Wuling Mini EV ขายครึ่งปีแรกมากกว่า Tesla Model 3 เกือบเท่าตัว เป็นไปได้อย่างไร
May · Aug 2, 2021 03:20 PM
0
0
Wuling Mini EV (วู่หลิง มินิ อีวี) คว้าแชมป์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าครึ่งปีแรกของจีนได้เรียบร้อยแล้ว มีแนวโน้มสูงที่จะสามารถการรักษาตำแหน่งผู้นำได้อีกครั้งเมื่อสิ้นสุดปี 2021
ยอดขายของ Mini EV หรือขายในจีนภายใต้ชื่อ Hongguang MINI EV ในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 29,143 คัน ถึงแม้ตัวเลขดังกล่าวจะสูงมากแต่ยังไม่เต็มกำลังการผลิตเพราะมีรายงานว่า Wuling สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ได้มากถึง 50,000 คันต่อเดือนเลยทีเดียว
แต่กระนั้น Mini EV ก็มียอดขายได้สูงที่สุด เหนือกว่าอันดับ 2 และ 3 อย่าง Tesla Model 3 (เทสล่า โมเดล 3) และ Tesla Model Y (เทสล่า โมเดล วาย) ที่ทำยอดขายได้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้ที่ 16,515 คันและ 11,623 คันตามลำดับ
Mini EV สามารถกวาดยอดขายได้อย่างน่าประทับใจจนขึ้นแท่นแชมป์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าได้สำเร็จในปี 2020 ส่วนในปี 2021 นี้คาดว่าพวกเขาจะรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อีกครั้งหลังสามารถทำยอดขายสะสมครึ่งปีแรกได้ที่ 157,939 คัน ซึ่งเท่ากับขายได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 26,000 คัน
ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าที่ทำยอดขายสะสม 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ในอันดับสองคือ Model 3 มียดขายอยู่ที่ 84,845 คัน และอันดับสามได้แก่ Model Y ทำได้ 46,180 คัน
ที่น่าสนใจก็คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ทำยอดขายอยู่ใน 10 อันดับแรกที่เหลือล้วนเป็นรถเจ้าถิ่นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น BYD Han EV, GAC Aion S, Great Wall ORA R1 และ Chery eQ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Mini EV ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ยังทำได้แค่อันดับหกเมื่อเทียบกับยอดขายรถยนต์ทั้งตลาดที่รวมรถเครื่องยนต์สันดาปด้วย โดยอันดับหนึ่งเป็นของ Nissan Sylphy (นิสสัน ซิลฟี่) มียอดขายถึง 250,921 คัน ส่วนอันดับสองคือ Volkswagen Lavida ทำตัวเลขได้ที่ 217,783 คัน และอันดับสามคือ Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) ทำยอดขายได้ 177,592 คัน
ทำไม Wuling Mini EV ถึงได้รับความนิยม
Mini EV ถือเป็นรถขนาดมินิสมชื่อด้วยมิติตัวถังที่มีความยาวเพียง 2,917 มม. กว้าง 1,493 มม. และสูง 1,621 มม. พร้อมกับมีระยะฐานล้อ 1,940 มม. เท่านั้น
แต่ไฮไลท์ของ Mini EV คือการถูกวางตำแหน่งการตลาดให้เป็น “สินค้าแฟชั่น” ไม่ได้เป็นแค่รถยนต์ทั่วไป จึงถูกใจหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ในแดนมังกรที่มักซื้อรถยนต์รุ่นจิ๋วโมเดลนี้ก่อนจะเลือกตกแต่งตัวถังภายนอกและในห้องโดยสารตามความต้องการ
ที่สำคัญ Mini EV ยังมีราคาเริ่มต้นเพียง 4,500 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.4 แสนบาทเท่านั้น ขณะที่รุ่นอัพเกรดอย่าง Macaron ขยับขึ้นไปที่ 6,000 เหรียญสหรัฐหรือ 1.8 แสนบาท ถือว่าย่อมเยาอย่างมากและเอื้อมถึงได้ง่ายสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่วัยเริ่มทำงาน