หลังจากเผยโฉมออกสู่ประเทศญี่ปุ่น All-New 2024 Toyota Alphard (โตโยต้า อัลฟาร์ด) พร้อมด้วย 2024 Toyota Vellfire (โตโยต้า เวลไฟร์) ได้ฤกษ์เปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทยแล้ว
ก่อนหน้านี้ เคยมีรายงานว่า Toyota จะทำการหั่นทิ้ง Vellfire และเหลือแต่ Alphard ที่ขายดีกว่าไว้รุ่นเดียว แต่ก็ถูกต่อต้านอย่างหนักจากทีมผู้บริหารบางส่วน ทำให้สุดท้ายแล้วต้องจัดจำหน่ายทั้งสองรุ่นพร้อมกันต่อไปทั้งในแดนอาทิตย์อุทัยและบ้านเรา
Alphard ยังคงถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถระดับแฟล็กชิพ มอบความสะดวกสบายดุจดังห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ เหมาะสำหรับลูกค้าทั้งกลุ่มครอบครัวและผู้บริหารระดับสูงที่ต้องการการพักผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมแล้ว มีการปรับไลน์อัพใหม่โดยไม่มี Alphard 3.5 VIP และ Vellfire 2.5 แล้ว ทำให้เหลือ 3 รุ่นย่อย ได้แก่
Toyota Alphard 2.5 HEV Luxury ราคา 4,499,000 บาท
Toyota Vellfire 2.5 HEV ราคา 4,279,000 บาท
Toyota Alphard 2.5 HEV ราคา 4,129,000 บาท
ชมสเปกฉบับเต็ม
มิติตัวถังของ Alphard มีขนาดยาว 5,010 มม. กว้าง 1,850 มม. และสูง 1,950 มม. ระยะฐานล้ออยู่ที่ 3,000 มม. ความกว้างช่วงล้อหน้าและหลังอยู่ที่ 1,605 มม. และ 1,625 มม. ตามลำดับ รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 5.9 เมตร ขณะที่ Vellfire มีความยาวสั้นกว่า 5 มม. ส่วนมิติตัวถังที่เหลือเท่ากัน
รูปลักษณ์รอบคันหล่อเหลาและสง่างาม พร้อมแฝงความทันสมัย ไฟหน้า Full LED โปรเจคเตอร์ พร้อมระบบ follow me home ไฟเดย์ไลท์ LED กระจังบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน และหลังคาแบบ Twin Moonroof
ล้ออัลลอยของ Alphard ตัวท็อปและ Vellfire ใช้ขนาด 19 นิ้วเท่ากัน ขณะที่ Alphard ตัวเริ่มต้นใช้ขนาด 17 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังแท้ Premium Nappa และหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบความจำ 3 ตำแหน่ง และมีระบบระบายอากาศและทำความร้อน พร้อมมีระบบเลื่อนถอยหลังอัตโนมัติขณะเข้า-ออกจากตัวรถ มีแสงไฟสร้างบรรยากาศปรับสูงสุด 64 สี
เบาะนั่งผู้โดยสารถอยหลังมีทั้งแบบ 2 ที่นั่งแบบ Executive Lounge ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสามเป็น 3 ที่นั่ง ปรับธรรมดา 4 ทิศทาง พร้อมที่พักแขน และแยกพับเก็บแบบแขวนได้
บนคอนโซลมีจอสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอ HUD แบบสี ระบบเบรกมือไฟฟ้า โหมดการขับขี่มี EV Mode, Normal Mode และ ECO Mode เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง Navigator ลำโพง JBL ทั้งหมด 15 ตำแหน่ง รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto
มีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า UBS ที่ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และ 1 ตำแหน่งที่คอนโซลกลาง รวมถึงอีก 4 ตำแหน่งบริเวณเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองและแถวสาม อีกทั้งยังมีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V อีก 1 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จไฟอุปกรณ์แบบไร้สาย
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 4 โซน พร้อม S-Flow และระบบหมุนเวียนอากาศอัตโนมัติ กระจกมองหลังแบบดิจิตอล ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิทช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย ม่านบังแดดปรับไฟฟ้าบริเวณหลังคาและกระจกด้านข้างผู้โดยสารแถวสองและแถวสาม
เครื่องยนต์เป็นเทคโนโลยีไฮบริด รหัส A25A-FXS บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-I พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 238 นิวตันเมตรที่ 4,300 – 4,500 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังอยู่ที่ 134 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ทำให้ Alphard และ Vellfire ใหม่มีกำลังรวมสูงสุดอยู่ที่ 250 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง ดิสก์เบรก 4 ล้อ
ระบบความปลอดภัยประกอบด้วยกล้องมองภาพรอบคัน สัญญาณเตือนกะระยะ 8 ตำแหน่งทั้งด้านหน้าและหลัง สัญญาณไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน ระบบเบรก ABS, BA และ EBD รวมถึงระบบ VSC, TRC และ HAC
นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้างและช่วยเตือนขณะถอยรถ พร้อมระบบช่วยเตือนการเปิดประตู มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน ระบบความปลอดภัยก่อนการชน ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ส่วนถุงลมนิรภัยมีทั้งหมด 6 ตำแหน่ง