Compact Executive เกรด | Sedan ตัวถัง | AT รูปแบบเกียร์ | 2.0L ปริมาตรกระบอกสูบ |
2024 - 2025 Mercedes-Benz C-Class Saloon มีให้เลือกถึง 2 รุ่นย่อยพร้อมราคาเริ่มต้นอยู่ที่ THB 2,590,000 ถึง THB 2,990,000 รุ่นเริ่มต้นของ c-class-saloon คือ 2022 Mercedes-Benz C-Class C 220d Avantgarde ที่ราคา THB 2,590,000 ส่วนรุ่นท็อปสุด Mercedes-Benz C-Class Saloon มาพร้อมราคา THB 2,990,000.
Mercedes-Benz C-Class 2024 มีรูปภาพและรูปถ่ายทั้งหมด 107 รูป รวมรูปภาพ & รูปถ่ายภายใน 33 รูป รูปภาพ & รูปถ่ายภายนอก 69 รูป รูปเครื่องยนต์และทอื่นๆ 5 รูป ชมมุมมองด้านหน้า มุมมองด้านหลัง ด้านข้างและมุมมองด้านบนของ Mercedes-Benz C-Class 2024 รุ่นใหม่ได้ที่นี่.
เมอร์ซีเดส-เบนซ์ C-Class มักจะถูกนึกถึงเป็นรุ่นแรกๆถ้าใครที่คิดจะซื้อเบนซ์เป็นคันแรกของบ้าน ไม่ว่าจะขับเองหรือจะซื้อไว้ให้ลูกหลานขับ โดย C-Class ทำหน้าที่รถซีดานไซส์เล็กของเบนซ์ได้ดีตลอดมา ฟัดกับคู่ปรับ 3-Series มาได้อย่างสูสีและมียอดจำหน่ายที่สูงกว่าในไทย ปัจจุบันรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 5 มาในรหัส W205 โดยเจนนี้จะไม่มีรุ่นเครื่องยนต์เบนซินล้วนให้เลือกยกเว้นรุ่นแรงสุด AMG C43 นอกนั้นเครื่องยนต์เบนซินจะพ่วงมาด้วยระบบปลั้กอินไฮบริดทั้งหมด ส่วนรุ่นดีเซลที่เป็นรุ่นยอดฮิตยังอยู่ ซึ่งตอนนี้รุ่นปัจจุบันนี้ (2021) ถือว่าอยู่ในช่วงปลายอายุตลาดแล้วเพราะต่างประเทศมีการเปิดตัวเจนที่ 6 รหัส W206 วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Mercedes-Benz C 220d Avantgarde ราคา 2,479,000 บาท
Mercedes-Benz C 220d AMG Dynamic ราคา 2,990,000 บาท
Mercedes-Benz C 300e Avantgarde ราคา 2,599,000 บาท
Mercedes-Benz C 300e AMG Sport ราคา 2,699,000 บาท
Mercedes-Benz C 300e AMG Dynamic ราคา 2,990,000 บาท
Mercedes-Benz AMG C 43 4MATIC ราคา 4,099,000 บาท
C-Class โฉมนี้เป็นรุ่นปรับโฉมในรหัสตัวถัง W205 ดีไซน์โดยรวมยังคงเหมือนเดิมทึกอย่างแต่มีการปรับปรุงไฟหน้า ไฟท้ายใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น และมีการยกเลิกการใช้กระจังหน้าแบบคลาสสิคพร้อมโลโก้ดาวบนฝากระโปรงออกจากเบนซ์รุ่นนี้แล้ว สำหรับรุ่น Avantgarde จะได้ไฟหน้า LED High Performance ที่เป็นไฟเม็ดเล็กๆเรียงกันเป็นแถวสองชั้น มาพร้อมกระจังหน้าแบบโลโก้ตราดาวขนาดใหญ่แปะตรงกลางพร้อมเส้นโลหะตัดผ่านกระจัง 2 เส้น ดีไซน์ช่องดักลมด้านล่างยังเหมือนเดิม ส่วนรุ่น AMG Sport จะได้ไฟหน้าเหมือนของ Avantgarde แต่มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Diamond Grill พร้อมโลโก้เบนซ์ขนาดใหญ่ตัดด้วยเส้นโลหะ 1 เส้น ส่วนรุ่น AMG Dynamic ขึ้นไปจะมาพร้อมไฟหน้าแบบมีโคมลูกแก้ว LED แบบปรับทิศทางได้ขนาดใหญ่พร้อมเม็ด LED เล็กเหมือนของ Avantgarde อีก 2 เม็ดด้านข้างและกระจังหน้าเหมือน AMG Sport ด้านข้างรุ่น Avantgarde จะมาพร้อมแถบโครเมี่ยมตัดบริเวณด้านล่างของประตูทุกบาน รวมถึงด้านหลังที่ตัดกับท่อไอเสียด้วย ไฟท้ายเหมือนกันหมดทุกรุ่นโดยเปลี่ยนดีไซน์ในโคมให้ไฟเบรกเป็นรูปตัว C ท่อไอเสียเป็นทรงสี่เหลี่ยมมนๆ ทุกรุ่นและรุ่น AMG ขึ้นไปจะมีดิฟฟิวเซอร์เล็กด้านหลังเสริมลุคด้วย ส่วนรุ่น C43 AMG จะมาพร้อมท่อไอเสียคู่ออกซ้ายขวา ดิฟฟิวเซอร์ท้ายใหญ่กว่า ด้านข้างรถมีเพลท BI-TURBO แปะบริเวณหลังซุ้มล้อหน้า ด้านหน้ามาพร้อมเส้นตัดโลโก้บริเวณกระจังหน้าแบบหนาเส้นเดียวพร้อมสัญลักษณ์ AMG
มิติตัวรถ Mercedes-Benz C-Class | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|
รุ่นย่อย | C 220d Avantgarde | C 300e AMG | C 43 4MATIC | |||
ความยาว(มม.) | 4,686 | 4,702 | 4,699 | |||
ความกว้าง(มม.) | 1,810 | 1,810 | 1,810 | |||
ความสูง(มม.) | 1,442 | 1,432 | 1,429 | |||
ระยะฐานล้อ(มม.) | 2,840 | 2,840 | 2,840 | |||
พื้นที่เก็บสัมภาระ (ลิตร) | 455 | 300 | 435 |
หมายเหตุ สำหรับรุ่น Avantgarde ไม่ว่าจะรุ่นดีเซลหรือปลั้กอินไฮบริดตัวถังภายนอกจะขนาดเดียวกัน สำหรับไลน์ AMG Sport และ Dynamic ไม่ว่าจะรุ่นดีเซลหรือปลั้กอินไฮบริดตัวถังภายนอกจะขนาดเดียวกันเช่นกัน ต่างกันตรงพื้นที่เก็บสัมภาระที่รุ่นปลั้กอินไฮบริดจะมีพื้นที่น้อยกว่าเพราะต้องเสียพื้นที่ไว้วางแบตเตอร์รี่เพิ่ม
ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบที่ดูหรูหราและมินิมอล เริ่มด้วยช่องแอร์ทรงกลมทุกตำแหน่ง ฝั่งคนนั่งหน้าคนละช่อง คอนโซลกลาง 3 ช่อง แอร์หลังบริเวณหลังอุโมงค์กลาง 2 ช่อง ตัดกรอบด้วยสีเงิน คอนโซลกลางตกแต่งด้วยสีดำตัดด้วยทริมสีเงิน บริเวณบนคอนโซลบุนุ่ม จอกลางขนาดใหญ่ขึ้น มาตรวัดเป็นจอดิจิตอลแบบเต็มทำกรอบจอเป็นทรงมาตรวัดแบบเข็ม ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอได้หลากหลายและมีความคมชัดมากที่สุดแบรนด์นึงในตลาด พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านโดยรุ่น Avantgarde จะเป็นพวงมาลัยสีดำและไม่ได้แพดเดิลชิฟต์ สำหรับรุ่น AMG ขึ้นไปจะเป็น 3 ก้านสีโลหะพร้อมแพดเดิลชิฟต์สีโลหะ คอนโซลกลางลายคาร์บอนสีเงิน และมีปุ่มน้อย มีปุ่มปรับแอร์ นาฬิกาแบบเข็ม และพวกไฟฉุกเฉิน บริเวณอุโมงค์กลางมีช่องวางแก้วน้ำซ่อนอยู่ใต้ฝาพับ ถัดมาเป็นที่อยู่ของทัชแพดเพื่อใช้กับหน้าจอกลาง และมีที่เท้าแขนสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าแบบกดปุ่มเปิดเป็นช่องเก็บของได้ บริเวณแผงประตูมีการบุนุ่มและตัดด้วยทริมสีเงิน มีปุ่มปรับตำแหน่งเบาะอยู่ และในรุ่น AMG Sport ขึ้นไปจะมีปุ่มสำหรับเซฟตำแหน่งเบาะได้ เบาะโดยสารเป็นเบาะหนังพร้อมมีพนักโอบตัวให้ไม่ลื่นไถล สำหรับด้านหลังเป็นที่นั่งแบบ 3 ที่นั่ง ที่นั่งตรงกลางสามารถดึงออกมาเป็นที่เท้าแขนได้ อุโมงค์กลางรถนูนขึ้นมาระดับหนึ่งทำให้คนนั่งตรงกลางต้องถ่างขาออกเล็กน้อย ในรุ่น AMG Dynamic ขึ้นไปจะได้หลังคาแบบ Panoramic Sunroof ด้วย สำหรับรุ่น C43 AMG จะมีการตกแต่งที่ต่างจากรุ่นธรรมดาคือ พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้านท้ายตัดพร้อมโลโก้ AMG และมีมาร์คสีแดงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาเพื่อให้คืนล้อได้อย่างรวดเร็ว เบาะนั่งภายในสีดำเดินตะเข็มแดงทั้งคันและเข็มขัดนิรภัยเป็นสีแดง
สำหรับเทคโนโลยีและอุปกรณ์พื้นฐานมาพร้อม ไฟหน้าแบบปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้าโดยฝั่งคนขับปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบเปิดปิดฝาท้ายด้วยไฟฟ้า กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า ม่านบังแดดหลังแบบปรับไฟฟ้า ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารปรับได้ 64 สี หน้าจอกลางรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบธรรมดา และสำหรับรุ่น AMG Sport ขึ้นมาจะได้ระบบกุญแจแบบ Keyless GO ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3 โซน พวงมาลัยปรับระดับด้วยไฟฟ้า ระบบแผนที่นำทางในตัว สำหรับรุ่น AMG Dynamic ขึ้นไปจะได้ไฟหน้าที่มาพร้อมระบบปรับโคมตามองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบฝาท้ายไฟฟ้าเปิดปิดโดยไม่ต้องใช้มือ ระบบเครื่องเสียงจาก Burmester
ขุมพลังสำหรับ C-Class ที่ทำตลาดในบ้านเราจะแบ่งออกเป็น 3 ขุมพลังหลักได้แก่ เครื่องดีเซล เครื่องเบนซินแบบปลั้กอิน-ไฮบริด และก็เครื่องเบนซินเทอร์โบบล็อคใหญ่แบบสันดาปล้วน โดยสำหรับรุ่นเริ่มต้นเป็นเครื่องดีเซลสามัญประจำบ้านประจำในตัวถัง C 220d รหัสเครื่อง OM 654 เครื่องดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบเดี่ยว 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร สามารถสร้างแรงม้าได้ 194 แรงม้า ที่ 3800 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1600 - 2800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.9 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 240 กม./ชม. สำหรับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยทำได้น่าประทับใจที่ 21.3 กม./ลิตร อัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ยอยู่ที่ 122 กรัม/กม.
สำหรับรุ่นปลั้กอินไฮบริดเป็นการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างเครื่องเบนซินเทอร์โบ 4 สูบ รหัส M274 ความจุ 2.0 ลิตร ที่สามารถให้กำลังได้สูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1200 - 4000 รอบ/นาที ส่วนทางฝั่งมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถสร้างกำลังได้สูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร เมื่อรวมกันแล้วทั้งระบบเจ้า C 300e จะมีแรงม้าทั้งหมด 320 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร สูงกว่าพี่ใหญ่ของรุ่นซะอีก โดยส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง โดยมีแบตเตอร์รี่ความจุ 13.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง คอยจ่ายไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงาน สำหรับสมรรถนะสามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม ได้ภายใน 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม. ด้านอัตราการสิ้นเปลืองเฉลี่ยตัวเลขที่ได้จากกรมสรรพสามิต สามารถทำได้มากถึง 50 กม./ลิตร และอัตราการปล่อยไอเสียอยู่ที่ 45 กรัม/กม. ซึ่งน่าจะเป็นการทดลองโดยที่แบตเตอร์รีถูกชาร์จไฟมาจนเต็มทำให้เครื่องยนต์แทบไม่ต้องทำงาน ซึ่งการใช้งานจริงตัวเลขจะไม่ได้ดีอย่างที่เห็น
สำหรับพี่ใหญ่ของรุ่น C 43 จะมาพร้อมขุมพลังที่ใหญ่ขึ้นโดยมาพร้อมเครื่องเบนซิน V6 เทอร์โบคู่ รหัสเครื่อง M276 ความจุ 3.0 ลิตร สามารถรีดแรงม้าออกมาได้สูงสุดทั้งหมด 390 แรงม้า ที่ 6100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 2500 - 5000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อนสี่ล้อ สำหรับสมรรถนะสามารถทำอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม เช่นกัน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 10.6 กม./ลิตร และอัตราการปล่อยไอเสียอยู่ที่ 214 กรัม/กม
รุ่น C220d เครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้ยังคงไว้ใจได้และให้เรี่ยวแรงที่ดีเหมือนเดิม เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะลูกนี้ ทำงานดีและตอบสนองทันใจจะขับแบบเรื่อยๆในเมืองหรือขับแบบสปอร์ตโดยใช้โหมด Comfort ก็สามารถทำได้ดีและดีเลย์น้อยลงจนคุณไม่หงุดหงิด ซึ่งพอเปลี่ยนไปใช้โหมดสปอร์ตมันก็ให้ประสบการณ์สปอรต์ที่ดีใกล้เคียงคู่แข่งร่วมชาติเลย นับว่าเบนซ์ตั้งใจพัฒนารถรุ่นนี้โดยลบจุดอ่อนเรื่องความสปอร์ตลงได้ ช่วงล่างแข็งขึ้นหน่อยแต่ไม่ได้กระเทือนมาก ขณะเดียวกันรุ่น 300e ช่วงล่างนุ่มกว่า แต่โดยความที่ต้องแบกแบตเตอร์รี่ด้วยเวลาขับบู้มุดเปลี่ยนเลนจะโยนตัวกว่า 220d ท้ายออกง่ายกว่า สำหรับสมรรถนะเร็วมากด้วยแรงบิดมหาศาลจากมอเตอร์เข้ามาช่วย ในช่วงออกตัวให้ฟีลลิ่งเหมือนขับรุ่น C43 ไม่ปาน มันพร้อมกระชากให้หลังติดเบาะได้ทันที ถ้าพื้นลื้นการออกตัวรถสามารถล้อฟรีทิ้งได้ ไม่ธรรมดา การใช้งานพฤติกรรมคันเร่งจะดุขึ้นหน่อยไม่ว่าในโหมดไหนก็ตาม ถ้าเผลอกดเท้าแรงไปหน่อยรถพร้อมจะพุ่งทันที เวลาคิกดาวน์ไม่ต้องห่วงมั่นใจได้ทันที พวงมาลัยให้สัมผัสที่ดี น้ำหนักไม่เบาเกินไปและไม่หนักเกินไปใช้ได้ทุกเพศทุกวัย ปัญหาอย่างหนึ่งของ C300e คือเรื่องของการตัดต่อกำลังโดยปกติการขับใช้งานทั่วไปที่ไม่เร็วมาก ถ้ารถมีไฟเหลือเยอะรถจะใช้ไฟฟ้าเป็นหลักแต่เมื่อไหร่ที่มีการติดเครื่องยนต์ขึ้นมารับช่วง รถจะมีอาการกระตุกไม่ต่างกับรหัส C350e ในรุ่นก่อนปรับโฉมเท่าไหร่ ยังเป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข การเบรคถ้ากดไม่ลึกอาจจะไม่มั่นใจเท่ากับใน C220d ด้วยการมีเจนเนอเรเตอร์เข้ามาช่วยในการเบรค ลองทำความคุ้นชินกับรถดูก่อนแล้วคุณจะชินกับการกะน้ำหนักเท้าเอง สำหรับรุ่น C43 การเร่งการออกตัวไม่แพ้รถสปอร์ตที่แรงม้าใกล้เคียงกัน ช่วงล่างแข็งและมีอาการแอบดีดนิดหน่อย การขับมุดไปมาในช่วงความเร็วไม่เกิน 160 กม./ชม. ให้ความมั่นใจมากกว่าตัวก่อนไมเนอร์ แต่การขับที่ความเร็วสูงกว่านั้นแม้จะเป็นทางตรงกับเป็นเรื่องน่ากลัวขึ้น เกียร์ทำงานได้ฉลาดฉับไว การแตะคันเร่งรถจะพุ่งทันทีแต่การถอนคันเร่งรถทำเอนจิ้นเบรคหนักไปหน่อย ทำให้การใช้งานทั่วไปหัวคุณอาจจะโยกบ้างเล็กน้อย เอาไปซิ่งแบบ 4 คนเหมาะกว่า
เบนซ์ขึ้นชื่อว่าทำห้องโดยสารได้หรูหราและน่าตื่นตาตื่นใจ ภายในของ C-Class ทุกรุ่นมาพร้อมไฟในห้องโดยสารที่จัดเต็มตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ขับตอนกลางวันไม่เท่าไหร่แต่ถ้าขับตอนกลางคืน บรรยากาศรถคุณดูเหมือนเลานจ์แบบพรีเมี่ยมเลย สำหรับเบาะนั่งในรุ่นที่ต่ำกว่า AMG Dynamic จะเป็นหนังแบบ Artico ที่ค่อนข้างแข็งนั่งไม่ค่อยสบายและเบาะหลังแข็งไปนั่งไม่สบาย สำหรับรุ่น AMG Dynamic จะได้เป็นเบาะหนังแท้ที่ด้านหน้านั่งสบายขึ้นแต่ด้านหลังก็ยังนั่งไม่ค่อยสบายอยู่ดี ตำแหน่งเบาะมันชันไปหน่อย ระบบเสียงใช้ได้และยิ่งรุ่นบนที่เป็น Burmester ให้ประสบการณ์ที่ดี การเก็บเสียงเงียบพอประมาณพอๆกับคู่แข่งร่วมชาติ แต่คู่แข่งจากญี่ปุ่นทำได้ดีกว่า
Mercedes-Benz C-Class คือการพยายามนำความหรูหราจากรุ่นใหญ่ S-Class แบ่งปันมาใช้ในรถไซส์คอมแพ็คแบบที่ไม่ค่อยกั้ก ซึ่งเบนซ์ก็ทำได้ดีโดยตลอด ซึ่งเหมือนเบนซ์จะรู้ว่าที่คู่แข่งร่วมชาติขายดีเพราะความสปอร์ตจึงทำให้รถรุ่นนี้มีความเฟิร์มมากขึ้นทั้งช่วงล่าง พวงมาลัย เกียร์ ตอบสนองได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ห้องโดยสารไฟสร้างบรรยากาศทำได้ดีและจัดเต็มที่สุดของคลาส หน้าจอดิจิตอลคมชัดและหลากหลาย เบาะนั่งภายในแข็งไปหน่อย และคู่แข่งกว้างกว่านิดนึง รุ่นดีเซลไว้ใจได้เหมือนเดิม รุ่นปลั้กอินไฮบริดออกตัวแรงเกือบเท่ารุ่นท้อปแต่การใช้งานทั่วไปการตัดต่อกำลังยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ รุ่น C43 คือรถที่พร้อมซิ่งตลอดเวลาใช้งานทั่วไปมีกระชากเล็กน้อยแต่ใช้ในสนามตอบโจทย์ดี
มีสัญญาณกะระยะถอยหลังและรุ่นย่อยของMercedes-Benz C-Class Saloon ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 Mercedes-Benz C-Class Saloon C 300 e AMG Dynamic | 2020 Mercedes-Benz C-Class Saloon C 300 e Avantgarde | 2020 2.0 Mercedes-Benz C-Class Saloon C 220 d Avantgarde |
สัญญาณกะระยะถอยหลัง | ใช่ | ใช่ | ใช่ |
มีระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้าและรุ่นย่อยของMercedes-Benz C-Class Saloon ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 Mercedes-Benz C-Class Saloon C 300 e AMG Dynamic |
ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า | ใช |