2020 Audi e-tron Sportback (อาวดี้ อี-ทรอน สปอร์ตแบ็ก) รุ่นใหม่เปิดตัวลุยตลาดบ้านเราแล้วด้วยราคา 5.299 ล้านบาท สูงกว่ารุ่น e-tron อยู่ 2 แสนบาทพอดิบพอดี
การเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้า e-tron Sportback ต่อจาก e-tron ที่เผยโฉมเมื่อปีที่แล้วทำให้ Audi กลายเป็นบริษัทรถยนต์รายแรกในประเทศไทยที่จำหน่ายรถอีวี 2 รุ่น เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ที่เพียบพร้อมทั้งความพรีเมียม สปอร์ต และความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ด้วยความที่ e-tron Sportback มีความปราดเปรียวโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น จึงมีราคาค่าตัวสูงกว่ารุ่น e-tron มาตรฐานซึ่งเคาะที่ 5.099 ล้านบาท มาฟังเหตุผลกันว่าทำไมจึงควรควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มเพื่อจับจองรุ่นใหม่
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
Audi e-tron Sportback
Audi e-tron
1. รูปลักษณ์ภายนอกโฉบเฉี่ยวสะดุดตากว่าเยอะ
Audi e-tron Sportback เปิดตัวตามออกมาทีหลัง ไม่เพียงมีความสดใหม่มากกว่า แต่ยังมีความน่าตื่นเต้นและเร้าใจยิ่งกว่าด้วยเมื่อเทียบกับ e-tron
ขนาดตัวถังของ e-tron Sportback แทบจะไม่แตกต่างจากรุ่น e-tron แต่รูปลักษณ์ภายนอกถูกปรับเปลี่ยนใหม่หมดจดเพื่อเน้นความปราดเปรียวแบบรถเอสยูวีคูเป้ เส้นสายมีความไดนามิกมากกว่า โดยเฉพาะแนวกระจกบังลมหน้าที่ลาดเอียงขึ้นไปถึงหลังคาก่อนจะโค้งลงมาถึงประตูท้าย
สำหรับรายละเอียดการออกแบบนั้นมีความคล้ายคลึงกัน กระจังหน้าแบบคลาสสิกถูกอัพเกรดใหม่เป็นแบบซิงเกิลเฟรม สะท้อนเอกลักษณ์ของ Audi อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยชุดแต่งภายนอกสไตล์สปอร์ต S line สปอยเลอร์หลังและขอบประตูอะลูมิเนียม ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่แบบ 10 ก้านขนาด 21 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีส้ม
นอกจากนี้ e-tron Sportback ยังมาพร้อมสีใหม่คือสีเทา Daytona grey pearl effect และสีน้ำเงิน Antigua blue metallic ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่นอกจากสีขาว Glacier white metallic สีเงิน Floret silver metallic สีดำ Mythos black metallic และสีเบจ Siam beige metallic แบบเดียวกับ e-tron สแตนดาร์ด
Audi e-tron Sportback
Audi e-tron
2. ภายในแต่งเติมลุคสปอร์ต
แพ็คเกจ “Interior S line” ของ e-tron Sportback ประกอบด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง Valcona คุณภาพสูง ให้ผิวสัมผัสที่ละเอียดนุ่มนวล เบาะนั่งคู่หน้าแบบ S Sports ตกแต่งแบบ diamond cut พร้อมสัญลักษณ์ S line พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันท้ายตัดหุ้มหนังแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ S line และ Paddle shift
ห้องโดยสารของ Audi e-tron Sportback รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง แต่ด้วยความที่ตัวรถเน้นความโฉบเฉี่ยวจึงมีพื้นที่เหนือศีรษะน้อยกว่ารุ่น e-tron ประมาณ 20 มม. อย่างไรก็ตาม รูปทรงที่ปราดเปรียวแบบรถสปอร์ตคูเป้ไม่ได้ส่งผลต่อพื้นที่จัดเก็บสัมภาระมากนัก ความจุด้านท้ายยังมีความกว้างขวางที่ 615 ลิตรและเมื่อพับเบาะหลังลงจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,665 ลิตร
3. ช่วงล่างแบบ Sports adaptive air suspension
ระบบขับเคลื่อนของ e-tron Sportback ยกมาจาก e-tron รุ่นมาตรฐาน ประกอบด้วยแบตเตอรี่ขนาด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวรีดพละกำลังรวมกันที่ 360 แรงม้า แรงบิด 561 นิวตันเมตร โดยมีโหมด Boost ซึ่งอัพพละกำลังของมอเตอร์ให้เพิ่มขึ้นเป็น 408 แรงม้า แรงบิด 664 นิวตันเมตรภายในเวลา 8 วินาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม.ต่อชม. อยู่ที่ 5.7 วินาทีเท่านั้น
ที่น่าสนใจก็คือ e-tron Sportback มาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบ Sports adaptive air suspension ผสมผสานความนุ่มนวลและความสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้ช่วงล่างถุงลมปรับระดับได้เพื่อรองรับการขับขี่แบบไดนามิก
Audi e-tron Sportback
Audi e-tron
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });