เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา MG (เอ็มจี) ได้เปิดตัว MG6 XPower limited edition (เอ็มจี6 เอกซ์พาวเวอร์) ในฐานะรถต้นแบบที่เป็นการจับเอาเทคโนโลยีจากสนามแข่งมานยัดใส่ในรถบ้าน
ล่าสุด SAIC Motor จากประเทศจีนเตรียมจำหน่ายรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการแล้ว ใส่ขุมพลังไฮบริดเทอร์โบ 305 แรงม้า เตรียมเปิดวางจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ที่ประเทศจีน จำกัดจำนวนเพียง 100 คันต่อเดือนเท่านั้น
โดยสนนราคาอยู่ที่ 199,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยตกราว 1,010,000 บาท
MG6 XPOWER เป็นรถรุ่นแรกของค่ายที่ผ่านการปรับแต่งจากโรงงาน มาพร้อมชุดแต่งที่ดูสปอร์ตดุดัน ตัวถังใช้พื้นฐานเดียวกับ MG6 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
ดีไซน์ภายนอก
ภายนอกตกแต่งเน้นความสปอร์ต มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED แบบเรียวยาว กระจังหน้าออกแบบให้มีลักษณะเป็นซี่แนวตั้งตกแต่งด้วยสีดำ ใส่กันชนสีดำรอบคัน
ด้านท้ายมีตัว X ซ่อนอยู่ภายในโคม, ใส่ดิฟฟิวเซอร์สีดำตกแต่งด้วยสีแดง, ปลายท่อไอเสียแบบ 4 ท่อ และสปอยเลอร์หลังคาร์บอนไฟเบอร์ขนาดใหญ่ ตีโป่งซุ้มล้อทั้งหน้าและหลังเพื่อรองรับล้อที่ใหญ่ขึ้น
นอกจากนี้ยังติดตั้งคาลิเปอร์สีเขียวแบบ 6-pot จาก 920E พร้อมด้วยจานเบรกแบบเจาะรูช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกและระบายความร้อน โช้คอัพและสปริงที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ MG6 XPOWER โดยเฉพาะ
ใส่ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว ที่ออกแบบก้านให้เป็นรูปตัว X หุ้มยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 ขนาด 245/40 ZR18 มาให้
อ่านเพิ่มเติม MG6 XPower 2020 ต้นแบบตัวแข่ง 350 แรงม้า
ภายในดำดุ
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara เพิ่มความโดดเด่นด้วยการเดินตะเข็บและใช้สายเข็มขัดนิรภัยสีเขียว ติดตั้งเบาะนั่งแบบสปอร์ตที่ประดับด้วยสัญลักษณ์ X POWER โดยกาบประตูจะมีหมายเลขประจำรถระบุเอาไว้เพื่อแสดงถึงเลขที่ของรถคันนี้
ติดตั้งหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว, ระบบนำทางแบบ AR, หน้าจอ 10.1 นิ้ว พร้อมระบบปฏิบัติการ AliOS ที่พัฒนาโดย Alibaba Group, ระบบนำทาง Big Data Navigation 3.0, ระบบเสียง ARKAMYS Ultra-luxury ลำโพง 6 ตำแหน่ง และกล้องมองภาพรอบทิศทาง
เครื่องยนต์ PHEV
2022 MG6 XPOWER ถูกวางให้เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นแรกในตระกูล XPOWER ของเอ็มจี ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด MG E-DRIVE ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 169 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ EDU II
เมื่อทำงานร่วมกันจะให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 305 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 11.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนได้เป็นระยะทางถึง 70 กิโลเมตร ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มได้ในเวลาราว 3.5 ชั่วโมง
โดย MG เคลมว่ามีอัตราสิ้นเปลืองต่ำเพียง 1.1 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร หรือประมาณ 90.9 กม./ลิตร พร้อมด้วยระบบชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ (KERS) ที่เลือกปรับได้ 3 ระดับ
อ่านเพิ่มเติม MG6 XPower รถซีดานพลังโหดเกิดมาเพื่อพิฆาต BMW M
ระบบความปลอดภัยที่สำคัญ
- Adaptive Cruise Control
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบควบคุมความเร็วเมื่อความเร็วต่ำ
- ระบบตรวจสอบจุดบอดด้านหลัง
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
- ระบบช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลน
- ระบบช่วยคุมให้รถอยู่ในเลน
- ระบบเตือนมุมอับสายตา
- ระบบเตือนขณะถอยหลัง
- ระบบเตือนความผิดปติลมยาง
- กล้อง 360 องศา
โอกาสเข้าไทย
แน่นอนว่าต้องมีคนไทยอยากได้แน่นอน แต่หากคาดเดาแล้วอาจจะยังไม่ใช่ในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจาก MG กำลังจะเปิดขาย MG5 (เอ็มจี5) ที่มีหน้าตาคล้ายกัน แต่ด้วยความจำกัดในการผลิต จึงอาจยังไม่เข้าไทยเร็ว ๆ นี้
ถึงจะเข้ามาจริง ด้วยความที่เป็นรถที่มีตัวถังใหญ่ และเครื่องยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริด เดาจากราคาขายของ MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี) ที่ขายอยู่ที่ 1,359,000 บาท ซึ่งก็อาจจะมีราคาสูงไปถึง 1.5-1.6 ล้านเลยทีเดียว