ในอดีต การซื้อรถยนต์ไฮบริดเกือบจะเป็นของแสลงของคนไทย เนื่องด้วยความไม่มั่นใจในการใช้งาน รวมถึงการซ่อมแซม และราคาถือว่าค่อนข้างแพงสำหรับ 10 ปีที่แล้ว ที่มีราคาล้านบาทขึ้นไปทุกคัน
โดยในปีนี้จะเป็นปีที่ 11 ของรถยนต์ไฮบริดที่อาจจะยังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คนด้วยหน้าตาที่แปลกออกไป แม้จะทำยอดขายได้ไม่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นรถที่น่าสนใจ นั่นคือ Toyota Prius (โตโยต้า พริอุส) นั่นเอง
โดยวันนี้เราจะพาไปดูกันว่าเขายังน่าใช้ไหม กับไฮบริดคันที่สองของ Toyota (โตโยต้า) ประเทศไทย
ขายไทยครั้งแรก
หลายท่านที่ไม่รู้ อาจคิดว่าโตโยต้า พริอุสเป็นไฮบริดของค่ายสามห่วงที่ขายในไทยคันแรก แต่ที่จริงแล้วเป็น Toyota Camry Hybrid (โตโยต้า แคมรี่ ไฮบริด) ปี 2009 มาพร้อมกับรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ และได้ผลตอบรับที่ดีอย่างถล่มทลาย ด้วยการรวมเอาประสิทธิภาพกับความประหยัดไว้ ความคุ้มค่า คุ้มราคา
สำหรับ Toyota Prius นำเข้ามาขายในไทยปี 2010 เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 โดยได้ออกมาผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1997 ประกอบที่จังหวัดฉะเชิงเทราในประเทศไทย ถือว่าได้ใช้โฉมนี้ต่อจากญี่ปุ่น
ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้นำพริอุสเข้ามาก่อน อาจจะคล้ายกับการเพิ่มคำว่า Altis เข้าไปใน Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) คือคาดว่าหากมาเปิดตัวเดี่ยว ๆ อาจจะขายไม่ได้ เนื่องจากคนไทยไม่คุ้นชิน จึงต้องมีการนำร่องด้วยแคมรี่เพื่อดูแนวโน้มของตลาดไทยไปก่อน ว่าพอขายระบบไฮบริดได้ไหม แล้วค่อยนำเข้ามา
เครื่องยนต์ประหยัด
Toyota Prius เป็นรถแบบ Full Hybrid สามารถขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ล้วน ๆ หรือมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือทำงานร่วมกันก็ได้ เครื่องยนต์มีขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i แบบ Atkinson Cycle
ให้กำลัง 99 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังกำลังสูงสุด 60 กิโลวัตต์ (82 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร เมื่อรวมกำลังกับเครื่องยนต์แล้ว ให้แรงม้าสูงสุด 136 แรงม้า
ส่งกำลังด้วยเกียร์ไฟฟ้าอัตโนมัติ (Electronic Gear Shift) พร้อมระบบคันเกียร์กลับคืนสู่ตำแหน่งกลางอัตโนมัติทุกครั้ง และเกียร์ทดกำลัง (Reduction Gear) เพื่อเพิ่มแรงบิดให้มอเตอร์ไฟฟ้า
ในส่วนของอัตราประหยัดน้ำมัน เคลมว่าสามารถทำได้ 20-21 กม./ลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ หากขับแบบทั่วไปอาจได้ 18-19 กม./ลิตร แต่หากขับเรื่อย ๆ ไม่เรง อาจมี 22 กม./ลิตรให้เห็น
แบตยังเปลี่ยนฟรี
สิ่งที่ควรระวังก็คือ เรื่องแบตเตอรี่ว่าเปลี่ยนมาหรือยัง ประกันหมดหรือยังหรือว่าใกล้หมดสภาพแล้ว เราจึงอยากแนะนำให้หารถในปี 2555-2558 จะเป็นการดี เนื่องจากประกันแบตเตอรี่จากศูนย์ยังไม่หมด เคลมได้ฟรีแต่เสียค่าทำลายแบต 2,011 บาท
หากเป็น 2553-2554 อาจเสี่ยงต่อการแบตเสื่อม หรือยังไม่เปลี่ยนมา หากยังไม่เปลี่ยน ควรเตรียมเงินก้อนโตไว้รองรับได้เลย ราคาแบตของโตโยต้า พรีอุส จะอยู่ที่ 57,900 บาท
อะไหล่และข้อควรระวัง
ส่วนการใช้งาน ข้อควรระวังรุ่นนี้มีเสียงบ่นจากหลายท่าน ว่าปลดเกียร์ว่างเวลาจอดไม่ได้ เพราะเมื่อจอดรถจะเข้าเกียร์ P อัติโนมัติ ทำให้จอดขนานขวางรถคันอื่นไม่ได้ แต่เห็นในกลุ่มผู้ใช้พรีอุสว่าสามารถให้ช่างนอกเปิดได้เช่นกัน
และยอยพวงมาลัยมักจะมีปัญหาเสียงดังกันหลายคันด้วย อะไหล่อีกหลายอย่าง เช่น ตัวถัง, ชุดไฟ, มอเตอร์ไฟฟ้า, คอมเพรสเซอร์แอร์, หรือ Inverter ชาร์จไฟ ราคาค่อนข้างแพง การขับรถต้องขับอย่างระมัดระวัง และรักษารถให้ดี
ราคาอะไหล่คร่าว ๆ จากศูนย์บริการ
- แบตเตอรี่ไฮบริด รับประกัน 10 ปี ตัวใหญ่ ราคา 57,900 บาทไม่รวมภาษี
- แบตสตาร์ท ตัวเล็ก 7,000 บาท ไม่รวมภาษี
- Inverter ราคา 81,400 บาท (ศูนย์รับประกัน 15 ปี)
- มอเตอร์คอพวงมาลัย 30,300 บาท
- กล่อง ECU ราคา 33,250 บาท
- คอมเพรสเซอร์แอร์ 45,000 บาท
- ปั๊มเบรกไฟฟ้า 63,500 บาท
- หัวเทียนอิริเดียม หัวละ 720 บาท
- ชุดไฟหน้า LED คู่ละ 44,000 บาท
- กันชนหน้า ราคา 5,000 บาท ไม่รวมทำสี
- ปั๊มน้ำสำหรับตัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า 5,000 บาท
- ชุดแต่งกันชนหลัง 3,000 บาท ไม่รวมทำสี
แต่ถ้าหาอะไหล่เซียงกงได้ ก็ถูกกว่าถึงครึ่งหนึ่งครับ เก็บเงินไว้ดูแลปีละ 20,000 – 200,000 บาท เผื่อเงินมากไว้หน่อยเมื่อต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือ Inverter
คุ้มไหมถ้าซื้อมือสอง
Toyota Prius สมรรถนะถือว่าดีในระดับหนึ่ง การออกตัว เข้าโค้งได้ทันใจ เสียงเครื่องยนต์เบามาก ประหยัดน้ำมันได้ดี แต่เวลาขับเร็ว ๆ อาจมีอาการโยนที่ด้านท้ายเล็กน้อย
เป็นรถมือสองที่มีผู้เล่นเฉพาะกลุ่ม ตัวรถสวยไม่เหมือนใคร ถ้าคุณเช็คราคารถมือสองบ่อย ๆ ก็จะพบว่าราคาพรีอุสมือสองนั้นไม่แพงมาก จากราคาล้านกว่าบาทเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนี้ราคาเหลือเพียง 270,000-300,000 แสนบาท หากเปลี่ยนแบตมาแล้ว ก็สามารถใช้ต่อได้หายห่วงไปอีก 8-9 ปีครับ