้น มีสีฟ้าตัดขอบด้วย สื่อถึงความเป็นพลังงานสะอาด นอกจากนั้นก็มีโลโก้ e:HEV RS ติดอยู่ที่ฝากระโปรงหลัง นอกนั้นก็ยกชุดแต่งจากรุ่น Turbo RS มาทุกกระเบียดนิ้ว
สีน้ำเงินใหม่
ถ้าคุณจะซื้อ Honda City e:HEV แล้วอยากดูแตกต่างตั้งแต่ภายนอกจริง ๆ ให้เลือกตัวถังสีน้ำเงินออบซิเดียนเท่านั้น ไม่เพียงจะเป็นเหลือบมุกเท่านั้น ยังเป็นเฉดสีที่มีเฉพาะในรุ่นไฮบริด เข้ากับโลโก้สีฟ้าอีกด้วย หากเลือกสีอื่นก็ได้ แต่อาจจะดูซ้ำกับซิตี้เทอร์โบคันอื่น ๆ ในลานจอดรถ ก็เท่านั้นเอง
ภายในเพิ่มเบรคมือไฟฟ้า
คอนโซลทรงเดิม เบาะลายเดิม เพิ่มเติมคือ ตัดเบรกมือตรงกลางรถออกไป แล้วแทนที่ด้วยเบรกมือไฟฟ้า ที่มาพร้อมระบบ Break Hold ที่หลายคนอาจจะชอบใช้ แต่ในรุ่นเบนซินเทอร์โบที่ไม่มีระบบนี้ เวลารถติดก็แค่ผลักเข้า N แล้วดึงเบรคมือ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร
ตัดระบบ Start/Stop ออกไป
ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดนานเกิน 30 วินาทีหรือที่เรียกว่า Start/Stop ถูกตัดออกไปจากเดิมที่มีในรุ่นเทอร์โบ สาเหตุเพราะต้องการเก็บแบตเตอร์รี่เอาไว้เลี้ยงระบบไฮบริดเท่านั้น การไม่มีระบบอื่นมารบกวนการทำงานแบตเตอร์รี่ จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด
มาตรวัดดิจิตอลล้วน ๆ
Honda City e:HEV ได้ใช้มาตรวัดดิจิตอลล้วน ๆ เป็นครั้งแรกในตระกูลนี้ ในหน้าจอแสดงอัตราสิ้นเปลือง ระยะทางขับขี่ ตามสไตล์ความนิยมปัจจุบัน และยังมีกราฟฟิกแสดงการไหลเวียนพลังงานไฟฟ้า เหมือนไฮบริดรุ่นแพง ๆ อีกด้วย
มีแอร์หลังแล้ว
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่ขาดหายไปในรุ่นเทอร์โบ ได้ถูกใส่เข้ามาแล้วในรุ่นไฮบริดนี้ โดยช่องแอร์มาแทนที่ช่องวางแก้วน้ำเดิม ช่วยให้ความเย็นในห้องโดยสาร มากพอที่จะสามารถดูดอากาศเย็นจากในรถเข้าไประบายความร้อนให้กับแบตเตอร์รี่ด้วย
เครื่องแรงขึ้น
เครื่องยนต์ของ Honda City e:HEV เป็นแบบไฮบริด ผสานพลังเบนซิน 1.5 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้า ออกมาเป็นกำลัง 126 แรงม้า แรงบิด 253 นิวตัน-เมตรดูเหมือนเลขแรงม้าจะเพิ่มไม่มาก แต่ตัวเลขแรงบิดมีมากพอที่จะทำให้คุณหน้าตึงเมื่อกระทืบคันเร่งได้เลย
ระบบความปลอดภัยเต็มยศ
รุ่นไฮบริดนี้มีการเพิ่มระบบความปลอดภัย Honda Sensing (ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง) ประกอบไปด้วย
-
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก
-
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
-
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ
-
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ
นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) มาให้ครบถ้วนเหมือนอย่างรุ่นใหญ่ราคาแพง
ประหยัดน้ำมันกว่า
การประหยัดน้ำมัน 27 กม./ล. ถือว่าแตกต่างจากรุ่นเทอร์โบเดิมมาก ที่เคลมไว้ประมาณ 23 กม./ล. ดังนั้นการเพิ่มเงิน 1 แสนบาท นั้นจะได้เงินกลับคืน มาในรูปแบบค่าเชื้อเพลิงลดลงให้เป็นการตอบแทน
สรุปว่าควรเพิ่มเงินดีมั๊ย?
ถ้าชอบความรู้สึกการขับแบบกระชาก แซงแล้วมีแรงดึง ไม่สนใจลูกเล่นไฮเทค กับระบบช่วยเหลือใด ๆ ก็ให้ซื้อรุ่นเทอร์โบไปได้เลย แต่ถ้าชอบฟังก์ชั่นหรูหราที่ใช้งานได้จริง พร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ รุ่นไฮบริดจะให้คำตอบได้ดีกว่า หากไม่กระทบขนหน้าแข้ง หรือถ้าไม่ได้ส่วนลดรุ่นเทอร์โบมากจริง ๆ ล่ะก็ ควรขยับไปรุ่นไฮบริดจะดีกว่า
และย้ำอีกครั้งด้วยว่าควรเลือกสีน้ำเงินเท่านั้นด้วยนะครับ