- การพัฒนาโครงการระยะสั้นที่เห็นผล
- ความลับเบื้องหลังระยะทาง 1,000 กิโลเมตร
- ไม่ได้มีดีแค่ระยะทางวิ่ง แต่ดีงามไปทั้งคัน
Mercedes-Benz VISON EQXX (เมอร์เซเดส-เบนซ์ วิชั่น อีคิวเอ็กซ์เอ็กซ์) คือรถยนต์ต้นแบบที่ถูกเปิดตัวฉลองปี 2565 อย่างเป็นทางการเป็นคันแรกของโลก และมาพร้อมความน่าตื่นเต้นมากมาย ด้วยวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
ความน่าตื่นเต้นของรถทั้งเรื่องของการลู่ลมที่เหนือกว่าใคร ระยะทางวิ่งที่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้อย่างเหนือชั้น เป็นผลมาจากการทำงานอันน่าตื่นเต้นของทีมงานค่ายตราดาว ที่เรียกกันว่าขนกันมาทุกค่ายทุกแผนก เพื่อสร้างสรรค์รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลกคันหนึ่ง
AutoFun Thailand พาไปชมรถคันนี้กันอีกรอบ พร้อมพาไปชมแนวคิด ที่มาและการร่วมมือกันสร้างสรรค์รถยนต์รุ่นใหม่ ที่จะกลายเป็นพื้นฐานในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ที่ขอบอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่เรื่องของระยะทางวิ่งและความสวยงามอย่างเดียว
รู้เอาไว้คุยกับเพื่อนก็ดูเท่ไม่หยอกเลยนะ...
โปรเจกต์ 18 เดือนสู่การรังสรรค์รถยนต์ชั้นยอด
โอลา คัลเลนเนียส นายใหญ่ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ บอกว่าสิ่งที่น่าทึ่งมากสำหรับรถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้าคันนี้ของพวกเขา คือการร่วมมือกันทำงานของคนในองค์กรทุกภาคส่วน ที่รวมไปถึงแบรนด์ในเครืออย่าง Mercedes-AMG (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี) ที่ทำงานร่วมกันกับฝ่ายออกแบบทั้งภายในและภายนอกของรถคันนี้ ทำให้สามารถสร้างรถต้นแบบคันนี้จากศูนย์มาได้จนสำเร็จภายในเวลาแค่ 18 เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเร็วอย่างเหลือเชื่อ
จาก AVTR Concept สู่ EQXX ที่ดูออกมาวิ่งได้จริง
เมอร์เซเดส-เบนซ์เคยทำรถยนต์ต้นแบบไฟฟ้าล้วนมาแล้ว ด้วยการชูดีไซน์และภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง โดยที่คุ้นตาทุกคนดีก็จะเป็น AVTR Concept (เอวีทีอาร์ คอนเซปต์) ซึ่งเป็นการร่วมมือกับภาพยนต์ฟอร์มยักษ์อย่าง Avatar แต่กับการออกแบบ EQXX นั้น พวกเขาทำให้มีภาพลักษณ์ของรถที่สามารถทำการผลิตเพื่อออกมาจำหน่ายได้จริง และติดตั้งเทคโนโลยีที่มีความเป็นไปได้และพร้อมใช้งานเข้าไปทั้งคัน
สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของตัวรถที่ดีที่สุดในโลก
ก่อนการมาถึงของรถคันนี้ รถยนต์ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ 0.189 และอีคิวเอ็กซ์เอ็กซ์นั้นประกาศตัวเลขอยู่ที่ 0.17 ด้วยการออกแบบรูปทรงของรถที่พริ้วไหว การออกแบบช่องดักอากาศที่ชาญฉลาด ทำให้อากาศสามารถไหลวนออกด้านข้างรถได้ รวมถึงมีลิ้นไล่อากาศด้านท้ายที่สามารถเปิด-ปิดได้อีกด้วย ทั้งหมดนี่คือที่มาของการเป็นรถที่ลู่ลมที่สุดในโลกนี้ในปัจจุบัน
จอแสดงผลขนาดยักษ์ ความละเอียดระดับ 8K
สิ่งที่โดดเด่นกว่าใครอีกอย่างสำหรับรถต้นแบบคันนี้ ก็คือการพัฒนาไฮเปอร์สกรีนที่เราคุ้นชินกันดีใน The EQS (ดิ อีคิวเอส) ให้มีความละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม จอไฮเปอร์สกรีนที่ลากยาวตลอดด้านหน้าของคอนโซล มาพร้อมขนาดที่ระบุอย่างเป็นทางการที่ 47.5 นิ้ว โดยมีความละเอียดสูงสุดถึง 8K และยังมีการพัฒนาระบบนำทางแบบ 3 มิติ ที่สามารถใช้งานได้แบบเรียลไทม์เป็นครั้งแรกในโลกอีกด้วย
ห้องโดยสารหรูหราแบบรักษ์โลกของเราสุด ๆ
แม้ห้องโดยสารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอ็กซ์เอ็กซ์ จะให้บรรยากาศที่หรูหราโอ่อ่าเหมือนเดิม แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ใช้วัสดุหนังสัตว์เลยแม้แต่น้อย ทีมออกแบบภายในห้องโดยสารเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติอย่างไม้ไผ่ รากของเห็ดรา และสารสังเคราะห์จากพืชมากมายหลายชนิด เพื่อสร้างสรรค์ห้องโดยสารที่ให้บรรยากาศเหมือนั่งอยู่บนหนังสัตว์ ไม่ทิ้งความหรูหรา แต่รักษ์โลกไม่เบา
การพัฒนาแบตเตอรี่ที่ไม่เพิ่มขนาดแต่เพิ่มประสิทธิภาพ
โจทย์ของการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กก็คือการเพิ่มระยะทางวิ่งโดยไม่เพิ่มขนาดของแบตเตอรี่ ด้วยความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญอย่างเอเอ็มจีที่เน้นการทำรถยนต์สูตรหนึ่งอยู่แล้ว พวกเขาจัดการวางตำแหน่งขององค์ประกอบแบตเตอรี่ใหม่ เพื่อให้แบตเตอรี่ยังคงความจุเอาไว้ได้ แม้จะมีขนาดที่เล็กลง 50% และน้ำหนักเบาลง 30% ก็ตาม ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการจัดการประสิทธิภาพของการใช้พลังงานแล้ว
ความยอดเยี่ยมของการจัดการ และการออกแบบ
ผู้บริหารของค่ายคุยว่ารถยนต์นั้นนี้มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูงถึง 95% หมายถึงมีพลังงานไฟฟ้าที่สูญเสียไประหว่างทางเพียง 5% เท่านั้น นอกจากนี้ ตัวรถก็ออกแบบมาให้เบาเป็นพิเศษด้วยการเลือกใช้ชิ้นส่วนการพิมพ์ 3 มิติเข้ามา รวมถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่อยู่บนกระจกด้านบนหลังคาที่พาดยาวไปตามรถ สามารถเพิ่มระยะทางในการวิ่งให้กับรถคันนี้ได้อีก 25 กิโลเมตร หรือนำพลังงานมาใช้ได้หลายรูปแบบ
ชาร์จไฟ 1 ครั้ง คุณอาจจะขับรถคันนี้ได้ทั้งเดือน
ตัวเลข 1,000 กิโลเมตรดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายการพัฒนาของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อย ตัวรถต้นแบบที่มีการนำระบบปฏิบัติการของเกมมาช่วยออกแบบด้านต่าง ๆ ตัวรถที่เบาด้วยเฟรมการออกแบบรถเอฟวัน ยางแบบแรงต้านทานต่ำ ตัวเลข 10 กิโลเมตรต่อไฟฟ้า 1 กิโลวัตต์ชั่วโมง คือผลงานที่ถูกนำมารวมกันของค่ายรถยนต์ตราดาว เพื่อให้ได้รถยนต์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก
คิดว่าอีกไม่นานก็พร้อมทำตลาดแล้วล่ะ
การพัฒนารถยนต์ต้นแบบที่ดูเหมือนพร้อมจะพลิกเป็นคันจริงของค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำให้บรรดาแฟน ๆ ทั่วโลกถึงขั้นร้องอู้หู และเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ที่ค่ายรถยนต์ตราดาวจะทำการพัฒนาเวอร์ชั่นจัดจำหน่ายออกมาเสียที ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลานานมาก อีกสัก 1-2 ปีก็อาจจะเห็นรถคันนี้ออกมาวิ่งเล่นบนท้องถนนกันแล้ว แต่เมื่อถึงเวลานั้น ราคาจะทำได้สูสีกับคู่แข่งที่ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอยู่หรือไม่ มารอชมกัน