Nissan (นิสสัน) ประกาศปรับโครงสร้างการดำเนินงานระดับภูมิภาคใหม่ทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือการควบรวมการปฏิบัติงานระหว่างญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การปรับโครงสร้างใหม่เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ Nissan Next ซึ่งมีเป้าหมายสร้างความคล่องแคล่วและรวดเร็วในการดำเนินงานภายในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า โดยขอบเขตการปฏิบัติงานจะลดลงจาก 7 ภูมิภาคเหลือ 4 ภูมิภาคทำให้องค์กรโดยรวมสามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยความปราดเปรียว (lean) มากขึ้น

การลดขอบเขตการปฏิบัติงานทำให้หลายภูมิภาคต้องมีการควบรวมกัน อย่างโอเชียเนีย (ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) จะแยกตัวออกจากอาเซียนและเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทวีปยุโรปและแอฟริกา ขณะที่ตะวันออกกลางและอินเดียจะผนึกกำลังกันเป็นภูมิภาค AMIEO

ขณะเดียวกัน อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้จะรวมเข้าเป็นภูมิภาคหนึ่งเดียว ขณะที่การปฏิบัติงานในตลาดจีนไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยังคงดำเนินธุรกิจแบบแยกส่วนประเทศเดียวเหมือนเดิม

ภูมิภาคอาเซียนรวมเข้ากับญี่ปุ่น

ประเด็นที่น่าจับตามองก็คือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน หลังจากแยกกับโอเชียเนียแล้วจะรวมเข้ากับการปฏิบัติงานในประเทศญี่ปุ่น โดยมีผู้บริหารสุภาพสตรีอย่างอาซาโกะ โฮชิโนะ นั่งเก้าอี้ประธานใหญ่ (chairwoman) ดูแลการปฏิบัติงานของกลุ่มญี่ปุ่น-อาเซียน

สิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไปก็คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการรวมการปฏิบัติงานญี่ปุ่น-อาเซียน โดยเฉพาะการทำตลาดผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในอนาคต คำถามคือผู้บริโภคบางส่วนในอาเซียน รวมถึงไทยมีลุ้นที่จะได้ใช้รถเล็กน่ารักอย่างเคคาร์ (kei car) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแดนอาทิตย์อุทัยหรือไม่

คำตอบก็คือ ความเป็นไปได้ที่ลูกค้าในภูมิภาคนี้จะได้ใช้เคคาร์นั้นแทบจะเป็นศูนย์ เพราะความต้องการใช้งานรถยนต์ในตลาดญี่ปุ่นและอาเซียนมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

อย่างไรก็ตาม เราจะได้ใช้รถขนาดเล็กและรถพลังงานทางเลือกรุ่นใหม่ของ Nissan ในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งประกาศออกมาหลังจากการยกเลิกจำหน่าย Sylphy, Teana และ X-trail ในไทย

สำหรับประโยชน์ของการ “บูรณาการ” การปฏิบัติงานระหว่างญี่ปุ่น-อาเซียน รวมถึงในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก คือการย่นระยะเวลาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การเพิ่มความเร็วในการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในรถโปรดักชั่น รวมถึงการโอนถ่ายนวัตกรรมระหว่างภูมิภาคที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น